ผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่วันอาทิตย์นี้ หลังถูกแก๊งสัตว์นรกลอบกัดซ้ำซาก ล่าสุดตายอีกศพ ประกาศแตกหักม้วนเดียวจบเผด็จศึกรัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิด หยุดยั้งทาสระบอบทักษิณ ทุกรูปแบบและทุกวิถีทางไม่เว้นกระทั่งจับอาวุธสู้ "จำลอง" ยันไม่ยืดเยื้อ แต่จะเฉียบขาด ลั่นหากไม่สู้ก็ต้องปล่อยให้แผ่นดินนี้เป็นของทรราช “สนธิ” เรียกร้องออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลง "อนุพงษ์" อ้างทหารต้องอยู่ในที่ตั้ง เพราะติดกรอบกฎหมาย ด้าน "สมชาย" ต้องเดินทางไปประชุมเอเปก ที่เปรู ไม่รับประกันหากถูกปิดล้อมสภา จะซ้ำรอย 7 ตุลาเลือดหรือไม่
จากกรณีแก๊งสัตว์นรก ยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 03.20 น.วานนี้ (20 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้แกนนำพันธมิตรฯ ประชุมด่วน ที่บ้านพระอาทิตย์ในช่วงเช้า และได้ออกแถลงการณ์ ระดมมวลชนครั้งใหญ่ เพื่อเผด็จศึก หยุดยั้งอำนาจรัฐบาลทรราช ฆาตกรหุ่นเชิด และหยุดยั้งสภาทาสระบอบทักษิณ ทุกรูปแบบ และทุกวิถีทาง โดยจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 14.00น. เป็นต้นไป เพื่อเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภา ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (อ่านรายละเอียดแถลงการณ์ หน้า 2 )
**พึ่งทหาร-ตำรวจไม่ได้แล้ว
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ ถึงเหตุการณ์ผู้ชุมนุมถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่กลางเวทีพันธมิตรฯ ว่า ถือเป็นพฤติกรรมป่าเถื่อน การที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธทำร้ายประชาชนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า วันนี้ทหารและตำรวจดูแลความมั่นคงไม่ได้ ดังนั้นประชาชนต้องออกมาปกป้องชีวิตตัวเอง และต้องขับไล่รัฐบาลทรราชออกไป
พล.ต.จำลองระบุว่า แม้ในภาวะสงครามข้าศึกที่ปราศจากอาวุธ ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ยิงเลย อย่างดีก็จับเป็นเชลยศึก แต่นี่กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาชุมนุมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิตและได้บาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่รัฐบาลไม่รับผิดชอบ การชุมนุม 180 วัน นับจากนี้ถือว่าถึงจุดสิ้นสุดแล้ว พันธมิตรฯจะต้องออกมาจากที่ตั้ง เพื่อตอบโต้รัฐบาลทุกรูปแบบประเภทม้วนเดียวจบ แต่อย่างไรก็ตาม การเผด็จศึกของเราก็ไม่ได้หมายถึงต้องใช้ความรุนแรงเข้าฟาดฟัน แต่รายละเอียดนั้นคงยังตอบไม่ได้
"ไม่มีต่อไปแล้วครับ วันนี้เป็นวันที่ 180 แล้ว วิธีการในรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบภายหลัง แต่วิธีการนี่คือ ไม่ใช่ว่าเราจะไปถืออาวุธสู้กับเขานะ ไม่ใช่ว่าเขาเตรียมปืนมาแล้วไปยิงกับเขา อย่างนั้นไม่ใช่"
**ประกาศสงครามขั้นแตกหัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนัดชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ เกรงหรือไม่ว่า อาจจะทำให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บอีก พล.ต.จำลอง กล่าวว่าไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์ การสูญเสียเลือดเนื้ออีก เพราะเมื่อประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก พลังของประชาชนก็มากพอที่รัฐบาลจะไม่สามารถสร้างความรุนแรงได้อีก
"การชุมนุมวันที่ 23 พ.ย. จะเป็นการชุมนุมใหญ่ ครั้งสุดท้าย จะสิ้นสุดแบบม้วนเดียวจบ ไม่มีม้วนต่อไป เนื่องจากยอมไม่ได้กับการกระทำของรัฐบาล หากทำเต็มที่แล้วสู้ไม่ได้ก็ต้องเก็บของกลับบ้าน และยกประเทศให้รัฐบาลไป และหากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย และต้องรับผิดชอบหากมีความรุนแรงเกิดขึ้น"
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า เรื่องของการรักษาความปลอดภัยนั้น ถือเป็นรายละเอียดปลีกย่อย โดยมาตรการป้องกันความปลอดภัยในระยะแรกที่พอจะเปิดเผยได้นั่นคือตั้งแต่วันนี้ (21 พ.ย.) เป็นต้นไป พันธมิตรฯจะยุติการปราศรัย และถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวี ในเวลา 24.00 น. เพื่อให้ผู้ชุมนุมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และเพื่อให้หน่วยรักษาความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางพันธมิตรฯ ก็ได้ทำการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมในครั้งที่แล้ว ว่าให้ช่วยออกมาดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้มาร่วมชุมนุม แต่เมื่อมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้อีก ตนจึงอยากถามว่า ทหารยอมได้อย่างไรให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้ขึ้นใกล้สถานที่สำคัญอย่างกองบัญชาการกองทัพบก และกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1
**รัฐบาล-ตำรวจหยุดป่าเถื่อน
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ทั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนได้สรุปออกมาแล้วว่า รัฐบาลเป็นฝ่ายกระทำความรุนแรงต่อประชาชน ดังนั้นในครั้งนี้ตนเชื่อว่า ประชาชนคงจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนจะมาตั้งคำถามกับพันธมิตรฯว่า หากเรียกคนมาชุมนุมใหญ่แล้ว จะมีการป้องกันความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมอย่างไรนั้น สื่อมวลชนควรจะเอาคำถามนี้ไปถามตำรวจ หรือรัฐบาลจะดีกว่า ว่าเมื่อใดจะเลิกกระทำรุนแรง
ประชาชนไม่มีวันที่จะปล่อยให้รัฐทรราช และฆาตกร ครองอำนาจอีกต่อไป แถลงการณ์ฉบับนี้จึงเป็นการหยุดยั้งทรราช ฆาตกรหุ่นเชิด และสภาระบอบทักษิณ ดังนั้นสื่อมวลชนควรจะไปถามอำนาจรัฐเถื่อนว่า คุณจะเผด็จศึกประชาชนอย่างไรมากกว่า
**รวมพลังหยุดยั้งทรราช
ขณะที่นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลทำกระทำการรุนแรงกับประชาชนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ เพื่อหยุดรัฐบาล ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้อีกต่อไป ซึ่งตนเชื่อว่า จากนี้รัฐบาลจะไม่สามารถก่อความรุนแรงได้อีก หากประชาชน ออกมารวมตัวกันหยุดยั้งรัฐบาล แต่หากประชาชนไม่ออกมารวมตัวกันรัฐบาลก็จะได้ใจ และกระทำความรุนแรงเช่นนี้กับประชาชนทุกกลุ่ม ที่ออกมาคัดค้านการกระทำอันไม่ชอบธรรมของรัฐบาล
**สนธิย้ำออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การรวมตัวชุมนุมใหญ่วันที่ 23 นี้ ผู้หญิงและคนแก่อยู่แถวหลัง ปล่อยให้นักรบ จากภาคใต้ จากตะวันออก เมืองเพชร จัดการ ถ้ามีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐอีกครั้ง ทั่วประเทศต้องลุกฮือให้เลือดนองแผ่นดิน ผมพร้อมจะตายเป็นตาย
นายสนธิกล่าวต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ปล่อยให้กุ๊ยที่ใส่เสื้อสีเขียวมียศพลตรีออกมาพูดจาปากเสียทุกวัน ข่มขู่ประชาชน จริงๆแล้วคุณแอบจับมือกับกุ๊ยคนนั้นหรือไม่ คุณจะเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทยที่หลุดออกจากตำแหน่งอย่างไร้ศักดิ์ศรีหรือมีคนบ่นด่าสาปแช่งตระกูลคุณ
“ฝีมือไอ้สัตว์นรก ขี้ขลาดตาขาว เกิดจากกลุ่มอดีตนายตำรวจนอกราชการ ยศพล.ต.อ. กับพล.ต.ท. ได้รับความร่วมมือกับตำรวจในราชการ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ต้องดูแลพื้นที่ดุสิต นางเลิ้ง ถ้าไม่หลิ่วตาข้างหนึ่งจะมีคนแอบขึ้นไปบนตึกแล้วยิงระเบิดมาไม่ได้ ถ้าไม่อยากยกประเทศนี้ให้พวกมันต้องออกมากันให้เยอะๆ ต้องออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลง เราจะได้กำจัดไอ้ตำรวจและทหารชั่วๆบางคน ไม่เคยมีความบัดซบ เลวทรามต่ำช้ามากไปกว่ายุคนี้ในประวัติศาสตร์ไทยยุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ.”
นายสนธิย้ำว่า งานนี้คืองานเผด็จศึกจริงๆ ต้องมากันให้หมด ถ้ามันล้อมเรา พวกเราก็ล้อมมันอีกชั้นหนึ่ง และขับไล่รัฐบาลชุดนี้ให้ออกไปม้วนเดียวจบ
**รัฐวิสาหกิจถกนัดหยุดงาน
นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวว่า ในวันนี้ สมาพันธ์จะนัดประชุมแกนนำทั่วประเทศ ที่ห้องประชุมสมาพันธ์ในเวลา 09.00 น. เพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศพร้อมใจกันหยุดงานเพื่อเข้าร่วมการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แกนนำพันธมิตรฯ ได้มีมติว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 20 พ.ย.เป็นต้นไป จะให้มีการปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาล ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น หลังจากนั้นจะหยุดการปราศรัย เพื่อให้ผู้ร่วมชุมนุมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และจะจัดการ์ดอาสาจำนวน 500 คน ทำการลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล ในรัศมี 500 เมตร จนถึงเช้า
**40 ส.ว.จี้กองทัพสั่งขัง เสธ.แดง
วานนี้ ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ร่วมกันแถลงกรณีเหตุระเบิดที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในทำเนียบรัฐบาล
นายประสาร กล่าวว่า 40 ส.ว.สลดใจกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปฏิบัติการโหด หลังงานพระราชพิธีฯ ไม่กี่ชั่วโมง เหตุการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำแถลงของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่พูดข่มขู่เป็นระยะทุกวันว่าจะมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมและทอดกฐินระเบิดหลังงานพระราชพิธี ทุกครั้งที่พูดก็จะเกิดเหตุขึ้น ฉะนั้นกองทัพบกต้องรับผิดชอบโดยสอบสวนทางอาญา และสั่งขังพล.ต.ขัตติยะได้ทันที เพราะถ้าไม่ใช่ผู้กระทำ ก็แสดงว่าเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจ
นอกจากนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม ทุกครั้งที่เกิดเหตุ ก็เป็น "สมชาย ลมโชย" ไม่มีปฏิกิริยา ตั้งแต่เหตุการณ์ 7 ตุลาคม ก็ยังไม่รับผิดชอบ ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น จึงขอเรียกร้องให้นายสมชาย ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะเกรงว่า ต่อไปจะเกิดสงครามกลางเมือง
นายตวง กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ขอเรียกร้องนายกฯอย่าเฉยชา เพราะเหตุการณ์ส่งผลต่อชีวิตคน เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม รัฐบาลต้องทบทวนว่า ขณะนี้รัฐบาลไร้เสถียรภาพโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งของประชาชน และควบคุมสถานการณ์ให้สงบได้ และยังไร้อำนาจการบริหาร ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน บ้านเมืองกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไร้มนุษยธรรม มีระเบิดลูกแล้วลูกเล่า ฉะนั้นวุฒิสภาจะคุยกันในที่ประชุมวุฒิสภาวันที่ 21 พ.ย.และเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกฝ่าย
นายสมชาย กล่าวว่าวันที่ 21 พ.ย. คณะกรรมาธิการ 3 คณะ ของวุฒิสภา ที่ร่วมกันสอบสวนเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม จะยื่นหลักฐานเอกสาร ผลสรุปการสอบสวนแก่ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนข้อเท็จจริงนายกฯ และรัฐบาลทั้งคณะ ที่สั่งการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงจนมีผู้ตายและบาดเจ็บหลายร้อยราย โดยผลการสอบมีตั้งแต่หลักฐานการเบิกกระสุน หลักฐานทางการแพทย์ การละเมิดสิทธิ ภาพถ่าย โดยรัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้สั่งการ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
**อานันท์ชี้เมืองไทยน่าห่วงมานานเกิน
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความขัดแย้งในขณะนี้ ส่วนตัวมีความเป็นห่วงและเป็นห่วงมานานมากแล้ว
**ทหารอ้างถูกกฎหมายกัก
เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน6 (บน.6) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าเวทีพันธมิตรฯว่า ตนเป็นห่วงต่อสถานการณ์ระเบิดรายวัน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ในส่วนของด้านการข่าวกำลังตรวจสอบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเราไม่ได้ละเลย
ทั้งนี้ กองทัพได้มีการเตรียมการที่จะดูแล และมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทางตำรวจต้องเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อน ส่วน ผบ.เหล่าทัพ คงมีการพูดคุยกันมากขึ้น เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร
ในอำนาจหน้าที่ของเราไม่สามารถก้าวล่วงไปได้ เมื่อไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน ซึ่งใน พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร หาก กอ.รมน. จะใช้ก็จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะต้องให้ครม.เห็นชอบ และประกาศอย่างชัดเจน ทั้งนี้ โครงสร้างกอ.รมน.ใหม่มีกรอบ และขั้นตอนในการกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยมีข้อจำกัดในการปฏิบัติมากกว่ากฎหมายฉบับก่อนๆ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จะประกาศหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล
**กองทัพต้องเป็นเครื่องมือรัฐบาล
เมื่อถามว่า สังคมคาดหวังกับกองทัพในการคานการใช้อำนาจของรัฐบาลไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลคนอื่น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพจะออกมาคานรัฐบาลคงเป็นไปไมได้อยู่แล้ว ในประเทศที่เจริญแล้ว กองทัพต้องเป็นเครื่องมือของรัฐบาล และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่เจริญแล้วประเทศหนึ่ง เมื่อรัฐบาลยังไม่สั่งใช้ตามสายงานของ กอ.รมน.ก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งสายงานที่รัฐบาลสั่งใช้กำลังได้ ในส่วนของกองทัพคือสายงานของ กอ.รมน. ส่วนจะประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือกฎอัยการศึก คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในขณะนี้ หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พนักงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราไม่ได้ผลักภาระไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาดูแล แต่เราอยากให้ทุกคนทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายมากกว่า
**"อนุพงษ์" โบ้ยเป็นหน้าที่ตำรวจ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนไม่ได้พูดในฐานะที่กองทัพบกจะไปทำอะไร แต่เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ต้องใช้กฎหมายของบ้านเมือง และต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้ที่กระทำผิด และดำเนินการตามกฎหมาย บ้านเมืองต้องไปอย่างนั้น ใครมีพยานหลักฐาน ก็ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด
เมื่อถามว่า หากเหตุการณ์บานปลาย กอ.รมน. จะใช้กฎหมายความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของรัฐบาล หากใช้กฎหมายความมั่นคง และให้มีการปฏิบัติการได้ต้องมีการประกาศพื้นที่ความมั่นคง ซึ่งจะมีน้ำหนักอ่อนกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งนี้ต้องมีการประกาศพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบด้านความมั่นคง และสิ่งอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้ข้อกำหนดอย่างใดก็แล้วแต่มาบังคับใช้ จะมีผลกระทบต่อสังคม อย่างน้อยที่สุดจะเกิดกับความรู้สึกต่อประชาชนทั่วไป
**ให้ประกาศพื้นที่ความมั่นคง
เมื่อถามว่า มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แล้วแต่จะประเมินว่า จะกระทบหรือไม่อย่างไร แต่จะมองว่าเป็นการแสดงออกทางด้านการเมือง แต่หากว่ามีความเห็นขัดกัน จะถือเป็นเรื่องความมั่นคงก็ได้
อย่างไรก็ตาม นายกฯ มีอำนาจในการสั่งการในเรื่องนี้หากจะดำเนินการในเรื่องของความมั่นคงและจะประกาศพื้นที่ความสงบขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่าน แต่ต้องไปผ่านกลไกของ ครม.และคณะกรรมการด้านความมั่นคง
เมื่อถามว่า กองทัพจะปล่อยแต่ละฝ่ายตั้งกองกำลัง และยิงระเบิดใส่กันจนเป็นสงครามกลางเมืองหรือ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่มีใครปล่อย เพราะไม่ใช่หน้าที่ที่ใครจะไปปล่อย สื่อมวลชนถามแบบนี้ จะกลายเป็นว่า กองทัพบกจะปล่อย ซึ่งไม่ใช่ ต้องพูดว่า กอ.รมน.โดยนายกฯ จะต้องพิจารณาในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ตามกฎหมายในฐานะที่ ผบ.ทบ.เป็น รอง ผอ.รมน. สามารถประเมินสถานการณ์เพื่อเสนอให้นายกฯ ทำการอะไรอย่างหนึ่งได้ใช่ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากการติดตามข่าว ทุกคนทราบว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น สมช.ได้พยายามหาข้อมูลที่จะเรียนท่าน
"จะถือว่าเป็นความขัดแย้ง ถึงขนาดต้องประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคงหรือไม่ อยู่ที่นายกฯ ส่วนจะใช้มากน้อยแค่ไหน มีขั้นตอนของ กอ.รมน.โดยหน่วยงานปกติ หรือจะใช้หน่วยงานอื่นๆก็ดำเนินการได้ภายใต้ กอ.รมน. ซึ่งกอ.รมน. ไม่ได้หมายรวมถึงกองทัพบก ถ้า กอ.รมน. จะใช้อำนาจอะไรพิเศษกว่านั้น หรือจะใช้กำลังทหาร ต้องมีการประกาศพื้นที่ความมั่นคง และต้องมีการนำหน่วยงานจากตรงนี้ไปใช้ ไม่ใช่กองทัพบก เป็น กอ.รมน. ซึ่ง กอ.รมน.จะดำเนินการตรงนี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลาย มาตราที่จะไปใช้ แต่หากคิดว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของหน่วยงานปกติ กอ.รมน. จะประเมินเสนอให้ครม.และ ครม.จะเสนอแผนงานให้ กอ.รมน. ซึ่ง ครม.จะสั่งการให้หน่วยงานปกติเช่นกรมตำรวจ ที่ดีกรีหนึ่งแต่ถ้าดีกรีแรงกว่านี้ ต้องประกาศพื้นที่ความมั่นคง และมีข้อกำหนดคล้ายๆ กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วจะให้กองทัพบกออกไปไม่ได้" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
**ผบ.ทบ.เดือดสื่อรุกให้ปฏิบัติการ
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า ระเบิดเป็นฝีมือของทหาร จะดำเนินการอย่างไร หากพบว่าเป็นฝีมือทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะเป็นอย่างไร ตนจะไม่ใช้คำว่า สันนิษฐาน หรือคิดเอาเอง ควรจะให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ และหาผู้กระทำผิด อย่าให้ใช้คำพูดกันว่า คิดเอาเองว่าเป็นใคร เพราะประเทศชาติจะอยู่กันไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ต้องห่วง เพราะไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ เมื่อถามว่า ขณะนี้คนหวังกับตำรวจไม่ได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะประเทศชาติต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครถืออำนาจนั้นต้องไปดำเนินการ
เมื่อถามว่าหากนายกฯ สั่งการไปที่ กอ.รมน. ท่านพร้อมปฏิบัติการหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากท่านจะสั่งการลงไปใน กอ.รมน. ที่มีขั้นตอนมากมายที่จะต้องทำ กอ.รมน.ไม่ได้เป็นการสั่งการแบบวันแมนโชว์ เพราะจะมีคณะกรรมการดำเนินการ ไม่มีใครทำการแบบวันแมนโชว์ได้ หากคนที่ไม่มีอำนาจ เช่น ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอน
**ทหารพร้อมเป็นลูกมือตำรวจ
เมื่อเวลา 16.50 น. วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แล รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม โดยบอกว่า ในการประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องกลุ่มพันธมิตรฯจะนัดชุมนุมใหญ่
เมื่อถามว่า ในช่วงนั้น นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ ต้องไปประชุมเอเปก ที่ประเทศเปรู ใครจะเป็นผู้ควบคุมดูแลสถานการณ์ในวันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้มอบหมายให้ตนทำ เมื่อถามย้ำว่า ใครจะเป็นผู้ดูแลสถานการณ์ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะต้องไปถามนายกฯ
เมื่อถามต่อว่า จำเป็นต้องใช้กฎหมาย พ.ร.บ. ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผมไม่มีข้อพิจารณาในส่วนนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของนายกฯ
เมื่อถามว่า การชุมนุมในวันที่ 23 พ.ย.นี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่จะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องถือว่า เหตุการณ์ต้องไม่มีอะไร เพื่อประเทศชาติ หวังว่าทุกอย่างจะจบไปด้วยดี เมื่อถามอีกว่า ต้องเตรียมความพร้อมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าร้องขอมา เราก็ให้การสนับสนุนได้
**สมชายไม่รับประกันซ้ำรอย 7 ตุลาเลือด
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ในช่วงที่เดินทางไปร่วมประชุมเอเปก ส่วนการชุมนุมถ้า ทำตามกฎเกณฑ์กติกาก็ไม่เป็นไร แต่ขอร้องว่าชุมนุมแล้วอย่าทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายกับคนอื่น หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่จะมีการประชุม 2 สภา ยังจะมีการประชุมอยู่ใช่ไหม นายกฯกล่าวว่า สภาก็คือสภาถูกไหม สภาคืออะไร เป็นที่สำหรับการประชุมตัวแทนของพี่น้องประชาชน และเขาประชุมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ให้อำนาจในฐานะที่เขาเป็นสถาบันนิติบัญญัติ ในการทำหน้าที่ประชุม เวลาเขานัดประชุม ก็ควรจะปล่อยให้เขาประชุมกัน
เมื่อถามว่าไม่กลัวจะซ้ำรอยเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ หรือนายสมชาย ยกมือพร้อมกับกล่าวคำว่า เปล่า ตนพูดว่าสภาเป็นที่ประชุม เขาไปประชุมทุกวันก็เดินเข้าไปกันได้ เมื่อถามว่านายกฯจะรับประกันได้หรือไม่ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม อย่างวันที่ 7 ตุลาฯ นายกฯ กล่าวย้ำว่า สภาเป็นที่ประชุมของสภา ใครอย่าไปยุ่งกับเขา เดินทางไปเดินมาคนเข้าไปในสภาเยอะแยะมากมาย อย่าไปทำความวุ่นวายเดือดร้อนให้กับคนที่ทำงานเพื่อประชาชน หรือใครจะไปก็ไปตามปกติ การที่ไปห้ามไม่ให้เข้าประชุมในสภา ก็ลองช่วยคิดดูแล้วกัน เป็นการทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมปิดกั้นไม่ให้มีการประชุมสภาจะใช้วิธีการสลายผู้ชุมนุมแบบเดิมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ใจเย็นๆ พร้อมกับหัวเราะ
ก่อนหน้านี้ นายสมชายได้กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เวทีพันธมิตรฯว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการ
**ลั่นไม่ย้ายที่ประชุมรัฐสภา
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ขู่ปิดล้อมรัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 24 พ.ย.ว่า ต้องขอร้องพันธมิตรฯว่า ให้ถอยคนละ 2 ก้าว ซึ่งรัฐบาลก็ถอยในเรื่องการไม่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 แล้ว แต่หากพันธมิตรฯ ยังยืนยันตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการย้ายที่ประชุมรัฐสภาอย่างเด็ดขาด
"ถ้ามาปิดล้อมสภา เราก็ต้องขอร้องให้เปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าประชุม แต่ถ้าไม่ยอมเปิดทางเราก็เข้าประชุมไม่ได้ ทำให้พิจารณาเรื่องกรอบของอาเซียนไม่ได้ ซึ่งจะถือว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็คงต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่อย่าลืมว่า ข้อบังคับกำหนดให้ประชุมที่รัฐสภา แม้ประธานรัฐสภา จะมีอำนาจสั่งย้ายที่ประชุมได้แต่อยากถามว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ จึงมีอยู่แค่ 2 ทางคือ ถ้าเข้าประชุมไม่ได้ ก็ไม่ต้องประชุม แต่จะให้ไปประชุมที่อื่นคงต้องตัดข้อนี้ไปเลย" รองประธานสภาฯกล่าว
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เมื่อมีการนัดประชุมสภาก็จะมีการประสานไปยัง สน.ดุสิต เพื่อให้มาดูแลความปลอดภัยตามปกติ ส่วนเรื่องย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภานั้น ในอดีตไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นหากมีการปิดล้อมเหมือนวันที่ 7 ตุลาคม ประธาน มีอำนาจเลื่อนการประชุมออกไปได้ แต่ตนไม่แน่ใจว่า จะส่งผลกระทบกับสัญญาระหว่างประเทศ ที่ต้องพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่
**พันธมิตรฯภูธรเคลื่อนทัพ
สำหรับความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในต่างจังหวัดนั้น ทุกพื้นที่มีความพร้อมและเตรียมที่จะเคลื่อนพลเข้ามาสมทบกับพันธมิตรฯในกรุงเทพฯ เพื่อร่วมกันระดมพลครั้งใหญ่ในการขับไล่ทรราช ที่รัฐสภา วันที่ 23 พ.ย.นี้
ขณะที่เครือข่ายเยาวชนกู้ชาติกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายวันฟ้าใหม่ เทพจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1/20 พฤศจิกายน 2551 ประณามการกระทำของผู้ไม่หวังดีที่ยิงระเบิด M79 เข้าใส่บริเวณเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายในทำเนียบรัฐบาล จนเป็นเหตุให้นายเจนกิจ กลัดสาคร เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากช่วงเช้ามืดวันนี้
พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาแสดงพลังร่วมกับเยาวชนกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่ และขอประกาศให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและเยาวชนในพื้นที่ภูมิภาคภาคเหนือทั้งหมดออกมาเคลื่อนไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเชิญชวนให้เยาวชนทุกคนเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.51 โดยรวมกลุ่มเครือข่ายเยาวชนด้วยการติดตามข่าวสารจากเครือข่ายกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่
**กทม.สั่งเตรียมพร้อม 24 ชม.
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม.ได้เรียกประชุม ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ชั้นใน ได้แก่ เขตพระนคร ดุสิต และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเทศกิจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) โดยปลัดกทม.ได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเตรียมพร้อมใช้แผนรองรับกรณีเกิดเหตุวิกฤตหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนของผอ.เขตก็ต้องอยู่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ของตนเองตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนโรงพยาบาลสังกัดกทม.ที่อยู่ชั้นใน อาทิ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ ก็ให้เตรียมพร้อมอุปกรณ์ต่างตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่สำนักอนามัยให้จัดบุคลากรสนับสนุนสำนักการแพทย์ ส่วนสปภ.ให้เตรียมพร้อมรถฉุกเฉิน รถดับเพลิง
**สื่อนอกรายงาน พธม.ใจสู้
สื่อมวลชนต่างประเทศต่างพากันเสนอข่าวการโจมตีด้วยระเบิดเข้าใส่ที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 1 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 20 ราย พร้อมกับรายงานการแถลงของบรรดาแกนนำพันธมิตรที่จะระดมมวลชนเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 23 นี้ ตลอดจนการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้อง
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังได้สัมภาษณ์ผู้ร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรหลายๆ คน ซึ่งต่างบอกว่ายังจะต่อสู้ต่อไป
นอกจากนั้น รอยเตอร์กล่าวว่ายังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม แต่เห็นว่าการประท้วงชองกลุ่มพันธมิตรเป็นแนวป้องกันแนวสุดท้ายในการสกัดกั้นแผนกโลบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยที่บางคนบอกว่าพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อการนี้
"ควรจะถือเป็นเกียรติที่ได้ตายที่ตรงนี้ แทนที่จะต้องตายเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน" รอยเตอร์อ้างคำพูดของสตรีผู้หนึ่งในวัย 40 เศษ ซึ่งมาจากจังหวัดตรัง.
จากกรณีแก๊งสัตว์นรก ยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 03.20 น.วานนี้ (20 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้แกนนำพันธมิตรฯ ประชุมด่วน ที่บ้านพระอาทิตย์ในช่วงเช้า และได้ออกแถลงการณ์ ระดมมวลชนครั้งใหญ่ เพื่อเผด็จศึก หยุดยั้งอำนาจรัฐบาลทรราช ฆาตกรหุ่นเชิด และหยุดยั้งสภาทาสระบอบทักษิณ ทุกรูปแบบ และทุกวิถีทาง โดยจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 14.00น. เป็นต้นไป เพื่อเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภา ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (อ่านรายละเอียดแถลงการณ์ หน้า 2 )
**พึ่งทหาร-ตำรวจไม่ได้แล้ว
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ ถึงเหตุการณ์ผู้ชุมนุมถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่กลางเวทีพันธมิตรฯ ว่า ถือเป็นพฤติกรรมป่าเถื่อน การที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธทำร้ายประชาชนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า วันนี้ทหารและตำรวจดูแลความมั่นคงไม่ได้ ดังนั้นประชาชนต้องออกมาปกป้องชีวิตตัวเอง และต้องขับไล่รัฐบาลทรราชออกไป
พล.ต.จำลองระบุว่า แม้ในภาวะสงครามข้าศึกที่ปราศจากอาวุธ ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ยิงเลย อย่างดีก็จับเป็นเชลยศึก แต่นี่กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาชุมนุมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิตและได้บาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่รัฐบาลไม่รับผิดชอบ การชุมนุม 180 วัน นับจากนี้ถือว่าถึงจุดสิ้นสุดแล้ว พันธมิตรฯจะต้องออกมาจากที่ตั้ง เพื่อตอบโต้รัฐบาลทุกรูปแบบประเภทม้วนเดียวจบ แต่อย่างไรก็ตาม การเผด็จศึกของเราก็ไม่ได้หมายถึงต้องใช้ความรุนแรงเข้าฟาดฟัน แต่รายละเอียดนั้นคงยังตอบไม่ได้
"ไม่มีต่อไปแล้วครับ วันนี้เป็นวันที่ 180 แล้ว วิธีการในรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบภายหลัง แต่วิธีการนี่คือ ไม่ใช่ว่าเราจะไปถืออาวุธสู้กับเขานะ ไม่ใช่ว่าเขาเตรียมปืนมาแล้วไปยิงกับเขา อย่างนั้นไม่ใช่"
**ประกาศสงครามขั้นแตกหัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนัดชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ เกรงหรือไม่ว่า อาจจะทำให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บอีก พล.ต.จำลอง กล่าวว่าไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์ การสูญเสียเลือดเนื้ออีก เพราะเมื่อประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก พลังของประชาชนก็มากพอที่รัฐบาลจะไม่สามารถสร้างความรุนแรงได้อีก
"การชุมนุมวันที่ 23 พ.ย. จะเป็นการชุมนุมใหญ่ ครั้งสุดท้าย จะสิ้นสุดแบบม้วนเดียวจบ ไม่มีม้วนต่อไป เนื่องจากยอมไม่ได้กับการกระทำของรัฐบาล หากทำเต็มที่แล้วสู้ไม่ได้ก็ต้องเก็บของกลับบ้าน และยกประเทศให้รัฐบาลไป และหากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย และต้องรับผิดชอบหากมีความรุนแรงเกิดขึ้น"
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า เรื่องของการรักษาความปลอดภัยนั้น ถือเป็นรายละเอียดปลีกย่อย โดยมาตรการป้องกันความปลอดภัยในระยะแรกที่พอจะเปิดเผยได้นั่นคือตั้งแต่วันนี้ (21 พ.ย.) เป็นต้นไป พันธมิตรฯจะยุติการปราศรัย และถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวี ในเวลา 24.00 น. เพื่อให้ผู้ชุมนุมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และเพื่อให้หน่วยรักษาความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางพันธมิตรฯ ก็ได้ทำการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมในครั้งที่แล้ว ว่าให้ช่วยออกมาดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้มาร่วมชุมนุม แต่เมื่อมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้อีก ตนจึงอยากถามว่า ทหารยอมได้อย่างไรให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้ขึ้นใกล้สถานที่สำคัญอย่างกองบัญชาการกองทัพบก และกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1
**รัฐบาล-ตำรวจหยุดป่าเถื่อน
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ทั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนได้สรุปออกมาแล้วว่า รัฐบาลเป็นฝ่ายกระทำความรุนแรงต่อประชาชน ดังนั้นในครั้งนี้ตนเชื่อว่า ประชาชนคงจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนจะมาตั้งคำถามกับพันธมิตรฯว่า หากเรียกคนมาชุมนุมใหญ่แล้ว จะมีการป้องกันความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมอย่างไรนั้น สื่อมวลชนควรจะเอาคำถามนี้ไปถามตำรวจ หรือรัฐบาลจะดีกว่า ว่าเมื่อใดจะเลิกกระทำรุนแรง
ประชาชนไม่มีวันที่จะปล่อยให้รัฐทรราช และฆาตกร ครองอำนาจอีกต่อไป แถลงการณ์ฉบับนี้จึงเป็นการหยุดยั้งทรราช ฆาตกรหุ่นเชิด และสภาระบอบทักษิณ ดังนั้นสื่อมวลชนควรจะไปถามอำนาจรัฐเถื่อนว่า คุณจะเผด็จศึกประชาชนอย่างไรมากกว่า
**รวมพลังหยุดยั้งทรราช
ขณะที่นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลทำกระทำการรุนแรงกับประชาชนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ เพื่อหยุดรัฐบาล ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้อีกต่อไป ซึ่งตนเชื่อว่า จากนี้รัฐบาลจะไม่สามารถก่อความรุนแรงได้อีก หากประชาชน ออกมารวมตัวกันหยุดยั้งรัฐบาล แต่หากประชาชนไม่ออกมารวมตัวกันรัฐบาลก็จะได้ใจ และกระทำความรุนแรงเช่นนี้กับประชาชนทุกกลุ่ม ที่ออกมาคัดค้านการกระทำอันไม่ชอบธรรมของรัฐบาล
**สนธิย้ำออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การรวมตัวชุมนุมใหญ่วันที่ 23 นี้ ผู้หญิงและคนแก่อยู่แถวหลัง ปล่อยให้นักรบ จากภาคใต้ จากตะวันออก เมืองเพชร จัดการ ถ้ามีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐอีกครั้ง ทั่วประเทศต้องลุกฮือให้เลือดนองแผ่นดิน ผมพร้อมจะตายเป็นตาย
นายสนธิกล่าวต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ปล่อยให้กุ๊ยที่ใส่เสื้อสีเขียวมียศพลตรีออกมาพูดจาปากเสียทุกวัน ข่มขู่ประชาชน จริงๆแล้วคุณแอบจับมือกับกุ๊ยคนนั้นหรือไม่ คุณจะเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทยที่หลุดออกจากตำแหน่งอย่างไร้ศักดิ์ศรีหรือมีคนบ่นด่าสาปแช่งตระกูลคุณ
“ฝีมือไอ้สัตว์นรก ขี้ขลาดตาขาว เกิดจากกลุ่มอดีตนายตำรวจนอกราชการ ยศพล.ต.อ. กับพล.ต.ท. ได้รับความร่วมมือกับตำรวจในราชการ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ต้องดูแลพื้นที่ดุสิต นางเลิ้ง ถ้าไม่หลิ่วตาข้างหนึ่งจะมีคนแอบขึ้นไปบนตึกแล้วยิงระเบิดมาไม่ได้ ถ้าไม่อยากยกประเทศนี้ให้พวกมันต้องออกมากันให้เยอะๆ ต้องออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลง เราจะได้กำจัดไอ้ตำรวจและทหารชั่วๆบางคน ไม่เคยมีความบัดซบ เลวทรามต่ำช้ามากไปกว่ายุคนี้ในประวัติศาสตร์ไทยยุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ.”
นายสนธิย้ำว่า งานนี้คืองานเผด็จศึกจริงๆ ต้องมากันให้หมด ถ้ามันล้อมเรา พวกเราก็ล้อมมันอีกชั้นหนึ่ง และขับไล่รัฐบาลชุดนี้ให้ออกไปม้วนเดียวจบ
**รัฐวิสาหกิจถกนัดหยุดงาน
นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวว่า ในวันนี้ สมาพันธ์จะนัดประชุมแกนนำทั่วประเทศ ที่ห้องประชุมสมาพันธ์ในเวลา 09.00 น. เพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศพร้อมใจกันหยุดงานเพื่อเข้าร่วมการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แกนนำพันธมิตรฯ ได้มีมติว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 20 พ.ย.เป็นต้นไป จะให้มีการปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาล ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น หลังจากนั้นจะหยุดการปราศรัย เพื่อให้ผู้ร่วมชุมนุมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และจะจัดการ์ดอาสาจำนวน 500 คน ทำการลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล ในรัศมี 500 เมตร จนถึงเช้า
**40 ส.ว.จี้กองทัพสั่งขัง เสธ.แดง
วานนี้ ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ร่วมกันแถลงกรณีเหตุระเบิดที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในทำเนียบรัฐบาล
นายประสาร กล่าวว่า 40 ส.ว.สลดใจกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปฏิบัติการโหด หลังงานพระราชพิธีฯ ไม่กี่ชั่วโมง เหตุการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำแถลงของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่พูดข่มขู่เป็นระยะทุกวันว่าจะมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมและทอดกฐินระเบิดหลังงานพระราชพิธี ทุกครั้งที่พูดก็จะเกิดเหตุขึ้น ฉะนั้นกองทัพบกต้องรับผิดชอบโดยสอบสวนทางอาญา และสั่งขังพล.ต.ขัตติยะได้ทันที เพราะถ้าไม่ใช่ผู้กระทำ ก็แสดงว่าเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจ
นอกจากนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม ทุกครั้งที่เกิดเหตุ ก็เป็น "สมชาย ลมโชย" ไม่มีปฏิกิริยา ตั้งแต่เหตุการณ์ 7 ตุลาคม ก็ยังไม่รับผิดชอบ ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น จึงขอเรียกร้องให้นายสมชาย ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะเกรงว่า ต่อไปจะเกิดสงครามกลางเมือง
นายตวง กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ขอเรียกร้องนายกฯอย่าเฉยชา เพราะเหตุการณ์ส่งผลต่อชีวิตคน เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม รัฐบาลต้องทบทวนว่า ขณะนี้รัฐบาลไร้เสถียรภาพโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งของประชาชน และควบคุมสถานการณ์ให้สงบได้ และยังไร้อำนาจการบริหาร ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน บ้านเมืองกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไร้มนุษยธรรม มีระเบิดลูกแล้วลูกเล่า ฉะนั้นวุฒิสภาจะคุยกันในที่ประชุมวุฒิสภาวันที่ 21 พ.ย.และเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกฝ่าย
นายสมชาย กล่าวว่าวันที่ 21 พ.ย. คณะกรรมาธิการ 3 คณะ ของวุฒิสภา ที่ร่วมกันสอบสวนเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม จะยื่นหลักฐานเอกสาร ผลสรุปการสอบสวนแก่ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนข้อเท็จจริงนายกฯ และรัฐบาลทั้งคณะ ที่สั่งการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงจนมีผู้ตายและบาดเจ็บหลายร้อยราย โดยผลการสอบมีตั้งแต่หลักฐานการเบิกกระสุน หลักฐานทางการแพทย์ การละเมิดสิทธิ ภาพถ่าย โดยรัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้สั่งการ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
**อานันท์ชี้เมืองไทยน่าห่วงมานานเกิน
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความขัดแย้งในขณะนี้ ส่วนตัวมีความเป็นห่วงและเป็นห่วงมานานมากแล้ว
**ทหารอ้างถูกกฎหมายกัก
เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน6 (บน.6) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าเวทีพันธมิตรฯว่า ตนเป็นห่วงต่อสถานการณ์ระเบิดรายวัน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ในส่วนของด้านการข่าวกำลังตรวจสอบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเราไม่ได้ละเลย
ทั้งนี้ กองทัพได้มีการเตรียมการที่จะดูแล และมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทางตำรวจต้องเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อน ส่วน ผบ.เหล่าทัพ คงมีการพูดคุยกันมากขึ้น เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร
ในอำนาจหน้าที่ของเราไม่สามารถก้าวล่วงไปได้ เมื่อไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน ซึ่งใน พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร หาก กอ.รมน. จะใช้ก็จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะต้องให้ครม.เห็นชอบ และประกาศอย่างชัดเจน ทั้งนี้ โครงสร้างกอ.รมน.ใหม่มีกรอบ และขั้นตอนในการกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยมีข้อจำกัดในการปฏิบัติมากกว่ากฎหมายฉบับก่อนๆ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จะประกาศหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล
**กองทัพต้องเป็นเครื่องมือรัฐบาล
เมื่อถามว่า สังคมคาดหวังกับกองทัพในการคานการใช้อำนาจของรัฐบาลไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลคนอื่น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพจะออกมาคานรัฐบาลคงเป็นไปไมได้อยู่แล้ว ในประเทศที่เจริญแล้ว กองทัพต้องเป็นเครื่องมือของรัฐบาล และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่เจริญแล้วประเทศหนึ่ง เมื่อรัฐบาลยังไม่สั่งใช้ตามสายงานของ กอ.รมน.ก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งสายงานที่รัฐบาลสั่งใช้กำลังได้ ในส่วนของกองทัพคือสายงานของ กอ.รมน. ส่วนจะประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือกฎอัยการศึก คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในขณะนี้ หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พนักงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราไม่ได้ผลักภาระไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาดูแล แต่เราอยากให้ทุกคนทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายมากกว่า
**"อนุพงษ์" โบ้ยเป็นหน้าที่ตำรวจ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนไม่ได้พูดในฐานะที่กองทัพบกจะไปทำอะไร แต่เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ต้องใช้กฎหมายของบ้านเมือง และต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้ที่กระทำผิด และดำเนินการตามกฎหมาย บ้านเมืองต้องไปอย่างนั้น ใครมีพยานหลักฐาน ก็ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด
เมื่อถามว่า หากเหตุการณ์บานปลาย กอ.รมน. จะใช้กฎหมายความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของรัฐบาล หากใช้กฎหมายความมั่นคง และให้มีการปฏิบัติการได้ต้องมีการประกาศพื้นที่ความมั่นคง ซึ่งจะมีน้ำหนักอ่อนกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งนี้ต้องมีการประกาศพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบด้านความมั่นคง และสิ่งอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้ข้อกำหนดอย่างใดก็แล้วแต่มาบังคับใช้ จะมีผลกระทบต่อสังคม อย่างน้อยที่สุดจะเกิดกับความรู้สึกต่อประชาชนทั่วไป
**ให้ประกาศพื้นที่ความมั่นคง
เมื่อถามว่า มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แล้วแต่จะประเมินว่า จะกระทบหรือไม่อย่างไร แต่จะมองว่าเป็นการแสดงออกทางด้านการเมือง แต่หากว่ามีความเห็นขัดกัน จะถือเป็นเรื่องความมั่นคงก็ได้
อย่างไรก็ตาม นายกฯ มีอำนาจในการสั่งการในเรื่องนี้หากจะดำเนินการในเรื่องของความมั่นคงและจะประกาศพื้นที่ความสงบขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่าน แต่ต้องไปผ่านกลไกของ ครม.และคณะกรรมการด้านความมั่นคง
เมื่อถามว่า กองทัพจะปล่อยแต่ละฝ่ายตั้งกองกำลัง และยิงระเบิดใส่กันจนเป็นสงครามกลางเมืองหรือ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่มีใครปล่อย เพราะไม่ใช่หน้าที่ที่ใครจะไปปล่อย สื่อมวลชนถามแบบนี้ จะกลายเป็นว่า กองทัพบกจะปล่อย ซึ่งไม่ใช่ ต้องพูดว่า กอ.รมน.โดยนายกฯ จะต้องพิจารณาในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ตามกฎหมายในฐานะที่ ผบ.ทบ.เป็น รอง ผอ.รมน. สามารถประเมินสถานการณ์เพื่อเสนอให้นายกฯ ทำการอะไรอย่างหนึ่งได้ใช่ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากการติดตามข่าว ทุกคนทราบว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น สมช.ได้พยายามหาข้อมูลที่จะเรียนท่าน
"จะถือว่าเป็นความขัดแย้ง ถึงขนาดต้องประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคงหรือไม่ อยู่ที่นายกฯ ส่วนจะใช้มากน้อยแค่ไหน มีขั้นตอนของ กอ.รมน.โดยหน่วยงานปกติ หรือจะใช้หน่วยงานอื่นๆก็ดำเนินการได้ภายใต้ กอ.รมน. ซึ่งกอ.รมน. ไม่ได้หมายรวมถึงกองทัพบก ถ้า กอ.รมน. จะใช้อำนาจอะไรพิเศษกว่านั้น หรือจะใช้กำลังทหาร ต้องมีการประกาศพื้นที่ความมั่นคง และต้องมีการนำหน่วยงานจากตรงนี้ไปใช้ ไม่ใช่กองทัพบก เป็น กอ.รมน. ซึ่ง กอ.รมน.จะดำเนินการตรงนี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลาย มาตราที่จะไปใช้ แต่หากคิดว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของหน่วยงานปกติ กอ.รมน. จะประเมินเสนอให้ครม.และ ครม.จะเสนอแผนงานให้ กอ.รมน. ซึ่ง ครม.จะสั่งการให้หน่วยงานปกติเช่นกรมตำรวจ ที่ดีกรีหนึ่งแต่ถ้าดีกรีแรงกว่านี้ ต้องประกาศพื้นที่ความมั่นคง และมีข้อกำหนดคล้ายๆ กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วจะให้กองทัพบกออกไปไม่ได้" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
**ผบ.ทบ.เดือดสื่อรุกให้ปฏิบัติการ
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า ระเบิดเป็นฝีมือของทหาร จะดำเนินการอย่างไร หากพบว่าเป็นฝีมือทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะเป็นอย่างไร ตนจะไม่ใช้คำว่า สันนิษฐาน หรือคิดเอาเอง ควรจะให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ และหาผู้กระทำผิด อย่าให้ใช้คำพูดกันว่า คิดเอาเองว่าเป็นใคร เพราะประเทศชาติจะอยู่กันไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ต้องห่วง เพราะไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ เมื่อถามว่า ขณะนี้คนหวังกับตำรวจไม่ได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะประเทศชาติต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครถืออำนาจนั้นต้องไปดำเนินการ
เมื่อถามว่าหากนายกฯ สั่งการไปที่ กอ.รมน. ท่านพร้อมปฏิบัติการหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากท่านจะสั่งการลงไปใน กอ.รมน. ที่มีขั้นตอนมากมายที่จะต้องทำ กอ.รมน.ไม่ได้เป็นการสั่งการแบบวันแมนโชว์ เพราะจะมีคณะกรรมการดำเนินการ ไม่มีใครทำการแบบวันแมนโชว์ได้ หากคนที่ไม่มีอำนาจ เช่น ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอน
**ทหารพร้อมเป็นลูกมือตำรวจ
เมื่อเวลา 16.50 น. วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แล รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม โดยบอกว่า ในการประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องกลุ่มพันธมิตรฯจะนัดชุมนุมใหญ่
เมื่อถามว่า ในช่วงนั้น นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ ต้องไปประชุมเอเปก ที่ประเทศเปรู ใครจะเป็นผู้ควบคุมดูแลสถานการณ์ในวันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้มอบหมายให้ตนทำ เมื่อถามย้ำว่า ใครจะเป็นผู้ดูแลสถานการณ์ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะต้องไปถามนายกฯ
เมื่อถามต่อว่า จำเป็นต้องใช้กฎหมาย พ.ร.บ. ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผมไม่มีข้อพิจารณาในส่วนนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของนายกฯ
เมื่อถามว่า การชุมนุมในวันที่ 23 พ.ย.นี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่จะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องถือว่า เหตุการณ์ต้องไม่มีอะไร เพื่อประเทศชาติ หวังว่าทุกอย่างจะจบไปด้วยดี เมื่อถามอีกว่า ต้องเตรียมความพร้อมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าร้องขอมา เราก็ให้การสนับสนุนได้
**สมชายไม่รับประกันซ้ำรอย 7 ตุลาเลือด
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ในช่วงที่เดินทางไปร่วมประชุมเอเปก ส่วนการชุมนุมถ้า ทำตามกฎเกณฑ์กติกาก็ไม่เป็นไร แต่ขอร้องว่าชุมนุมแล้วอย่าทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายกับคนอื่น หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่จะมีการประชุม 2 สภา ยังจะมีการประชุมอยู่ใช่ไหม นายกฯกล่าวว่า สภาก็คือสภาถูกไหม สภาคืออะไร เป็นที่สำหรับการประชุมตัวแทนของพี่น้องประชาชน และเขาประชุมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ให้อำนาจในฐานะที่เขาเป็นสถาบันนิติบัญญัติ ในการทำหน้าที่ประชุม เวลาเขานัดประชุม ก็ควรจะปล่อยให้เขาประชุมกัน
เมื่อถามว่าไม่กลัวจะซ้ำรอยเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ หรือนายสมชาย ยกมือพร้อมกับกล่าวคำว่า เปล่า ตนพูดว่าสภาเป็นที่ประชุม เขาไปประชุมทุกวันก็เดินเข้าไปกันได้ เมื่อถามว่านายกฯจะรับประกันได้หรือไม่ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม อย่างวันที่ 7 ตุลาฯ นายกฯ กล่าวย้ำว่า สภาเป็นที่ประชุมของสภา ใครอย่าไปยุ่งกับเขา เดินทางไปเดินมาคนเข้าไปในสภาเยอะแยะมากมาย อย่าไปทำความวุ่นวายเดือดร้อนให้กับคนที่ทำงานเพื่อประชาชน หรือใครจะไปก็ไปตามปกติ การที่ไปห้ามไม่ให้เข้าประชุมในสภา ก็ลองช่วยคิดดูแล้วกัน เป็นการทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมปิดกั้นไม่ให้มีการประชุมสภาจะใช้วิธีการสลายผู้ชุมนุมแบบเดิมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ใจเย็นๆ พร้อมกับหัวเราะ
ก่อนหน้านี้ นายสมชายได้กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เวทีพันธมิตรฯว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการ
**ลั่นไม่ย้ายที่ประชุมรัฐสภา
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ขู่ปิดล้อมรัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 24 พ.ย.ว่า ต้องขอร้องพันธมิตรฯว่า ให้ถอยคนละ 2 ก้าว ซึ่งรัฐบาลก็ถอยในเรื่องการไม่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 แล้ว แต่หากพันธมิตรฯ ยังยืนยันตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการย้ายที่ประชุมรัฐสภาอย่างเด็ดขาด
"ถ้ามาปิดล้อมสภา เราก็ต้องขอร้องให้เปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าประชุม แต่ถ้าไม่ยอมเปิดทางเราก็เข้าประชุมไม่ได้ ทำให้พิจารณาเรื่องกรอบของอาเซียนไม่ได้ ซึ่งจะถือว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็คงต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่อย่าลืมว่า ข้อบังคับกำหนดให้ประชุมที่รัฐสภา แม้ประธานรัฐสภา จะมีอำนาจสั่งย้ายที่ประชุมได้แต่อยากถามว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ จึงมีอยู่แค่ 2 ทางคือ ถ้าเข้าประชุมไม่ได้ ก็ไม่ต้องประชุม แต่จะให้ไปประชุมที่อื่นคงต้องตัดข้อนี้ไปเลย" รองประธานสภาฯกล่าว
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เมื่อมีการนัดประชุมสภาก็จะมีการประสานไปยัง สน.ดุสิต เพื่อให้มาดูแลความปลอดภัยตามปกติ ส่วนเรื่องย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภานั้น ในอดีตไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นหากมีการปิดล้อมเหมือนวันที่ 7 ตุลาคม ประธาน มีอำนาจเลื่อนการประชุมออกไปได้ แต่ตนไม่แน่ใจว่า จะส่งผลกระทบกับสัญญาระหว่างประเทศ ที่ต้องพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่
**พันธมิตรฯภูธรเคลื่อนทัพ
สำหรับความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในต่างจังหวัดนั้น ทุกพื้นที่มีความพร้อมและเตรียมที่จะเคลื่อนพลเข้ามาสมทบกับพันธมิตรฯในกรุงเทพฯ เพื่อร่วมกันระดมพลครั้งใหญ่ในการขับไล่ทรราช ที่รัฐสภา วันที่ 23 พ.ย.นี้
ขณะที่เครือข่ายเยาวชนกู้ชาติกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายวันฟ้าใหม่ เทพจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1/20 พฤศจิกายน 2551 ประณามการกระทำของผู้ไม่หวังดีที่ยิงระเบิด M79 เข้าใส่บริเวณเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายในทำเนียบรัฐบาล จนเป็นเหตุให้นายเจนกิจ กลัดสาคร เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากช่วงเช้ามืดวันนี้
พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาแสดงพลังร่วมกับเยาวชนกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่ และขอประกาศให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและเยาวชนในพื้นที่ภูมิภาคภาคเหนือทั้งหมดออกมาเคลื่อนไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเชิญชวนให้เยาวชนทุกคนเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.51 โดยรวมกลุ่มเครือข่ายเยาวชนด้วยการติดตามข่าวสารจากเครือข่ายกลุ่ม Young PAD จังหวัดเชียงใหม่
**กทม.สั่งเตรียมพร้อม 24 ชม.
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม.ได้เรียกประชุม ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ชั้นใน ได้แก่ เขตพระนคร ดุสิต และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเทศกิจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) โดยปลัดกทม.ได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเตรียมพร้อมใช้แผนรองรับกรณีเกิดเหตุวิกฤตหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนของผอ.เขตก็ต้องอยู่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ของตนเองตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนโรงพยาบาลสังกัดกทม.ที่อยู่ชั้นใน อาทิ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ ก็ให้เตรียมพร้อมอุปกรณ์ต่างตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่สำนักอนามัยให้จัดบุคลากรสนับสนุนสำนักการแพทย์ ส่วนสปภ.ให้เตรียมพร้อมรถฉุกเฉิน รถดับเพลิง
**สื่อนอกรายงาน พธม.ใจสู้
สื่อมวลชนต่างประเทศต่างพากันเสนอข่าวการโจมตีด้วยระเบิดเข้าใส่ที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 1 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 20 ราย พร้อมกับรายงานการแถลงของบรรดาแกนนำพันธมิตรที่จะระดมมวลชนเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 23 นี้ ตลอดจนการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้อง
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังได้สัมภาษณ์ผู้ร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรหลายๆ คน ซึ่งต่างบอกว่ายังจะต่อสู้ต่อไป
นอกจากนั้น รอยเตอร์กล่าวว่ายังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม แต่เห็นว่าการประท้วงชองกลุ่มพันธมิตรเป็นแนวป้องกันแนวสุดท้ายในการสกัดกั้นแผนกโลบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยที่บางคนบอกว่าพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อการนี้
"ควรจะถือเป็นเกียรติที่ได้ตายที่ตรงนี้ แทนที่จะต้องตายเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน" รอยเตอร์อ้างคำพูดของสตรีผู้หนึ่งในวัย 40 เศษ ซึ่งมาจากจังหวัดตรัง.