สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มออกอาการลนลาน เสนอผลสอบพบสารซีโฟร์ในเสื้อผ้า “น้องโบว์” เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรถึง ผบ.ตร.เปรียบเหมือนเรื่องเพิ่งสอบเสร็จ และ ผบ.ตร.ยังไม่ทราบ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ขุดเรื่องเก่ามาชี้แจงให้ร้ายน้องโบว์หวังตนเองพ้นผิด ก่อน ป.ป.ช.ชี้มูลเหตุ 7 ตุลาเลือด
วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สรุปรายงานเกี่ยวกับการตรวจพื้นที่เกิดเหตุระเบิดในวันที่ 7 ต.ค.2551 เสนอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยรายงานดังกล่าวเป็นเรื่องเดิมที่หนังสือพิมพ์ข่าวสดได้เสนอ และตามที่ ผบช.สนว.ออกมาชี้แจงว่าได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ชี้แจง แต่กลับเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท อีกครั้ง หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขุดเรื่องเก่ามาเสนอข่าว ก่อนที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลผู้เกี่ยวข้องในเหตุการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551
สำหรับรายงานนี้ได้สรุปรายงานเกี่ยวกับการตรวจพื้นที่เกิดเหตุระเบิดในวันที่ 7 ต.ค.2551 เสนอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ากรณีการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือโบว์ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยย่อ เมื่อวันที่ 7 ตค.2551 ช่วงบ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากได้มุ่งหน้าไปที่ บช.น. แต่ก่อนที่จะไปถึงเจ้าหน้าที่ได้วางเครื่องกีดขวางไว้ ได้มีนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการเข้าไปเจรจาแต่ถูกพันธมิตรฯ ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังผลักดันให้พันธมิตรฯ ถอยร่นไป เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบภายหลังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบาดเจ็บและเสียชีวิต และผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาว่า น.ส.อังคณา
พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ภาพถ่ายศพ มีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณชายโครงด้านซ้ายและใต้ท้องแขนซ้านท่อนบน ลึกถึกระดูก และมีรอยสะเก็ดเป็นจุดเล็กๆที่หลังเท้า ข้างเท้า และบริเวณใกล้ตาตุ่มเท้าซ้ายบาดแผลดังกล่าวน่าจเกิดจากสารระเบิดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200กรัม ในขณะที่แก๊สน้ำตาที่ผลิตจากประเทศจีนมีสารระเบิดหรือ RDX น้ำหนักเพียง 7 กรัมเท่านั้น
ส่วนกรณีที่กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจเสื้อผ้าของ น.ส.อังคณา ที่ใส่ในวันเกิดเหตุ โดยตรวจพบสารเคมีที่เป็นวัตถุระเบิดชนิด C4 ติดอยู่ที่เสื้อยืดสีเหลืองและเสื้อชั้นในสภาพฉีกขาดและตรวจพบสารเคมีชนิด RDX ติดอยู่ที่กางเกงยีนส์ขายาว จากพยานกลักฐานข้างต้น จึงน่าเชื่อว่า น.ส.อังคณา เสียชีวิตจาดสารระเบิดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กรัม ในระยะประชิด และระเบิดดังกล่าวมีสะเก็ดเล็กๆโดยสังเกตจากบาดแผลที่บริเวณตาตุ่มซ้ายและเท้าซ้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีสารระเบิด RDX เพียง 7 กรัม และในก๊สน้ำตาไม่มีสารระเบิดชนิดC4และไม่มีสะเก็ด แต่จะเสียชีวิตจากสารระเบิดชนิดใดและของผู้ใดนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพราะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำลาย มีการเคลื่อนย้ายผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุโดยพลการ และมีการตรวจสถานที่เกิดเหตุล่าช้า และไม่ได้มาตรฐานตามหลักสากล
ขณะที่กรณีของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ ระบุว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 7 ต.ค.2551 ได้รับแจ้งจาก สน.ดุสิต ให้เข้าทำการตรวจสอบเหตุระเบิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อ จี๊ป สีขาว หมายเลขทะเบียน พต-9755 กทม. โดยเบื้องต้นพบศพ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี อยู่ในที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ 1.เศษชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ 2.เศษคราบเขม่าวัตถุระเบิด 3.เศษภาชนะพาสติกสีขาว 4.เชื้อปะทุไฟฟ้าทับพลเรือน 1 ดอก 5.เศษชิ้นส่วนโลหะ 6.เศษกระดาษการ์ดและซิมการ์ด ซึ่งจากการพิจารณาตรวจสอบเชื่อว่ามีการระเบิดเกิดขึ้น1ครั้ง จากระเบิดแสวงเครื่องที่จัดทำขึ้นเอง โดยใช้สารระเบิดแรงสูงชนิด TNT น้ำหนักไม่เกินครึ่งปอนด์ ประกอบวงจรจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยมีการวางวัตถุระเบิดไว้บริเวณเบาะหลัง ขณะที่ผู้เสียชีวิตกำลังประกอบระเบิด แต่เกิดความผิดพลาดขึ้น
ชนิดของสารระเบิดที่ตรวจพบภายในรถยนต์และวัตถุพยานต่างๆ ประกอบด้วย สารระเบิดแรงสูง tnt ,สารระเบิดแรงสูงชนิด RDX จากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุจึงน่าเชื่อว่า พ.ต.ท.เมธี เสียชีวิตจากระเบิดแสวงเครื่องซึ่งทำงานโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือเป็นตัวจุดระเบิด และเกิดระบิดภายในรถยนต์ดังกล่าว มิได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
สำหรับความเห็นทางวิชาการบาดแผลที่เกิดจากแก๊สน้ำตากับวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่จัดทำขึ้นเองนั้น จะมีลักษณะแตกต่างกันโดยบาดแผลที่เกิดจากแก๊สน้ำตาจะไม่พบคราบเขม่าสีดำและไม่มีร่องรอยสะเก็ดตามเนื้อตัว ร่างกาย แขนขา หรือวัตถุที่อยู่ใกล้ ส่วนบาดแผลที่เกิดจากระเบิดแสวงเครื่องที่จัดทำขึ้นเองจะมีคราบเขม่าสีดำและมีร่องรอยของบาดแผลจาดวัตถุระเบิดที่มีสะเก็ด