บสท. โชว์ยอดขาย NPA และขายทอดตลาดทรัพย์ไตรมาสแรกปี 51 ได้กว่า 3,100 ล้านบาท หลังใช้กลยุทธ์คัดทรัพย์เด่นทำเลทอง เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง ด้านการบริหารงานมีรายรับสะสมกว่า 142,200 ล้านบาท รุกเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทุกด้าน ป้องกันปัญหาลูกหนี้ผิดนัดชำระในยุคราคาน้ำมันแพง
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 บสท.สามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันได้ประมาณ 3,100 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์คัดทรัพย์เด่นทำเลทองออกจำหน่าย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง อาทิ โครงการโกลเด้น เกทพลาซ่า ถ.ราชประสงค์ ราคาขาย 803 ล้านบาท ที่ดินเปล่าชายทะเลหาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี ราคาขาย 216 ล้านบาท และที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ตลาดใหม่ กระทุ่มแบน ราคาขาย 175 ล้านบาท
"บสท. ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพที่ดีไม่เสื่อมค่า และพร้อมจำหน่ายด้วยการวางแผนทางการตลาดที่เหมาะสม เพื่อนำทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมเกิดการลงทุน การจ้างงาน สร้างอาชีพ รายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ระบบเศรษฐกิจ"
ถึงสิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 บสท. สามารถขาย NPA และขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกัน สะสมรวมจำนวน 32,743 ล้านบาท และมี NPA คงเหลือรวมจำนวน 85,531 ล้านบาท ดังนั้น บสท. จึงเป็นแหล่งรวม NPA ที่ใหญ่ ที่สุดและทรัพย์กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่สามารถเข้ามาเลือกซื้อทรัพย์สินของ บสท. ได้สอดคล้องกับความต้องการ
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2551 บสท. มีรายรับจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 3,038 ล้านบาท และจนถึงสิ้นไตรมาส 1 มีรายรับจากการปรับโครงสร้างหนี้สะสมรวมจำนวน 114,942 ล้านบาท และเมื่อรวมรายรับการขายทรัพย์สินรอการขาย และการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันดังกล่าวข้างต้น ทำให้ บสท. มีรายรับจากการบริหารงานสะสมรวมกว่า 142,200 ล้านบาท นอกจากนี้ บสท. ได้ดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิดและเร่งแก้ไขลูกหนี้ที่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ โดยสิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 มีลูกหนี้ผิดนัดชำระเกินกว่า 90 วัน จำนวน 240 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.28 ของแผนการชำระหนี้ที่เป็นเงินสดตามสัญญาที่ได้รับอนุมัติ สำหรับลูกหนี้ที่ไม่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ บสท. มีความจำเป็นต้องดำเนินการบังคับจำนองหรือจำนำทรัพย์หลักประกันของลูกหนี้/ผู้ค้ำประกัน และนำทรัพย์สินขายทอดตลาดตามมาตรา 76 แห่ง พ.ร.ก. บสท. พ.ศ. 2544
"สิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 บสท. ได้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้สถาบันผู้โอนในส่วนของเงินต้นสะสมทั้งสิ้น จำนวน 119,729 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47.82 ของมูลค่าตั๋วสัญญาที่ออกแล้วทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศลง และชำระดอกเบี้ยอีกจำนวน 14,368 ล้านบาท เฉพาะไตรมาสที่ 1 ปี 2551 ได้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้นแล้ว ทั้งสิ้น 4,414 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 181 ล้านบาท" นายสมเจตน์กล่าว
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 บสท.สามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันได้ประมาณ 3,100 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์คัดทรัพย์เด่นทำเลทองออกจำหน่าย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง อาทิ โครงการโกลเด้น เกทพลาซ่า ถ.ราชประสงค์ ราคาขาย 803 ล้านบาท ที่ดินเปล่าชายทะเลหาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี ราคาขาย 216 ล้านบาท และที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ตลาดใหม่ กระทุ่มแบน ราคาขาย 175 ล้านบาท
"บสท. ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพที่ดีไม่เสื่อมค่า และพร้อมจำหน่ายด้วยการวางแผนทางการตลาดที่เหมาะสม เพื่อนำทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมเกิดการลงทุน การจ้างงาน สร้างอาชีพ รายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ระบบเศรษฐกิจ"
ถึงสิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 บสท. สามารถขาย NPA และขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกัน สะสมรวมจำนวน 32,743 ล้านบาท และมี NPA คงเหลือรวมจำนวน 85,531 ล้านบาท ดังนั้น บสท. จึงเป็นแหล่งรวม NPA ที่ใหญ่ ที่สุดและทรัพย์กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่สามารถเข้ามาเลือกซื้อทรัพย์สินของ บสท. ได้สอดคล้องกับความต้องการ
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2551 บสท. มีรายรับจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 3,038 ล้านบาท และจนถึงสิ้นไตรมาส 1 มีรายรับจากการปรับโครงสร้างหนี้สะสมรวมจำนวน 114,942 ล้านบาท และเมื่อรวมรายรับการขายทรัพย์สินรอการขาย และการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันดังกล่าวข้างต้น ทำให้ บสท. มีรายรับจากการบริหารงานสะสมรวมกว่า 142,200 ล้านบาท นอกจากนี้ บสท. ได้ดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิดและเร่งแก้ไขลูกหนี้ที่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ โดยสิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 มีลูกหนี้ผิดนัดชำระเกินกว่า 90 วัน จำนวน 240 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.28 ของแผนการชำระหนี้ที่เป็นเงินสดตามสัญญาที่ได้รับอนุมัติ สำหรับลูกหนี้ที่ไม่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ บสท. มีความจำเป็นต้องดำเนินการบังคับจำนองหรือจำนำทรัพย์หลักประกันของลูกหนี้/ผู้ค้ำประกัน และนำทรัพย์สินขายทอดตลาดตามมาตรา 76 แห่ง พ.ร.ก. บสท. พ.ศ. 2544
"สิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 บสท. ได้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้สถาบันผู้โอนในส่วนของเงินต้นสะสมทั้งสิ้น จำนวน 119,729 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47.82 ของมูลค่าตั๋วสัญญาที่ออกแล้วทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศลง และชำระดอกเบี้ยอีกจำนวน 14,368 ล้านบาท เฉพาะไตรมาสที่ 1 ปี 2551 ได้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้นแล้ว ทั้งสิ้น 4,414 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 181 ล้านบาท" นายสมเจตน์กล่าว