ผู้จัดการรายวัน - POWER เผยศาลฯ ยกฟ้อง กรณีที่ "เดอะเบสท์ คอนโดมิเนียม" ฟ้องร้องเกี่ยวกับการทำนิติกรรมอำพราง เรียกค่าเสียหายเกือบ 200 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมรับเงินทดลองจ่ายล่วงหน้าคืนจากผู้ว่าจ้าง หลังถูกเบี้ยวหนี้ และศาลฯ พิพากษาให้คู่สัญญาจ่ายคืนตามเงื่อนไขพร้อมดอกเบี้ยวงเงินกว่า 100 ล้านบาท
นางสาวชุติมา ชุบไธสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ - สายงานบริหาร บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) (POWER ) แจ้งว่าเนื่องจากเมื่อ 27 ธ.ค. 47 บริษัทฯ ได้เข้าทําสัญญารับจ้างกับบริษัท เดอะเบสท์ คอนโดมิเนียม จํากัด เพื่อดําเนินการก่อสร้างออกแบบและตกแต่งอาคารคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น บนถนนสุขุมวิท 38 ภายใต้ชื่อ โครงการซิลเวอร์เฮอริเทคเอ็คคลูซีฟโฮม คอนโดมิเนียม โดยมีมูลค่าตามสัญญาจ้าง 347 ล้านบาท และได้ยกเลิกสัญญาจ้างระหว่างกันไปเมื่อ 20 ส.ค. 48
โดยเมื่อ 30 พ.ย. 48 บริษัท เดอะเบสท์ คอนโดมิเนียม จำกัด ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทฯเป็นจำเลยที่ 1 ตามคดีหมายเลขดำที่ 5404/2548 ในข้อหานิติกรรมอำพราง โดยเรียกค่าเสียหาย 192,246,704.39 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมิได้บันทึกประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวไว้ในงบการเงิน เนื่องจาก ยังมีความไม่แน่นอนของคําพิพากษาของศาล ซึ่งรายละเอียดได้ปรากฎตามหมายเหตุประกอบงบการเงินปี 50 ข้อ 26 เรื่องคดีความ และเมื่อ 15 ส.ค.51 ศาลแพ่งรัชดา ได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ POWER เดินหน้าฟ้องร้องกับคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ตามสัญญาหลายบริษัท โดยเมื่อ 12 พ.ค. 51 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคําพิพากษาให้บริษัท พีไพรส์ ซัพพลายส์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (พี.ไพรส์) ชำระเงิน 29,727,091.48 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 % ต่อปี ตั้งแต่ 12 พ.ย. 48 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จนถึงวันที่ฟ้องคือ 30 ม.ค.51 ซึ่งไม่เกิน 4,946,710.18 บาท และสั่งให้ พี.ไพรส์ ชดใช้ค่าทนายความให้บริษัทฯ ด้วย
เนื่องจากผลที่ POWER เข้าทำสัญญาผู้รับจ้างให้ บริษัท มงคลฮาร์เบอร์ จำกัด ในโครงการก่อสร้างคลังเก็บและจ่ายก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลวและเขื่อนกั้นดินที่สมุทรปราการ และบริษัทฯ ทำสัญญาว่าจ้าง พี.ไพรส์ ให้เป็นผู้รับเหมาช่วงดำเนินการก่อสร้างมูลค่า 400 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินทดรองจ่ายล่วงหน้า 100 ล้านบาท โดยให้นำผลงานงวดแรกและงวดถัด ๆ ไปมาคำนวณหักลบกัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งเมื่อปี 48 ได้ยกเลิกโครงการก่อสร้างจาก มงคลฮาร์เบอร์ บริษัทฯ จึงยกเลิกสัญญารับเหมาช่วงกับ พี.ไพรส์ เพื่อขอคืนเงินจ่ายล่วงหน้าส่วนที่เหลือ
ล่าสุดเมื่อ 9 ก.ย.51 POWER ได้ฟ้องร้อง บริษัท มิตรภาพวิลเลจ แอนด์ การ์เด้นท์ จำกัด หลังจากทั้งสองฝ่ายได้บันทึกข้อตกลงเป็นผู้รับจ้าง ขณะที่บริษัทฯ ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท เมิจเอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (เมิจ) ให้เป็นผู้รับเหมาช่วงดำเนินการก่อสร้าง เมื่อ 9 ธ.ค.48 โดยมีมูลค่าตามสัญญาจ้างที่ได้ตกลงกันกับ เมิจ 82,519,231 บาท พร้อมกับทดรองจ่ายเงินในวันทำสัญญา 12,377,884.65 บาท ตามเงื่อนไขที่เคยปฎิบัติต่อบริษัทผู้ว่าจ้างอื่น
นอกจากนี้เมื่อ 21 ธ.ค. 50 บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้อง เมิจ ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ชำระเงินจ่ายล่วงหน้าที่เหลืออยู่ 10,618,884.65 บาท พร้อมดอกเบี้ย และ ศาลฯ มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ เมิจ ชำระเงิน 10,618,664.65 บาท โดยแบ่งชำระ 3 งวด จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่บริษัทฯ หากผิดนัดชำระหนี้งวดใดงวดหนึ่ง ให้ถือว่าผิดนัดในส่วนที่เหลือทั้งหมดยินยอมให้บริษัทฯ บังคับคดีได้ทันที อีกทั้งให้คิดดอกเบี้ย 15% ต่อปี ของยอดเงินคงเหลือที่ยังค้างชำระแก่บริษัทฯ นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไป
นางสาวชุติมา ชุบไธสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ - สายงานบริหาร บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) (POWER ) แจ้งว่าเนื่องจากเมื่อ 27 ธ.ค. 47 บริษัทฯ ได้เข้าทําสัญญารับจ้างกับบริษัท เดอะเบสท์ คอนโดมิเนียม จํากัด เพื่อดําเนินการก่อสร้างออกแบบและตกแต่งอาคารคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น บนถนนสุขุมวิท 38 ภายใต้ชื่อ โครงการซิลเวอร์เฮอริเทคเอ็คคลูซีฟโฮม คอนโดมิเนียม โดยมีมูลค่าตามสัญญาจ้าง 347 ล้านบาท และได้ยกเลิกสัญญาจ้างระหว่างกันไปเมื่อ 20 ส.ค. 48
โดยเมื่อ 30 พ.ย. 48 บริษัท เดอะเบสท์ คอนโดมิเนียม จำกัด ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทฯเป็นจำเลยที่ 1 ตามคดีหมายเลขดำที่ 5404/2548 ในข้อหานิติกรรมอำพราง โดยเรียกค่าเสียหาย 192,246,704.39 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมิได้บันทึกประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวไว้ในงบการเงิน เนื่องจาก ยังมีความไม่แน่นอนของคําพิพากษาของศาล ซึ่งรายละเอียดได้ปรากฎตามหมายเหตุประกอบงบการเงินปี 50 ข้อ 26 เรื่องคดีความ และเมื่อ 15 ส.ค.51 ศาลแพ่งรัชดา ได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ POWER เดินหน้าฟ้องร้องกับคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ตามสัญญาหลายบริษัท โดยเมื่อ 12 พ.ค. 51 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคําพิพากษาให้บริษัท พีไพรส์ ซัพพลายส์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (พี.ไพรส์) ชำระเงิน 29,727,091.48 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 % ต่อปี ตั้งแต่ 12 พ.ย. 48 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จนถึงวันที่ฟ้องคือ 30 ม.ค.51 ซึ่งไม่เกิน 4,946,710.18 บาท และสั่งให้ พี.ไพรส์ ชดใช้ค่าทนายความให้บริษัทฯ ด้วย
เนื่องจากผลที่ POWER เข้าทำสัญญาผู้รับจ้างให้ บริษัท มงคลฮาร์เบอร์ จำกัด ในโครงการก่อสร้างคลังเก็บและจ่ายก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลวและเขื่อนกั้นดินที่สมุทรปราการ และบริษัทฯ ทำสัญญาว่าจ้าง พี.ไพรส์ ให้เป็นผู้รับเหมาช่วงดำเนินการก่อสร้างมูลค่า 400 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินทดรองจ่ายล่วงหน้า 100 ล้านบาท โดยให้นำผลงานงวดแรกและงวดถัด ๆ ไปมาคำนวณหักลบกัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งเมื่อปี 48 ได้ยกเลิกโครงการก่อสร้างจาก มงคลฮาร์เบอร์ บริษัทฯ จึงยกเลิกสัญญารับเหมาช่วงกับ พี.ไพรส์ เพื่อขอคืนเงินจ่ายล่วงหน้าส่วนที่เหลือ
ล่าสุดเมื่อ 9 ก.ย.51 POWER ได้ฟ้องร้อง บริษัท มิตรภาพวิลเลจ แอนด์ การ์เด้นท์ จำกัด หลังจากทั้งสองฝ่ายได้บันทึกข้อตกลงเป็นผู้รับจ้าง ขณะที่บริษัทฯ ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท เมิจเอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (เมิจ) ให้เป็นผู้รับเหมาช่วงดำเนินการก่อสร้าง เมื่อ 9 ธ.ค.48 โดยมีมูลค่าตามสัญญาจ้างที่ได้ตกลงกันกับ เมิจ 82,519,231 บาท พร้อมกับทดรองจ่ายเงินในวันทำสัญญา 12,377,884.65 บาท ตามเงื่อนไขที่เคยปฎิบัติต่อบริษัทผู้ว่าจ้างอื่น
นอกจากนี้เมื่อ 21 ธ.ค. 50 บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้อง เมิจ ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ชำระเงินจ่ายล่วงหน้าที่เหลืออยู่ 10,618,884.65 บาท พร้อมดอกเบี้ย และ ศาลฯ มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ เมิจ ชำระเงิน 10,618,664.65 บาท โดยแบ่งชำระ 3 งวด จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่บริษัทฯ หากผิดนัดชำระหนี้งวดใดงวดหนึ่ง ให้ถือว่าผิดนัดในส่วนที่เหลือทั้งหมดยินยอมให้บริษัทฯ บังคับคดีได้ทันที อีกทั้งให้คิดดอกเบี้ย 15% ต่อปี ของยอดเงินคงเหลือที่ยังค้างชำระแก่บริษัทฯ นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไป
