xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ชี้ระเบิดไม่ใช่แก๊สน้ำตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน -คณะแพทย์ผู้รักษาเหยื่อตำรวจสลายการชุมนุม แถลงยันหลักฐานบาดแผลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต มีรอยไหม้และมีเขม่าดินปืนติดรอบแผล ไม่ใช่แค่แก๊สน้ำตา แต่เป็นอาวุธรุนแรง "พล.อ.ปานเทพ" แฉขนอาวุธสงครามไล่ฆ่าประชาชน ด้านอดีตดีเอสไอ เผยตำรวจเลือกใช้ระเบิดควันจีนชนิดระเบิดได้ใส่ประชาชน ส่วนภาพชายบาดเจ็บมือซ้ายกำวัตถุคล้ายระเบิด ที่แท้เป็นเพียงพวงกุญแจหนัง ด้านตำรวจ ยังไม่ยอมรับผิด แถลงแก้ตัวรายวัน

วานนี้ (9 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ห้องบรรยายพาหุรัด อาคารสิรินธร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แพทย์จากสถาบันต่าง ๆที่รับผิดชอบดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของตำรวจ ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงและจัดเสวนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับรูปแบบของบาดแผลและอาวุธที่ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
นพ.อัจฉริยะ สาโรวาทย์ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี หนึ่งในทีมแพทย์ที่ดูแลคนไข้ เปิดเผยว่า คณะแพทย์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่และดีที่สุด โดยในเหตุการณ์การปะทะ เป็นเหตุการณ์ที่คณะแพทย์สะเทือนใจที่สุดตั้งแต่ได้ทำการรักษามา อีกทั้งยังเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก วชิรพยาบาลอยู่ใกล้ที่สุดจึงรับผู้ป่วยมากที่สุด ขณะที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ซึ่งอยู่ไกลออกมายังมีผู้บาดเจ็บส่งมาทำการรักษาถึง 10 ราย
จากสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว คณะแพทย์ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในเดือนที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้มีการรับรักษาอาการผู้บาดเจ็บทั้งฝ่ายตำรวจและพันธมิตร ซึ่งจากข้อเท็จจริงที่พบคือมีผู้ป่วยรายหนึ่งลำไส้ฉีกขาด และพบลูกกระสุนในบาดแผล เห็นได้ชัดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องธรรมดา

**ยันไม่ใช่เกิดจากแก๊สน้ำตา**
ต่อมาหลังจากนั้น ก็เกิดเหตุวิวาทกันบริเวณสะพานมัฆวาน มีผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง โรงพยาบาลลักษณะบาดแผลเป็นรู จึงทำการตรวจพบว่า มีความลึกที่สามารถสอดกรรไกรแพทย์เข้าไปได้จนสุด พบเศษกระสุนยางจากบาดแผล และความรุนแรงนี้ก็ยังมีอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ที่การปะทะรุนแรงถึงขึ้นมาผู้บาดเจ็บนับร้อยและมีผู้เสียชีวิต
"กรณีเคสของคนที่ขาขาดเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดจากแก๊สน้ำตา เพราะบาดแผลมีความรุนแรงมาก และในบาดแผลมีคราบเขม่าสีดำปนเปื้อนอยูด้วย แผลชนิดนี้คงไม่ใช่เกิดจากการถูกตีหรือถูกทำร้ายด้วยอาวุธธรรมดา ส่วนกรณีผู้ป่วยที่นิ้วเท้าขาด อยู่ระหว่างการรักษา ซึ่งเจ้าตัวกำลังใจดีมาก แม้ขณะนี้แผลยังปิดไม่ได้ และคาดว่าต้องรับการผ่าตัดหลายครั้ง"

**นำภาพถ่ายผู้บาดเจ็บเสียชีวิตยืนยัน**
นอกจากนี้ นพ.อัจฉริยะ ได้นำภาพถ่ายของผู้บาดเจ็บที่มารักษายังโรงบาลรามาธิบดี เปิดเผยแก่สื่อมวลชน ซึ่งภาพดังกล่าวมีทั้งภาพการผ่าตัดในรายที่บาดเจ็บสาหัส ภาพพยาบาลที่เข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากได้รับสะเก็ดระเบิดทั้งหลังขณะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ชุมนุมในสถานที่เกิดเหตุ ภาพขาของของผู้บาดเจ็บที่ถูกอาวุธไม่ทราบชนิดจนเท้าแหลก ภาพผู้บาดเจ็บจากอาวุธไม่ทราบชนิดจนเนื้อบริเวณต้นขาหายไปเกือบครึ่ง ภาพขาของผู้บาดเจ็บที่ถูกอาวุธไม่ทราบชนิดจนหน้าแข้งแตก กระดูกโผล่ออกมา ภาพผู้บาดเจ็บจากกระสุนยางที่ถูกยิงจนฝังลึกเข้าไปในผิวหนัง ภาพเด็กหญิงอายุราว 14 - 15 ปีที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ภาพผู้บาดเจ็บที่ได้รับแรงอัดกระแทบกระแทกบริเวณหน้า และภาพของน้องโบว์ที่ได้รับแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าอก กินพื้นที่ไปจนถึงท้องแขนซ้าย เสื้อชั้นนอกและชั้นในไหม้ไปตามรูปของรอยแผล กระดูกซี่โครงซ้ายหักทั้งหมด ปอดและหัวใจทะลุ ม้ามฉีก แก้วหูซ้ายฉีก เท้ามีรอยแผลฉีก ส่วนแขนจากแผลใหญ่มีรอยไหม้เป็นเส้นยาวลากได้เป็นรูปสามเหลี่ยม
"สำหรับผู้ป่วยที่นิ้วเท้าขาด ขณะนี้ยังปิดแผลไม่ได้ และคาดว่าต้องผ่าตัดอีกหลายครั้งว่าจะกลับไปใช้ชีวิตได้กลับเคียงกับก่อนได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้บาดเจ็บทุกท่านกำลังใจดีมาก ด้วยเพราะทั้งเจตนารมณ์และผู้ที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ"

**ตำรวจขนอาวุธหนักถล่มประชาชน**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการเสวนาและเปิดให้มีการสอบถาม พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ อดีต สนช.และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้ลุกขึ้นพูดว่า "ผู้ที่ดูเอเอสทีวีคงเคยเห็นหน้าผม พวกที่ไม่เคยดูผมคิดว่าควรจะเริ่มต้นดูได้แล้ว ผมอยู่ในสนามมาหลายปี ผมชินกับบาดแผลจากสงคราม เวลามีคนบาดเจ็บ ผมมักจะไปรับด้วยตัวเองทางเฮลิคอปเตอร์และผมมักจะตามเข้าไปถึงห้องผ่าตัดด้วย
ผมไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างนี้ ไม่ว่าผมจะเห็นทหารหรือตำรวจได้รับบาดเจ็บ แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจมาก ในขณะนั้นผมอยู่ในรถเอเอสทีวี และเห็นภาพตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาลยิงกระหน่ำใส่ประชาชนที่กำลังเดินกลับจากรัฐสภา โดยไม่ได้มีอาการคุกคามเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงยิงใส่ประชาชนอย่างเมามัน ผมชินกับเสียงระเบิด เสียงปืน และแก๊สน้ำตา ถ้าเป็นแก๊สน้ำตา ลักษณะเสียงจะดังป๊อง และฟุ่บ มีควันออกมา แต่ถ้าเป็นระเบิด M79 มันจะดังป๊อง แล้วบึ้ม ผมนั่งอยู่ในรถเอเอสทีวีมีลูกหนึ่งถูกยิงออกมาความรุนแรงตัดกิ่งไม่ขาด ยืนยันว่าไม่ใช่แก๊สน้ำตาแน่นอน
จากภาพข่าวจาก หนังสือพิมพ์ จะพบว่ามีอาวุธนานาชนิด ทั้งปืน กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และก็มี M79 รวมถึงมีปืนลูกซองด้วย ผมไม่ชินกับปืนลูกซองแต่เข้าใจว่าจะเป็นลูกซอง 5 นัด ลักษณะของกระสุนลูกซองจะมีเม็ดข้างใน มีชนิด 5 เม็ด 7 เม็ดและกระสุนลูกปราย ที่เห็นในภาพยนตร์การใช้ปืนชนิดนี้ยิงคนในระยะใกล้จะทำให้ท้องโหว่ได้เลย"

**พบเขม่าดินปืนและเศษสะเก็ดยาง**
ด้าน นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ จากโรงพยาบาลจุฬาฯ เปิดเผยว่า จากการตรวจรักษาผู้บาดเจ็บ พบเขม่าดินปืนและเศษสะเก็ดยางจากระเบิดฝังอยู่ในบาดแผลของผู้บาดเจ็บด้วย และได้ลงความเห็นว่า บาดแผลของผู้บาดเจ็บ ไม่น่าจะเกิดจากการใช้แก๊ซน้ำตา แต่น่าจะเกิดจากอาวุธหนักที่มีอานุภาพการทำลายร้ายแรงกว่านั้น เนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์และรุนแรงมาก พร้อมกันนี้ยังได้ฝากคำแนะนำการดูแลรักษาชีวิตของผู้ที่อยู่ในพื้นที่การปะทะว่า
"ในความเห็นของทุกคนจะเห็นว่าควรนำส่ง รพ.ให้เร็วที่สุด ซึ่งก็เป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสม แต่ในบางกรณีฉุกเฉิน เวลาไม่กี่นาทีที่รอนำส่ง รพ.อาจไม่พอและสายเกินไป การปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก เพราะหากเราอยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากต้องระวังตัวเองแล้ว เมื่อเกิดเหตุผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ ได้รับบาดเจ็บ เราย่อมไม่ปล่อยให้ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งในพื้นที่นั้นอุปกรณ์การช่วยชีวิตย่อมจำกัด ดังนั้นควรสังเกตและประยุกต์สิ่งที่มีอยู่ในตัวนำไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น"

**ยันตำรวจจงใจยิงใส่ประชาชน**
ด้าน พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา อดีตผู้บัญชาการสำนักวิทยาศาสตร์ตำรวจ ปรมาจารย์ด้านปืนและอาวุธระบุว่า ระเบิดควันที่ใช้กันอยู่มีของ 2 ประเทศ คือจากจีนและอเมริกา ระเบิดควันของอเมริกาจะมีแค่เสียงฟู่เวลาตกกระทบแล้วปล่อยควันออกมา แต่ระเบิดควันของจีนเป็นแบบปล่อยทั้งควันและเกิดระเบิดได้เมื่อถูกกระทบ ซึ่งสถานการณ์และภาพที่ทุกคนได้เห็นก็ชัดแล้วว่า ตำรวจจงใจเลือกระเบิดควันแบบไหนยิงใส่ประชาชน
"ตามธรรมดา การปราบจลาจล เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำได้แค่เพียง ยิงขึ้นเฟ้า หรือยิงลงดิน หรือมากที่สุดก็คือยิงกระสุนยางลงพื้นเพื่อให้วิถีกระดอนไปถูกเป้าหมายเท่านั้น จะไม่ยิงแบบไดเร็คฮิต เข้าไปในฝูงชนแบบนี้ และสิ่งที่ผมจะฝากไปถึงหมอ หากท่านรับผู้บาดเจ็บ ขอให้เก็บชิ้นเนื้อ อวัยวะที่ขาด ตลอดจนเสื้อผ้า เก็บรักษาไว้ ถ้าไม่มั่นใจตำรวจ ให้ส่งไปตรวจที่มหาวิทยาลัยก็ได้ครับ" ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนกล่าว

**ในมือผู้บาดเจ็บที่แท้พวงกุญแจ**
จากกรณีที่มีภาพข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์พบมีชายได้รับบาดเจ็บมือขวาขาด และที่มือซ้ายกำวัตถุบางอย่างซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดนั้น นพ.ดิเรก ภาคกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า กรณีนี้ตนเป็นผู้พบผู้บาดเจ็บด้วยตนเอง ซึ่งนั่งกำแพง มีเลือดไหลบริเวณคอ หน้าอก มือขวาขาด ซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถพูดได้ เนื่องจากบาดเจ็บที่หลอดลม โดยในมือที่สงสัยว่าเป็นวัตถุบางอย่างที่คล้ายระเบิดนั้น เมื่อถึงโรงพยาบาลตนได้นำมาดูปรากฎว่าเป็นพวงกุญแจหนัง ขนาดไม่ใหญ่มาก และตนได้นำพวงกุญแจดังกล่าวใส่ไว้ในถุงเก็บของที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้สำหรับของคนไข้ผู้บาดเจ็บ ดังนั้นหากมีการตรวจสอบจะพบว่ามีกุญแจอยู่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีพยาบาล 2 คน และคนขับรถฉุกเฉิน รวมไปถึงแพทย์ที่รพ.รามาฯ ก็พร้อมที่จะเป็นพยานว่าวัตถุชิ้นดังกล่าวไม่ใช่ระเบิดแน่นอน
ด้าน รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บคนดังกล่าวซึ่งมีอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ลำคอ และมือ ทำให้ต้องเจาะคอช่วยหายใจ ขณะนี้ความดันและชีพจรยังทรงตัว ปกติแต่ยังไม่รู้สึกตัว

**ตำรวจเลวไม่ยอมรับผิด**
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีภาพชายสวมเสื้อแจ๊กเกตสีดำ ถือปืนยืนอยู่หลังรั้วสวนสัตว์ดุสิตจ่อปืนมายังกลุ่มผู้ชุมนุมและตำรวจ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตำรวจปฏิบัติงานอย่างเปิดเผยไม่ได้ส่งหน่วยใดไปทำเกินของเขตของกฎหมายที่ให้ไว้ และไม่ทำเกินคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ที่สั่งให้ระวังชีวิตของประชาชน แต่จะเป็นใครต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ซึ่งขณะนี้ทาง บช.น.ได้ตั้งชุดสืบสวนสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.โดยมีรอง ผบช.น.ที่ดูแลด้านกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงจากภาพตามสื่อมวลชนที่ปรากฏ ทั้งเรื่องความเสียหายการบาดเจ็บล้มตายของประชาชน ซึ่งเรื่องภาพดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ ความจริงจะปรากฏในไม่ช้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา การชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจสังคมไม่ยอมรับจะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจตกเป็นจำเลยสังคมที่กล่าวหาว่าทำให้ประชาชนต้องเจ็บต้องตาย เราจึงต้องนำเสนอชี้แจงผ่านทางสื่อมวลชน ว่า ตำรวจให้อาวุธอะไร อานุภาพอาวุธที่ตำรวจใช้จะเกิดผลอะไร แต่ภาพที่ออกมาประชาชนบาดเจ็บล้มตาย มีบาดแผลเกินกว่าอาวุธที่ตำรวจใช้อยู่ เราจึงต้องชี้แจงให้ทราบ เพราะไม่อย่างนั้นประชาชนจะเข้าใจว่าการบาดเจ็บล้มตายเกิดจากการกระทำของตำรวจ ตำรวจเองก็กังวลเรื่องความปลอดภัยส่วนปฏิกิริยาที่มีต่อตำรวจเราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ในข้อเท็จจริงตำรวจไม่ได้ทำเราจึงต้องชี้แจงให้ทราบ
“เรื่องนี้คณะกรรมการระดับชาติ ซึ่งมีคนกลางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงก็จะกระจ่างชัด คณะกรรมการมาสรุปโดยเร็ววัน จะได้แจ้งให้ประชาชนได้ทราบ ตำรวจไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหา สื่อมวลชนที่ลงไปทำงานในพื้นที่ก็เห็นว่าตำรวจปฏิบัติอย่างไร เกิดผลโดยตรงให้มีคนเจ็บคนตายหรือเปล่า ส่วนน้องผู้หญิงที่เสียชีวิตผมก็เคารพในอุดมการณ์ที่ทำเพื่อชาติ และผมไม่ได้แถลงข่าวว่าน้องพกระเบิด ผมไม่เคยพูดแบบนั้น ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยพูดให้ร้ายใคร ยอมรับและให้เกียรติผู้ชุมนุมที่ปรารถนาดีต่อชาติ ทุกอย่างพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์และการแพทย์”
ต่อข้อถามที่ว่า หากมีการปะทะกันอีกตำรวจจะใช้แผนเดิมหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เมื่อวานได้พูดคุยกับคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นประธาน มีหลักการว่า หากไม่มีการกระทำใดที่มุ่งประสงค์ทำร้ายทรัพย์สินทางราชการ หรือเกิดการปะทะของฝ่ายคัดค้านและพันธมิตรฯ ก็ให้ใช้มาตรการเดิมประคับประคองเหตุการณ์ไม่ให้รุนแรง แต่ถ้าทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินทางราชการ หรือเกิดการปะทะกันก็ต้องยับยั้งไม่ให้บานปลายมีความจำเป็นต้องสกัดกั้นทั้งสองฝ่ายด้วยอุปกรณ์ที่ตำรวจมีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า เหล่าทัพเห็นด้วยกับการใช้แก๊สน้ำตา พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า แก๊สน้ำตาใช้ตามหลักสากลมีอันตรายต่อเป้าหมายน้อยที่สุด ถ้าใช้กระบองสกัดกั้นก่อนดูว่าน่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิตหากมีการพลาดพลั้งหรือเกิดการต่อต้านเข้าประชิดตัว แต่แก๊สน้ำตาทำให้เกิดการระคายเคืองเท่านั้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น