xs
xsm
sm
md
lg

จวกอนุพงษ์กลางกลวง ยืนข้าง"ศพประชาชน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (10 ต.ค.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เมื่อเวลา 09.45 น. ตามความผิด มาตรา 116 คือ การปลุกปั่นยุยงประชาชนให้กระด้างกระเดื่อง มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ มาตรา 215 คือ มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ผู้ใดเป็นหัวหน้ามีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังการสอบสวน โดยแกนนำทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัวไปทั้งหมด อย่างไม่มีเงื่อนไข โดยมี ส.ว. 3 คน ประกอบด้วย 1.นายคำนูณ สิทธิสมาน 2.นายสาย อังกะเวคิน และ3.นายไพบูลย์ นิติตะวัน โดยใช้ตำแหน่งส.ว. ประกันตัวแกนนำฯทั้งหมด

**ยันพันธมิตรฯไม่ได้ทำความผิด
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วทางเรามีความมั่นใจว่า เราไม่ได้กระทำผิด และไม่มีการมั่วสุมแต่อย่างใด มาชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่เข้ามาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และปกป้องชาติ พระมหากษัตริย์ จึงไม่ต้องหนักใจอะไร ในเรื่องนี้
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เดินลงมาจากห้องสอบสวนเป็นคนแรกหลังได้รับประกันตัว ท่ามกลางเสียงตบมือของประชาชนที่มาให้กำลังใจ โดยนายสนธิ เปิดเผยว่า การสอบสวนตนได้เสร็จสิ้นเป็นคนแรก จึงได้เดินทางกลับออกมาก่อน โดยจะเดินทางไปที่ สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อไปจัดการเรื่องเอกสารให้เสร็จสิ้น
ขณะที่พ.ต.อ.วิบุลยุทธ สันทัดเวช รักษาการ ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 7 คน โดยผู้ต้องหาทั้งหมด ปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ประกันตัว โดยตั้งมูลค่าหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 1 แสนบาท และจะนัดสอบปากคำอีกครั้งต่อไป
ทางด้าน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ส.บก.น. 1 เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้นัดแกนนำ 7 คนมารายงานตัว วันที่ 24 ต.ค. ซึ่งข้อหาจะแจ้งเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนสอบสวน แต่ในวันนี้พนักงานสอบสวน ได้แจ้งเพียงข้อหาตามที่ศาลได้ออกหมายจับให้ทราบ

**เดินหน้าถามความชอบธรรม
นายสุริยะใส กตะศิลา เปิดเผยหลังได้รับการประกันตัวว่า หลังจากนี้ พันธมิตรฯยังคงจะเดินหน้าทวงถามความชอบธรรมกับการสลายการชุมนุมของตำรวจเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ต่อไป ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานมีผู้สูญหายกับเหตุการณ์กว่า 10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด
นายสุริยะใส กล่าวว่า จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทั้งในและต่างประเทศ ตามช่องทางรัฐธรรมนูญ ทั้งป.ป.ช. และศาลปกครอง เพื่อหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ แกนนำจะหารือวางยุทธศาสตร์ เคลื่อนไหวต่อไป โดยมีเป้าหมายเรียกร้องให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศแล้ว

** 7 ตุลาเลือดต้องมีคนรับผิดชอบ
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ว่า โดยหลักการหากเป็นคณะกรรมการที่น่าเชื่อถือ และมีอำนาจเต็ม พันธมิตรฯก็รับได้ แต่เราให้ความสำคัญกับการใช้กลไกของป.ป.ช. และศาลยุติธรรมมากกว่า เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ส่วนจะผ่านกระบวนการ ตรงไหน อย่างไรต่อไป ทางแกนนำทั้งหมดจะประชุมหารือกันอีกครั้ง และในเวลา 15.00 น. แกนนำทั้ง 5 คน จะเดินทางไปเคารพศพ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ที่วัดโสมนัสฯ ศาลา 4 จากนั้นจะเดินทางไปเคารพศพ น.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ (น้องโบว์) ที่วัดศรีประวัติ

**นครบาลหวั่นมือที่สามแทรก
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่จะเดินทางไปกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 13 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันครบรอบสถาปนาตำรวจว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่เป็นห่วงว่า หากเดินทางกันมาเป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะมีมือที่ 3 เข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ ทำให้ไม่ปลอดภัยได้ ซึ่งต้องหารือมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น
ส่วนการชุมนุมใหญ่ของนปช. วันที่ 14 ต.ค. ที่ท้องสนามหลวงนั้น จะป้องกันอย่างเต็มที่ไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน ตำรวจจะอยู่ตรงกลางเป็นโล่ มนุษย์ผลักดันไม่ให้มีการเผชิญหน้ากันเพื่อความปลอดภัยทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกันได้ประสานกำลังทหารเข้ามาเสริมการปฏิบัติการด้วย

**จวก"อนุพงษ์"ค้ำระบอบทักษิณ
เมื่อเวลา 21.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า จะมีการแจกซีดี และหนังสือเพื่อเผยแพร่หลักฐานที่ตำรวจเข่นฆ่าประชาชน โดยจะเริ่มแจกในวันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป สำหรับในกรุงเทพฯ จะแจกในจุดสำคัญๆ เช่น สวนจตุจักร เป็นต้น
จากนั้นนายสนธิ ได้กล่าวถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่บอกว่าทหารยืนเคียงข้างประชาชนนั้น อยากบอกว่าทหารยืนเคียงข้างศพประชาชนมากกว่า และป้ายที่กองทัพภาค ที่เขียนว่าเพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์ และประชาชน นั้นสมควรเอาข้อความที่เขียนว่า ประชาชนออกไปด้วย เพราะมีพฤติกรรมที่มีส่วนได้เสียกับระบอบทักษิณ ซึ่งมีส่วนในการทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
นายสนธิ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ พูดได้อย่างไรว่า ปฏิวัติไม่ดี เพราะจะดีไปได้อย่างไรเพราะลูกพี่คุณปฏิวัติเพื่อผลประโยชน์ของพวกคุณ และว่าเวลานี้ พล.อ.อนุพงษ์ได้ทำลายเกียรติภูมิของทหาร ทำลายเกียรติยศของทหาร ซึ่งลูกน้องเขาไม่พอใจ แต่เขาไม่พูด เพราะมีวินัย
"แค่คุณเดินตามหลังนายสมัคร สุนทรเวช ก็อัปยศพอแล้ว นี่ยังไปยืนข้างหลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกคุณอนุพงษ์ คุณเพียงแค่ยืมเครื่องแบบทหารมาใส่เท่านั้น เวลานี้เอาทหาร มายืนตามสี่แยกกลายเป็นแขกยามไปแล้ว" นายสนธิ กล่าว และว่า บางทีการที่รัฐบาลและนักการเมืองสัตว์นรกพวกนี้ถูกปฏิวัติแล้วถูกยึดทรัพย์ มันก็สาสมเหมือนกัน
นายสนธิ กล่าวว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแล้วต้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความเข้มแข็ง และประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่ปฏิวัติแบบสมบัติผลัดกันชม
"คุณเป็นผู้บัญชาการทหารบกได้อย่างไร เขาฆ่าประชาชนทั้งวัน แล้วยืนดูเฉยๆ แล้วมาบอกว่ายืนข้างประชาชน อย่างนี้เรียกว่ายืนข้างศพประชาชนมากกว่า คุณเป็นกลางเพื่อให้นักการเมือง ให้งบซื้ออาวุธ แล้วมีค่าคอมมิชชั่น เนื้อแท้ของคุณ ลูกน้องในกองทัพเขาด่าคุณ เขารับไม่ได้ที่นายเขายืมเครื่องแบบทหารมาใส่" นายสนธิระบุ อย่างไรก็ตามรู้สึกเห็นใจทหารเสือของพระราชาและพระราชินี ที่ถูกประชาชนดูถูกเหยียดหยาม เพราะมีนายกลางกลวง ยืนข้างระบอบทักษิณ
" ลูกของคุณเรียนที่อังกฤษแล้วเดินตามโอ๊ค ใช่หรือเปล่า สมัยก่อนยังเคยผ่อนบ้าน แต่ตอนนี้คุณรวยฉิบหาย ต่อไปนี้ให้เลิกพูดเรื่องรัฐบาลมาแล้วจากไป การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง เพราะถ้ารัฐบาลชั่วมาแล้วไป รัฐบาลชั่วกว่ามาแล้วไป แล้วคุณยังนิ่งเฉยอย่างนั้นหรือ ผมไม่รู้ว่าคุณจบปริญญาโทมาได้อย่างไร เพราะถ้าไม่รู้เรื่องการเมืองใหม่ ก็ให้ไปถามอธิการบดีนิด้าของคุณก็ได้" นายสนธิกล่าว
จากนั้นนายสนธิ ได้เปรียบเทียบสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับในกรุงเทพฯในขณะนี้ว่ามีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน คือเริ่มจากการเรียกร้องความเป็นธรรมจากความไม่ยุติธรรม มีการจับเหวี่ยงแห มีการให้ร้ายป้ายสี มีการล่าสังหาร ซึ่งเวลานี้ไม่ได้ต่างกันจนทำให้เกิดความแค้นแล้วนำไปสู่การลุกขึ้นสู้ ซึ่งปัญหาทั้งหมดล้วนเกิดจากตำรวจทั้งสิ้น
นายสนธิ ยังได้เปิดเผยกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯเดินทางไปมอบตัวที่สถานัตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เมื่อตอนสาย โดยตำรวจได้ประชุมกันว่าจะมีการให้ประกันตัวหรือไม่ ทั้งที่ในข้อหากบฎนั้นศาลอุทธรณ์ได้เพิกถอนเนื่องจากเห็นว่าเป็นข้อหาเลื่อนลอย แต่กลับมีความพายามจาก นายตำรวจบางคน เช่น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน รองผู้บัญชาหารตำรวจนครบาล ที่จะหาทางเพิ่มหลักฐานเข้าไปใหม่
นายสนธิยังแฉอีกว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตำรวจแอบไปขอหมายจับพันธมิตรฯในข้อหากบฎ เพิ่มอีก 6 คน โดยในนั้นมีน.ส.อัญชลี ไพรีรัก และนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายของตัวเอง เข้าไปด้วย แต่โชคดีที่ศาลเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้ง จึงเพิกถอนหมายจับในวันนี้
**สภาทนายแถลงการณ์ประณาม
นายเดชอุดมไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ฐานะประธานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ ได้ออกแถลงการณ์ สภาทนายความ เรื่อง อำนาจพนักงานสอบสวนที่ขัดรัฐธรรมนูญ และขัดต่อกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง จากกรณีที่พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ในคดีที่กล่าวหาแกนนำพันธมิตรฯ เป็นกบฏและข้อหาอื่นๆ เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงการใช้อำนาจที่เหลื่อมล้ำ และไม่ชอบธรรมกับประชาชนที่สุจริต ซึ่งเรื่องนี้สภาทนายความ ให้ความเห็นแย้งมาโดยตลอดว่า กระบวนการใช้อำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่พนักงานสอบสวนมักอ้างเสมอว่า จะขออำนาจศาลให้คุมตัวผู้ต้องหา เป็นกรณีที่ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม และขัดกับหลักกฎหมายโดยชัดแจ้ง สภาทนายความจึง ออกแถลงการณ์มา เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโปรดพิจารณาไตร่ตรอง และดำเนินการให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้สมจริงตามหลักนิติธรรม และมาตรฐานสาลกทั่วโลก
ในแถลงการณ์ยัง ระบุถึง กรณีที่ประชาชนถูกรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำร้ายถึงแก่ชีวิตและบาดเจ็บสาหัสหลายร้อยรายนั้น สภาทนายความได้จัดคณะทำงานเตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง คดีอาญา

**"จำลอง"ย้ำกก.สอบต้องคนกลาง
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่บุคคลที่จะมาเป็นกรรมการ ต้องไม่ใช่คนของรัฐบาล หรือตำรวจ ไม่เช่นนั้นการสอบสวนจะผิดเพี้ยน ผู้ชุมนุมจะไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมเห็นด้วยกับ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่เสนอให้ นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ แต่ระยะเวลาสอบสวนไม่ควรนานเกินไป เพราะประชาชนรอฟังข้อเท็จจริงอยู่
ส่วนที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เสนอจะหาคนกลางมาเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้คงไม่เหมาะ เพราะรัฐบาลและตำรวจทำให้บรรยากาศของการเจรจาเป็นไปได้ยากมากขึ้น

**เคลื่อนพลบุกสตช.วันจันทร์นี้
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 13 ต.ค. นี้ พันธมิตรฯ จะเคลื่อนการชุมนุมไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนัดรวมพลที่สนามกีฬาแห่งชาติ เวลา 09.00 น. เพื่อไปชี้โทษ เนื่องจากตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่มาทำร้ายประชาชน เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตรฯ ที่ต่อต้าน แต่ในต่างจังหวัด และองค์กรต่างๆ ก็ไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดความรุนแรง ถ้ามีเหตุรุนแรงก็เป็นการกระทำของฝ่ายก่อกวน และเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า พันธมิตรฯรู้สึกไม่พอใจท่าทีของกองทัพ และต้องการให้ทำรัฐประหาร เหมือนเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่ที่ผ่านมายืนยันว่า จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้น และเวลานี้ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตรฯ แต่ประชาชนและหลายองค์กร ต่างออกมาต่อว่าให้ทหารออกมาช่วยดูแลให้เกิดความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ที่พล.อ.ชวลิต ระบุว่า การปฏิวัติเป็นอีกหนทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ก็คงต้องรับฟังด้วย เพราะ พล.อ.ชวลิต เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ผ่านงานมาหลายอย่าง
พล.ต.จำลอง ยังปฏิเสธคำพูดของพล.อ.ชวลิต ที่อ้างว่า มีการเสนอเงื่อนไขยกเลิกข้อหากบฏ แลกกับการย้ายสถานที่ชุมนุมพ้นทำเนียบฯ โดยระบุว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ตนถือศีล 8 ไม่เคยโกหกใคร
พล.ต.จำลองยังกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลมาสลายการชุมนุมเมื่อไร พันธมิตรฯทั่วประเทศจะลุกฮือขึ้นทันที

** กลุ่ม 40 ส.ว.ร้องกก.สิทธิฯยูเอ็น
เมื่อเช้าวานนี้ (10 ต.ค.) กลุ่ม 40 ส.ว.นำโดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของรัฐบาลไทย ถึง นายโฮทายอง อลิซาเดห์ ผู้แทน OHCHR ที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินกลาง พร้อมทั้งรูปภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.โดยแปลเป็นภาษาไทย มีใจความว่า กลุ่ม 40 ส.ว. ห่วงใยอย่างยิ่ง ต่อวิกฤตการเมืองในประเทศซึ่งเกิดจากพฤติกรรมของรัฐบาลที่สร้างความขุ่นเคืองใจต่อสาธารณะชนอย่างกว้างขวาง
สังคมไทยเชื่อว่า รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลตัวแทนของ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และการประท้วงดังกล่าว เกิดในวันที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พยายามที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และได้สั่งการให้ใช้ความรุนแรง โดยใช้แก๊สน้ำตา และระเบิดที่รุนแรงกับผู้ชุมนุมอย่างสันติ นอกบริเวณรัฐสภา เหตุผลเพียงอย่างเดียวของรัฐบาลคือ ต้องการให้ ครม.และสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมดังกล่าว ขณะที่การประท้วงยังดำเนินต่อไป เพราะเห็นว่า การประชุมนั้นไม่ชอบธรรมเนื่องจากส.ส. ฝ่ายค้าน และส.ว.จำนวนหนึ่ง ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยยังมีปฏิบัติการที่ทารุณเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ทำให้ประชาชนบาดเจ็บมากกว่า 400 คน และเสียชีวิต 3 คน ความทารุณ และพฤติกรรมไร้มนุษยธรรมเกิดขึ้นทั้งๆที่ ความจริงแล้วรัฐบาลสามารถจะใช้วิธีการอื่นที่หลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ และชีวิตอย่างไม่จำเป็น
กลุ่ม 40 ส.ว. จึงขอเรียกร้องให้ OHCHR ใช้ความพยายามในการกระทำอย่างเหมาะสมเพื่อหยุดยั้ง และป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

**นายกฯไปประจวบฯเจอมือตบ
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงที่บ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยก่อนออกเดินทางได้ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหาบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ ตำรวจสลายกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า ในส่วนของการเยียวยาจะมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบเข้ามาดูแล ส่วนคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กำลังพยายามเฟ้นหาคนกลางที่ไม่ใช่คนของรัฐบาล หรือคนที่รัฐบาลจะควบคุมได้ ซึ่งขณะนี้กำลังทาบทามอยู่ แต่ยังไม่อยากเปิดเผย ทั้งนี้ไม่ได้กำหนดว่าคณะกรรมการจะมีกี่คน เพราะจะให้คนที่เป็นประธาน พิจารณาเองว่า ควรมีกรรมการกี่คน ส่วนผู้ที่จะมาเป็นประธานก็กำลังทาบทามอยู่
เมื่อถามถึงเสียงเรียกร้องจากหลายองค์กรที่ให้นายกรัฐมนตรี ยุบสภา หรือลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า ตนก็รับฟังทุกฝ่ายที่ให้ความเห็น เพราะเราคิดว่าบ้านเมืองก็เป็นของทุกคน แต่ตนก็ต้องดูว่าอะไรที่เหมาะสมที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็มีกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมมือตบ ไปรอขับไล่ด้วย

**นายกฯไม่กล้าสู้หน้าผู้นำเพื่อนบ้าน
เมื่อเวลา17.00น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ เลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านคือ ลาว กัมพูชาระหว่างวันที่ 12-13 ต.ค. และเลื่อนการไปเยือนพม่าในวันที่ 14 ต.ค.ว่า เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศมีความตึงเครียดมีความเคลื่อนไหวด้านต่างๆ นายกฯ มีความจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จึงต้องเลื่อนการเยือนประเทศเพื่อนบ้านไปก่อน
เมื่อถามว่าเหตุผลหนึ่งที่นายกฯงดเดินทาง เพราะกลัวว่าทหารจะจับกุมก่อนขึ้นเครื่องบิน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราเชื่อความเป็นชายชาติทหารของ ผบ.เหล่าทัพ ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ข้อกังวลของนายกฯ แต่อย่างใด
เมื่อถามว่า วันนี้นายกฯได้เดินทางไปตรวจราชการ จ.ประจวบฯและได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัวหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่านายกฯ ไปตรวจราชการที่จ.ประจวบฯ และไม่น่าจะมีหมายกำหนดการเข้าเฝ้าฯ
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อบางฉบับ โดยเสนอให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก่อการรัฐประหาร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องนี้ ฉะนั้นจึงไม่ได้หารือกับนายกฯ ในเรื่องนี้ ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า พล.อ.ชวลิต มีข้อเสนออย่างไร และหากมีข้อเสนอออกมาแล้ว จะต้องดูด้วยว่าจะตีความไปในแนวทางนั้นได้หรือไม่
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต อ้างว่าการลาออกนั้นเป็นการบูชายัญ เพื่อต่ออายุรัฐบาลให้อยู่ต่อไปได้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเคารพ แม้จะแสดงความเห็นแบบใดออกมาก็ต้องรับฟัง ส่วนจะสอดคล้องกับเจตนาจำนง หรือความต้องการของคนอื่นๆในรัฐบาลนั้น เป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะแสดงความเห็น ตนยืนยันว่าการลาออกของพล.อ.ชวลิต นั้นเป็นการตัดสินใจส่วนตัว และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีแรงกดดันใด จากแกนนำคนอื่นๆ ในรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลเลย
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่านายกฯ จะเว้นวรรคการทำงาน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายกฯไม่มีความคิดนี้
เมื่อถามว่าหลายภาคส่วนในสังคมเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภา หรือลาออก นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รัฐบาลยังคงจุดยืนเดิมคือ นายกฯจะบริหารราชการแผ่นดินตามที่ประชาชนมอบหมายต่อไป เมื่อถามว่า กลุ่ม นปช. จะจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์เดือนตุลา นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย จะจัดงานครบรอบ 35 ปีเหตุการณ์ 14 ตุลา 16ในวันที่12-14 ต.ค.ที่ สนามหลวง ส่วนรายละเอียดนั้นขอให้ไปสอบถามฝ่ายจัดงาน แต่ทราบว่าวันที่ 11 ต.ค. รายการความจริงวันนี้ จะจัดงาน ณ อาคารทันเดอร์โดม เมืองทองธานี
เมื่อถามว่ากิจกรรมดังกล่าวจะห้าม นปช.ไม่ให้ไปปะทะกับพันธมิตรฯหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะใช้คำว่า ห้ามหรือ สั่งไม่ได้ แต่ได้สื่อสารกันตลอดว่า สถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ต้องการความสงบ และปรองสมานฉันท์ แต่จะมีการเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่นั้น เป็นสิทธิโดยชอบของคนไทยทุกคน โดยเท่าเทียมกัน

**"หมอพรทิพย์"ออกเก็บหลักฐาน
พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบ.สำนักงานงานนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หนึ่งในคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา โดยมีนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และนายสุรชัย จันทิมาธร และผู้บาดเจ็บจากเครือข่ายชมรมศิลปิน ที่ได้รับบาดเจ็บจากตำรวจสลายการชุมนุมหน้า บช.น. ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ และเก็บรายละเอียดหลักฐาน

**แถลงพบสารระเบิด 2 จุด
ต่อมา พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ได้เปิดแถลงข่าวว่า ในเบื้องต้นพบสารประกอบระเบิด 2 จุด ในบริเวณที่จี๊ปเชอโรกี ระเบิดหน้าพรรคชาติไทย แถวแยกพิชัย และบริเวณริมรั้วกำแพง บช.น. ซึ่งต้องใช้เครื่องจีพี 200 ที่เป็นเครื่องตรวจสารประกอบระเบิดซึ่งมีประสิทธิภาพสูงตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นจะส่งไปให้โรงพยาบาลรามาธิบดี ใช้เครื่องไออ้อนสแกน ตรวจสอบหาสารประกอบระเบิดอย่างละเอียดทั้งหมด
ขณะเดียวกันก็จะส่งหนังสือคำร้องไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้จำลองการยิงแก๊สน้ำตาทุกชนิดที่ สตช.ใช้สลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค. เพื่อตรวจสอบและเปรียบเทียบสารที่ได้จากทั่วบริเวณจุดเกิดเหตุ ว่าตรงกับที่ สตช.ใช้ยิงแก๊สน้ำตาหรือไม่ นอกจากนี้ก็จะประสานไปยังกองพิสูจน์หลักฐานในวันนี้ 11 ต.ค. ให้เข้าตรวจสอบเสื้อผ้าผู้บาดเจ็บทั้งหมด ซึ่งเท่าที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นกับผู้บาดเจ็บบางส่วน คนหนึ่งก็พบสารเคมีประกอบระเบิด แต่อีกคนไม่พบว่ามีสารดังกล่าว จึงน่าเชื่อได้ว่า สารอาจมีมาและเกิดขึ้นคนละครั้ง
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จะเน้นดูแผล ถ้าโดนระเบิดบาดแผลจะเหวอะ มีสะเก็ดระเบิด และละอองสารเคมี ติดตามร่างกาย และเสื้อผ้า ส่วนศพผู้ตาย คงไปตรวจไม่ได้เพราะได้ส่งไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว

**

"คณิต"ไม่รับตำแหน่ง"คนกลาง"
นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเสนอให้นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และขอปฏิเสธไม่รับตำแหน่ง"แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรนะครับ ผมคงไม่รับล่ะครับ" นายคณิต กล่าว

ด้านพล.ต.ต.วสิษฐ เดชกุญชร อดีต รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการทาบทาม ถึงทาบทาม ตนก็ไม่ขอรับตำแหน่ง หากถามเหตุผล ก็จะบอกว่าตัวเองมีอคติ ลำเอียง เข้าข้างตำรวจ


นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์ประจำ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลในเรื่องดังกล่าว แต่จะตัดสินใจรับเป็นกรรมการหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าใครเป็นผู้ติดต่อ และติดต่อมาอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าบ้านเมืองยังมีคนมีความสามารถอีกเยอะ


ด้าน พล.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว. และอดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวระหว่างดำเนินรายการรู้ทันประเทศไทย ร่วมกับนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ว่า ตนยินดีรับเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนความจริงในเหตุการณ์นี้ แต่ไม่ทราบว่า นายกรัฐมนตรีจะกล้าแต่งตั้งหรือไม่

**5 แกนนำไว้อาลัย "สารวัตรจ๊าบ"
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่วัดโสมนัสวรวิหาร ภายในศาลา10 ญาติของผู้เสียชิวิตพร้อมกับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ จำนวนมาก ได้ทยอยเดินทางไปร่วมงานศพของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ หัวหน้าการ์ดอาสาพันธมิตรฯ ด้วยอาการโศกเศร้า และอาลัย ทั้งนี้แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คน และผู้ร่วมงาน ได้ร่วมรดน้ำศพด้วย
อย่างไรก็ตามญาติและพันธมิตรฯที่มาร่วมงานศพต่างวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมอย่างไม่พอใจ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกจากจะใช้แก๊สน้ำตาแล้วยังมีการสอดไส้นำระเบิดสังหารมาใช้กับประชาชน รวมทั้งวิจารณ์กรณีการเสียชีวิตของพ.ต.ท. เมธี โดยเฉพาะการด่วนสรุปของตำรวจว่า ผู้เสียชีวิตถูกระเบิดที่ตัวเองพกพามา
ทั้งนี้ การตั้งศพสวดพระอภิธรรมของ พ.ต.ท.เมธี ทางญาติ และพันธมิตรฯ กำหนดตั้งศพไว้ 4 วัน ระหว่างวันที่ 10-14 ต.ค. ขณะเดียวกันกลุ่มเพื่อนเสรี จะเป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมในวันแรกนี้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวช อดีต ผบ.ตร.และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรอง ผบ.ทบ.ได้ให้ตัวแทนนำพวงหรีดมาร่วมไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯได้คารวะศพพ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี แล้วก็ได้เดินทางไปคารวะศพ น.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ (น้องโบว์) ที่วัดศรีประวัติ ด้วย

**จวกกองทัพไม่ยืนข้างประชาชน
พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.)กล่าวถึงการแก้ภาพลักษณ์ของทหารที่ไม่อยู่ข้างประชาชนว่า ทหารก็ต้องรู้ว่าประชาชนคาดหวังอะไรกับเรา แต่ในขั้นสุดท้ายทหารทำให้ความหวังของประชาชนต้องสูญสลาย ประชาชนไม่ได้คาดหวังทหารในตัวบุคคล เขาหวังในองค์กรทั้งหมดว่ากองทัพทั้งหมด จะต้องออกมาปกป้องประชาชน ทหารอ้างตนเองว่าเป็นทหารของประชาชน เมื่อประชาชนถูกทำร้าย พูดได้ยังไง อ้างว่าเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับปล่อยให้มีเว็บไซต์ต่างๆโจมตีสถาบันเบื้องสูง อ้างได้ไงว่าเป็นทหารของแผ่นดิน เมื่อแผ่นดินทั้งหมดถูกนักการเมืองเอาประเทศชาติไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า การแก้ภาพลักษณ์ทหาร ต้องออกมาขอโทษประชาชน และกราบขออภัยโทษในหลวง และต้องทำให้พวกที่หมิ่นสถาบันต้องสูญหายไป รวมทั้งไอ้พวกที่ทำลายชาติบ้านเมือง พวกเอาแผ่นดินไปขาย แม้กระทั่งพวกที่ทำร้ายประชาชน ต้องจัดการนี่คือวิธีการแก้ภาพลักษณ์ของทหาร
เมื่อถามว่านาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีจะประกาศยุบสภา พล.อ.ปฐมพงศ์ กล่าวว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะทำอะไรก็คงไม่พ้นความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกหน่วยราชการ หรือ ผู้บังคับบัญชาก็ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะประชาชนได้รับทราบตลอดเวลาว่า จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายประชาชน และวันที่เกิดปัญหา ไปอยู่ที่ไหน วันที่ประชาชนเรียกร้องหา เมื่อประชาชนดีใจว่า จะออกมา แต่กลับมาช่วยตำรวจ หลักการและเหตุผล จริยธรรมต้องมี ต้องพูดตรง
" คุณไม่สามารถเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพได้เลย ตราบใดที่คุณยังจำแนกไม่ได้ว่าอะไรถูกอะไรควร หรืออะไรคือสิ่งที่คุณต้องกระทำ สมบัติทั้งหลายแหล่นั่นเป็นสมบัติของชาติบ้านเมือง สักวันคุณก็ต้องเกษียณ แล้วคุณจะไปอยู่ในรู หรือไง คนที่มีเงินมากแต่จิตใจมันชั่วช้า ต่ำทรามมันก็อยู่ไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าคนทั้งหมดจะเห็นดีด้วยกับคุณ กองทัพทั้งหมดชั่งใจแล้วว่า เขาต้องการมีกองทัพแบบไหน มีผู้บังคับบัญชาแบบใด อย่าคิดว่าคุณจะใช้อำนาจที่มีอยู่ดำเนินการใดๆก็ได้ ทุกวันนี้ประเทศไม่เหลือซากแล้ว" พล.อ.ปฐมพงศ์ กล่าว

**"หลานย่าโม" แต่งดำประจานตำรวจ
ด้านการเคลื่อนไหวในการแต่งดำเดินขบวนประณามการกระทำของรัฐบาลโจร และรัฐตำรวจยังมีต่อเนื่อง โดยวานนี้ (10 ต.ค.) ที่หน้าวัดบูรพ์ เขตเทศบาลนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา องค์กรภาคประชาชน นักวิชาการ นักศึกษา กลุ่มแพทย์-พยาบาล นักธุรกิจ พ่อค้าประชาชน จ.นครราชสีมา นำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด และ นพ.พินิจชัย นาคพันธ์ แกนนำกลุ่มแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กว่า 1,000 คน พร้อมใจกันแต่งชุดสีดำ เดินขบวนสดุดีวีรสตรี-วีรบุรุษ ที่เสียชีวิต และผู้สูญเสียอวัยวะจากกรณีตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตาและยิงระเบิด สลายการชุมนุม ทำร้ายเข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม
โดยได้เคลื่อนขบวนพร้อมโลงศพ และภาพถ่ายของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ "สารวัตรจ๊าบ" และ "น้องโบว์" น.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ พร้อมทั้งป้ายประจานการกระทำอันรุนแรงที่เกิดจากคำสั่งรัฐบาลไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา มุ่งหน้าไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากการเข่นฆ่าของรัฐบาล ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมมอบพวงหรีดสีดำ
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโม เพื่อรวมใจอธิษฐานว่าขอให้ช่วยคุ้มครองลูกหลานชาวโคราชในการต่อสู้กับความอยุติธรรม กอบกู้ความถูกต้องคืนสู่สังคมไทย และ ยกขบวนไปยังหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อมอบพวงหรีดที่สีดำ ร้องตะโกนประณามรัฐบาลชาติชั่ว เข่นฆ่าประชาชนเสียงดังสนั่นไปทั่วศาลากลางฯ และ มอบโลงศพ ฝากไปให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ด้วย
ก่อนเคลื่อนขบวนต่อไปที่ กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารีจ.นครราชสีมา เพื่อเรียกร้องให้ทหารเลิกสนับสนุนรัฐบาลทรราช เข่นฆ่าประชาชน พร้อมฝากทวงถามหาความยุติธรรมไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาผบ.ทบ. ให้หยุดสนับสนุน 'รัฐบาลทรราช' แล้วออกมาปกป้องประชาชน

**หมอ-พยาบาล แต่งดำประณาม
ขณะที่กลุ่มแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลพุทธชินราช กว่า 200 คน ที่นำโดย นพ.เกรียง เธียรธีรพงศ์ อาจารย์แพทย์จักษุ ได้แต่งกายด้วยชุดสีดำมารวมตัวกันที่ลานหน้าศูนย์แพทย์ศาสตร์ เพื่ออ่านแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลลาออก พร้อมกับยืนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต และเดินขบวนแห่ไปรอบตัวเมืองพิษณุโลก โดยมีป้ายโจมตีต่างๆ เช่น รพ.พุทธชินราช ขอประณามการเข่นฆ่าประชาชน ผู้บริสุทธิ์" และ "ให้เอาคนผิดมาลงโทษ" เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เครือข่ายองค์กรพัฒนาองค์กรเอกชนภาคเหนือตอนล่าง ได้ติดป้ายบริเวณสะพานลอย ทางขึ้นสะพานนเรศวร ที่ระบุว่า "รัฐบาลสมชาย สั่งตำรวจฆ่าประชาชน เสียชีวิต 2 บาดเจ็บ พิการ 464 คน"
กำลังโหลดความคิดเห็น