xs
xsm
sm
md
lg

ทรราชฆ่าประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ซาตานสมชาย"กระหายเลือด เข่นฆ่าประชาชนที่ปราศจากอาวุธ เพียงแค่ต้องการเปิดทางเข้าไปแถลงนโยบายที่รัฐสภา สั่งตำรวจระดมอาวุธทั้ง แก๊สน้ำตา ปืน ระเบิด ถล่มใส่อย่างไม่ปรานีตลอดทั้งวัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บเกือบ 400 ราย "สมเด็จพระราชินี" พระราชทานเงิน 2 แสนบาท ช่วยรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ "บิ๊กจิ๋ว" ยื่นใบลาออกในฐานะผู้ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ ขณะที่"สมชาย-อนุพงษ์" เคียงคู่แถลงข่าวปฏิเสธความรับผิดชอบ ยันไม่ยุบสภา ไม่ลาออก แถมบอกจะเดินทางทัวร์ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแนะนำตัว ด้าน 40 ส.ว.เรียกร้องสังคมร่วมกันกดดันให้รัฐบาลลาออก "สนธิ" นำพันธมิตรฯ สดุดี"วีรสตรี" ที่เสียชีวิต เตรียมทำพิธีรดน้ำศพที่ทำเนียบรัฐบาล ประกาศต้องล้มล้างรัฐบาลซาตาน จนกว่าจะได้รับชัยชนะ เพื่อชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เข้าทำการปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อมิให้สมาชิกรัฐสภา ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา เข้าไปประชุมเพื่อให้นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาได้

ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต้องเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีกลางดึก ที่ดอนเมือง เพื่อหารือถึงเรื่องนี้ ซึ่งที่ประชุมยังคงยืนยันที่จะมีการแถลงนโยบายตามกำหนดการเดิม คือวันที่ 7-8 ต.ค. โดยอ้างว่าหากเลื่อนออกไปก็อาจมีเหตุการณ์แทรกซ้อน ยืดเยื้อ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วัน หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไปดำเนินการในเรื่องนี้

"สัตว์นรก"เปิดฉากเข่นฆ่าประชาชน

เมื่อเวลาประมาณ 06.20 น. วานนี้ (7 ต.ค.) บริเวณถนนราชวิถี และหน้าสวนสัตว์ดุสิต ได้มีการสั่งการให้ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตา และใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายจู่โจม เพื่อหวังสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา สามารถเข้าประตูด้านข้างของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ด้านหน้ารัฐสภา ยังมีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่หลายพันคน ทำให้ผู้ชุมนุมต่างต้องหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำขึ้นมาปิดหน้า

ขณะเดียวกัน มีการลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถผ่านด้านหน้าสภา ออกไปทางด้านลานพระบรมรูปทรงม้า อย่างไรก็ตาม นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ได้ยืนยันว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาล และจะปักหลักอยู่บริเวณหน้าถนนอู่ทองใน ขณะที่นายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำรุ่น 2 อีกคนได้ให้สัมภาษณ์กับ สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้รับการเจรจา หรือประสานจากรัฐบาลก่อนการเข้าสลายแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หลังจากที่เปิดประตูด้านข้างรัฐสภาได้แล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลหลายกองร้อย เข้าไปอยู่ในบริเวณภายในพื้นที่รัฐสภา ขณะเดียวกัน บริเวณถนนพิชัย หน้าพรรคชาติไทย ได้มีการวางเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ประมาณ 400 นาย เพื่อสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม

สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งไปที่ รพ.วชิรพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด

ด้าน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ว่า หน้าที่ประชุมสภา เป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการประชุมก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่แล้ว แม้ว่าบรรยากาศจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ถึงขณะนี้ไม่มีการติดต่อจากนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ให้ย้ายที่ประชุมสภาแต่อย่างใด

"เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้ ก็มีประชาชนไม่พอใจกลุ่มผู้ชุมนุมเยอะแยะนะครับ เราคนไทยด้วยกัน บ้านเมืองก็กำลังจะเกิด ส.ส.ร.3 (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี” รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าว

ต่อมา เมื่อเวลา 07.00 น. จากการรายงานของสถานีโทรทัศน์ ทีวีไทย ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าจากข้อมูลของวิทยุตำรวจมีรายงานแล้วว่า ณ ปัจจุบันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 รายด้วยกัน ขณะที่ช่อง 3 ได้มีการเผยแพร่ภาพว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่มีแผลไฟไหม้ ขณะเดียวกันก็มีผู้ชุมนุมคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาอย่างหนัก โดยภาพที่ออกมา ผู้สื่อข่าวระบุว่า ผู้ชุมนุมถึงกับขาขาดเลยทีเดียว

พระราชินีพระราชทานเงิน 1 แสนบาท

เวลา 09.00 น. นายชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่างใยต่อเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง สลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภาได้พระราชทานเงินส่วนพระองค์จำนวน 1 แสนบาท ให้โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ และให้ทางโรงพยาบาลแจ้งยอดค่ารักษาไปที่สำนักราชเลขาธิการ

ผอ.รพ.วชิระเผยยอดผูบาดเจ็บช่วงเช้า

นพ.ชัยวัน เปิดเผยถึงยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ และความคืบหน้าในการรักษาว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม มารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ รวม ณ เวลา 10.00 น.ว่า มียอดทั้งหมด 47 ราย และอีก 22 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามา โดยมีผู้ที่อาการบาดเจ็บสาหัส ที่รักษาตัวที่ รพ.วชิระ คือ นายบัญชา บุญแก้ว อายุ 30 ปี โดยบาดเจ็บขาขาด ขณะนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูแพทย์ใช้เครื่องวอมเมอร์ทำให้ร่างกายอบอุ่น และดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนสาเหตุที่ทำให้ต้องตัดขาเนื่องจากถูกวัตถุของแข็งที่ทำให้กระดูกขาแตกละเอียดและเส้นเลือดใหญ่บริเวณขาขาด

นอกจากนั้น ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 7 รายที่ยังอยู่ในห้องผ่าตัดและไอซียู แต่อาการอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว ประกอบด้วย 1. นายสรวุฒิ พ่อทองคำ อายุ 49 ปี ได้รับบาดเจ็บที่เท้าขวา 2. นายบัญชา บุญแก้ว อายุ 50 ปี (คนที่ขาข้างซ้ายขาด)3. นายปิตินันท์ แก่นสาร อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ยริเวณช่องท้อง 4. นางพรทิพย์ เจริญจิตร อายุ 49 ปี กระดูกหัก 5. นายประภาส ตรีสุพัฒนกุล อายุ 25 ปี กระดูกหัก 6. นางนาตยา ธิญา อายุ 25 ปี บาดเจ็บที่บริเวณขา 7.จิระพัชร สาระคุณ อายุ 32 ปี เป็นแผลที่บริเวณก้น

ขณะที่นายเทียนชัย ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บและรับการรักษาที่โรงพยาบาลวชิระ เปิดเผยว่า ตนอยู่แนวหน้าของการชุมนุมเห็นว่าตำรวจยิงระเบิดลูกเกลี้ยงเข้ามา เพื่อนที่อยู่รอบๆ ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยคนหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิดยาว 1 นิ้ว อีกคนหนึ่งขาขาด ขอยืนยันว่าแก๊สน้ำตาทำให้คนขาขาดไม่ได้ ตำรวจไม่ได้ใช้ปืนอัดยาง และมีพวกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) ผสมโรงด้วย

เรียกร้อง "อนุพงษ์"ส่งทหารดูแล ปชช.

เวลา 07.30 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพไทย ซึ่งร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภามาตลอดทั้งคืน และพยายามเข้าไปเจรจากับตำรวจก่อนการยิงแก๊สน้ำตา ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้ารัฐสภาว่า เหตุการณ์วันนี้เป็นที่รับรู้ไปทั่วโลกแล้วถึงการต่อสู้ว่าเราสู้เพื่อในหลวงของเรา และสู้เพื่อไม่ให้เอาแผ่นดินไปขาย ตนได้แจ้งฝ่ายเสนาธิการของกองทัพบกแล้วว่า กำลังที่เตรียมไว้ ต้องเอาออกมาดูแลประชาชนไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่เตรียมไว้ทำร้ายประชาชน ท่านจะไปดูแลประชาชนวันไหน ถ้าไม่ใช่วันนี้

"ชีวิตผมไม่เคยเจ็บ ลูกน้องก็ไม่ตายมากมาย แม้จะผ่านมาหลายสงคราม แต่วันนี้ขอบอกว่าตายก็ยอม ขอให้มันรู้ไปว่าที่ตายก็เพื่อให้โจรหมดไปจากแผ่นดิน" พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าว

พล.อ.ปฐมพงษ์ พูดฝากไปถึงตำรวจชั้นผู้น้อยว่า ที่ผ่านมาตนพร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในฐานะสนช.ได้ช่วยกันผลักดันกฎหมายว่าด้วย ค่าตอบแทนและชีวิตที่ดีขึ้น แต่จะไม่สำเร็จ ถ้าประชาชนที่อยู่ที่นี้ไม่เห็นด้วย เรื่องมันยังไม่จบไม่สิ้น ถ้ามารุนแรงกับเรา พวกท่านที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง หรืออะไรก็แล้วแต่ จะไม่ได้รับการอภัยทั้งสิ้น

"อย่าคิดว่ามีแค่วันนี้ มันยังมีอีกหลายชั่วโมง อีกหลายวันและยังมีต่อๆไป บ้านเมืองต้องสะอาด เมื่อการเมืองชั่วร้ายหมดไป ชีวิตท่านจะดีขึ้น ไม่ต้องไปนั่งรีดไถ เพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงชีพ"

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวต่อว่า เมื่อสักครู่นี้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.ที่เคยเป็นลูกศิษย์ที่ วปอ.ได้มากราบขอโทษ จึงบอกว่าไม่เป็นไร เรื่องเล็ก แต่ขอบอกว่าใครมาทำร้ายตน ตายอย่างอนาถทุกทีไป ขอยืนยันต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่บริเวณนี้ ต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ต่อหน้าพระสยามเทวาธิราช ใครที่ทำร้ายประชาชนโดยตั้งใจ ต้องตายอย่างอนาถ

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวย้ำต่อผู้ชุมนุมว่า สิ่งที่ท่านต้องดำเนินการ คือ ฟังแกนนำที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน ฟังจากเขาว่า จะทำยังไง เราอยู่มาหลายวัน และรู้แล้วว่า เขาจะรุกข้ามา แต่เราก็ทำได้ และประชาชนกำลังทยอยมา และฝ่ายเสนาธิการ ฝ่ายข่าวของกองทัพบก ก็มาที่นี่มากมาย ตนได้ฝากให้ไปบอก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้ดูแลประชาชน อย่าให้ประชาชนได้รับการบาดเจ็บจากการต่อสู้แทนพวกท่าน

ต่อมาในเวลา 08.20 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ ขึ้นเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล ประกาศต่อผู้ชุมนุมว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ที่ ถ.ราชวิถี บริเวณประตูข้างรัฐสภา โดยพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยับเข้าใกล้กลุ่มผู้ชุมนุมมากกว่านี้ เพราะประชาชนกำลังต่อสู้ให้ในหลวง และประเทศชาติ

"ผมได้โทรศัพท์ไปหาเสนาธิการทหารบก ถามว่าฝ่ายทหารกำลังทำอะไรอยู่ และฝากเรื่องไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกด้วยว่า อย่าให้เกิดเหตุบาดเจ็บ ล้มตายเพิ่มเติมอีก มิฉะนั้น ทั้งชีวิตนี้ ผบ.ทบ. ก็จะใช้หนี้ประชาชนไม่หมด"

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลโจร และรัฐสภาก็เป็นรัฐสภาโจร ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ประชาชนยืนหยัดที่จะปิดกั้น มิให้โจรเข้าไปใช้สภา และภาพที่ปรากฏได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความโหดร้ายป่าเถื่อน ของรัฐบาลชุดนี้

“สนธิ” ประกาศกร้าว! “วันได้เสีย”

เวลา 08.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.เข้าประชุมสภา ส่งผลให้ผู้ชุมนุมขาขาด และมีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนมากว่า วันนี้เป็นวันได้เสีย พี่น้องที่รัฐสภาทุกๆ คน เป็นวีระบุรุษของประเทศไทยทั้งสิ้น

นายสนธิ กล่าวว่า เราจะต้องร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์ เพราะเราทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราจะปล่อยให้ไอ้พวกรัฐบาลสัตว์นรก อยู่ต่อไปอย่างนั้นหรือ

"ดังนั้นเราจะต้องเอาประเทศไทยของเราคืนมาภายใน 1-2 วันนี้ ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ ล้อมรัฐสภาเอาไว้ จะกี่วันก็ตาม เราให้พวกเขาเข้าได้ แต่ให้ออกมาจากรัฐสภาไม่ได้ ฉะนั้นพี่น้องพันธมิตรฯ อย่าเอาคุณงามความดีไปแลกกับคนเหล่านี้ ส่วนคนที่ดูทีวีอยู่นั้น เราต้องการน้ำดื่มจำนวนมาก โดยขอให้ส่งไปที่ทำเนียบฯ และรัฐสภา เพราะวันนี้ถึงอย่างไรเราก็ไม่ยอมถอย" นายสนธิกล่าว

ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เราต้องอารยะขัดขืน เราไม่ต้องการที่จะเห็นว่ามีการประชุมสภา เพราะไม่เช่นนั้น ประเทศไทยของเราจะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานอีกต่อไป

ขณะที่ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เราที่มาชุมนุมต้องมีสมาธิ อย่าถอย เพราะเราสามารถแก้ไขแก๊สน้ำตาได้ ดังนั้นขอให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก และให้ไปรวมกันที่รัฐสภาให้มากที่สุด เพราะคนเหล่านี้กำลังสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ทำร้ายผู้หญิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

"พี่น้องรัฐวิสาหกิจ ขอให้รวมตัวกันหยุดงาน และออกมาร่วมชุมนุมกันโดยด่วนที่สุด ส่วนรถไฟ อย่าหยุดวิ่ง ขอให้ช่วยกันขนคนมาร่วมชุมนุมกันให้มากที่สุด"

ส่วน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เราสามารถกุมสถานการณ์ได้แล้ว และเราจะกำหนดยุทธวิธีโดยจะปิดล้อมวงนอกอีกชั้นหนึ่ง จึงขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนภาคอีสาน และภาคเหนือ ให้เร่งเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเร่งเผด็จศึกรัฐบาลโดยด่วน

วิปรัฐบาลลั่นเดินหน้าแถลงนโยบาย

เวลา 08.30 น. ได้มีการประชุมวิปรัฐบาล ต่อมานายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล ได้ออกมายืนยันว่า ในเวลา 09.30 น. จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลตามที่ได้กำหนดไว้

"ผมได้สอบถามเบื้องต้นกับท่านประธาน ชัย ชิดชอบ แล้ว ท่านก็บอกว่าถ้าเข้าไปได้ ก็ให้ไปทำหน้าที่ตามปกติ"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝ่าข้ามเลือดประชาชนเข้าไปอภิปรายนโยบายหรือ นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ อาจเกิดจากการเหยียบกันเองของประชาชนก็ได้

ปธ.วุฒิเสนอเลื่อนประชุมไม่สำเร็จ

เมื่อเวลา 09.10 น. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาได้เชิญสมาชิกวุฒิสภา ได้หารือที่ห้องรับรองพิเศษรัฐสภา และได้ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ในวันนี้ไม่น่าจะมีการประชุมได้ เนื่องจากสถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก และคิดว่าคงไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรจะเลื่อนการแถลงนโยบายออกไปก่อน แต่หลังจาก ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส. สัดส่วน และ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน เข้าพบนายประสพสุข แล้วพ.ต.ท. สมชาย ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับนายประสพสุข แล้วคิดว่าน่าจะมีการประชุมได้หากสมาชิกครบองค์ประชุมเมื่อไร ก็จะเริ่มประชุมทันที โดยทางทางรัฐบาลได้แจ้งไปยังสมาชิกรัฐสภา ที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย โดยจะมีรับ-ส่ง มายังอาคารรัฐสภา

ต่อมานายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาได้ส่งข้อความผ่านมือถือไปยังสมาชิกวุฒิสภา เพื่อแจ้งให้เข้าร่วมประชุม อย่างไรก็ตาม มี ส.ว.ส่วนหนึ่งไม่เข้าร่วมประชุมด้วย

ปชป.บอยคอตประชุมสภา

เมื่อเวลา 08.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมส.ส.ของพรรคเป็นการเร่งด่วน เพื่อหารือถึงการกำหนดท่าทีว่าจะเข้าร่วมประชุมรัฐสภา ที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลหรือไม่ โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด และในที่สุดที่ประชุมมีมติว่า จะไม่เข้าร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลที่ทำร้ายประชาชน

"ท่าทีขอรัฐบาลเช่นนี้ไม่ใช่ท่าทีของคนที่มีสำนึกของคนที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย คิดแต่เพียงว่า ได้คะแนนจากประชาชนแล้วก็มุ่งเอาแต่อำนาจ แม้ว่าจะต้องให้ผู้แทนปวงชนชาวไทยเดินผ่านกองเลือดเข้าไปเพื่อให้ตัวเองได้ใช้อำนาจต่อก็จะทำ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์รับท่าทีเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้น ในการประชุมพรรควันนี้ ส.ส.ทั้งหมดจึงตัดสินใจไม่เข้าไปร่วมการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะไม่มีความชอบธรรมที่จะผลักดันให้กระบวนการนี้เดินต่อไปในขณะนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การเปิดทางเข้าไปประชุมนั้น น่าจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะด้วยการเจรจาที่ทางพันธมิตรฯ ก็มีทีท่าเปิดรับมาตลอด แต่การยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปสลายกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นย่อมเกิดเหตุอันตรายอย่างแน่นอน ซึ่งจากภาพโทรทัศน์ก็เห็นแล้วว่า อย่าว่าแต่คนเลย กระสุนยิงออกไป แม้แต่กิ่งไม้ยังขาด

"นโยบายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า นโยบายสมานฉันท์จะใช้วิธีการเจรจา เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้แล้วท่านจะให้ใครเชื่อได้ล่ะครับ" นายสาธิต กล่าว

"ซานตาน 2 หน้า"แถลงนโยบายจนได้

เวลา 09.35 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้เปิดการประชุมรัฐสภา เพื่อให้นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายของรัฐบาล แต่องค์ประชุมยังไม่ครบ ต้องขยายเวลาออกไปอีก 1 ชั่วโมง เพื่อให้มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 311 เสียง แต่เมื่อนับองค์ประชุมปรากฎว่าก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่ง นายชัยจึงสั่งพักการประชุมอีก 10 นาที

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดองค์ประชุมก็ครบ ทำให้นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้อ่านรายงานร่างนโยบายต่อที่ประชุม และในช่วงที่นายสมชาย อ่านมาถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการดูแลทุกข์สุขของประชาชน นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า สิ่งที่นายกฯ พูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้สถานการณ์ข้างนอกสภา ประชาชนเกิดความแตกแยก ถ้าเป็นไปได้สภาควรชะลอการแถลงนโยบายออกไป เพราะเหตุการณ์ปัญหาความขัดแย้งกัน

ปรากฏว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคน ได้ส่งเสียงอื้ออึง พยายามประท้วงนายประสงค์ ทำให้น.ส.รสนา โตสิตะกูล ส.ว.กทม.ไ ด้ลุกขึ้นกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประชาชนนอกจากบาดเจ็บจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับใช้เวทีสภาเป็นตรายาง สร้างความชอบธรรม ได้อย่างไร สร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.พรรคพลังประชาชนอย่างมาก โดยนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พลังประชาชน ตะโกนว่า พันธมิตรฯ ออกไปจากห้องประชุมได้แล้ว จนประธานในที่ ประชุมคือ นายชัย ต้องกดตัดไมค์ และเชิญน.ส.รสนา ออกห้องประชุม แต่เจ้าตัวไม่ยอม โดยยืนยันที่จะนั่งอยู่ในห้องประชุมต่อไป

จากนั้น นายสมชาย ได้แถลงต่อ โดยอ่านรายงานอย่างรวดเร็ว ผิดๆถูกๆ จนจบ จากนั้นได้เดินออกจากห้องประชุมไปทันที ต่อมา นายชัย ได้สั่งปิดการประชุม เมื่อเวลา 12.57 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปิดประชุม สภาสมชิกได้จับกุมวิพากษ์วิจารณ์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถออกจากบริเวณรัฐสภาได้ รวมถึงนายสมชาย และรัฐมนตรีทั้งหมด เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ปิดทางเข้าออกรัฐสภาทุกด้านไว้แล้ว

ฮ.ตำรวจรับ"สมชาย"หนีหัวซุก

ต่อมาเวลา 14.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 1 ลำ ได้บินลงจอดภายในบริเวณสนามหญ้าพระที่นั่งวิมานเมฆ และเพียงไม่กี่นาทีก็บินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้สื่อข่าวบอกว่า มองไม่ชัดเจนว่ามีใครขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ปีนรั้วประตูเชื่อมระหว่างอาคารรัฐสภา กับพระที่นั่งวิมานเมฆ เพื่อไปรอท่าให้เฮลิคอปเตอร์มารับออกจากรัฐสภา หลังแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จสิ้น

ทั้งนี้ การที่มีเฮลิคอปเตอร์บินเข้าลงจอดยังบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆครั้งนี้ ทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาในพื้นที่ดังกล่าว ได้จับกลุ่มวิพากวิจารณ์ว่า เป็นสิ่งที่ไม่บังควร อีกทั้งไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากพระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งพันธมิตรฯบางส่วนได้วิ่งกรูเข้ามาปิดล้อมพระที่นั่งวิมานเมฆไว้ในภาคพื้นดิน

"จิ๋ว"ยื่นใบลาออกจากรองนายกฯ

เวลาประมาณ 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของประชาชน จนทำให้เกิดความสูญเสีย

ในหนังสือลาออกของ พล.อ.ชวลิต ที่ยื่นต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้อ้างเหตุผล 5 ข้อ โดยสรุปสาระสำคัญ คือ การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสลายการชุมนุมไม่เป็นไปตามนโยบาย จนเกิดความสูญเสียและทำให้ตนเองเกิดความเสียหาย จึงต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยข้อความในจดหมายดังกล่าว ได้ชี้แจงเหตุผลในการลาออก 5 ข้อ ดังนี้

1. จากการที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้กรุณาเชิญกระผมเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเข้ามาร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินในด้านความมั่นคง และดูแล ช่วยเหลือ แก้ไข เกี่ยวกับความยากไร้ของประชาชน ตลอดจนสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมนั้น ต่อมาถึงแม้ว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป ก็ยังเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะใช้เวลาอันน้อยนิดที่มีอยู่ เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนของชาติให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว

2. จากสถานการณ์ในวันที่ 6-7 ต.ค.51 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจเพื่อรักษารัฐสภา และเปิดเส้นทางเข้าสู่รัฐสภา เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปได้

3. การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ตนเองได้พยายามให้นโยบายในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุภารกิจโดยไม่มีการสูญเสีย ถึงแม้ว่าผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้ ก็ขอให้ยุติไว้ก่อน แต่การปฏิบัติการไม่เป็นไปตามนโยบาย ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนเกิดความสูญเสียขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าห่วงใย

4. กระผมถือว่าผลเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบของผมด้วยส่วนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ได้ใช้ความพยายามมาโดยตลอดอย่างดีที่สุด โดยคำนึงถึงประชาชน และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คือ การนำความสงบสุขกลับมาสู่สังคมไทยโดยเร็ว

5. ด้วยเหตุดังกล่าว จึงไม่บรรลุผลดังกล่าวที่ตั้งใจไว้ จึงขอรับผิดชอบในการปฏิบัติการครั้งนี้ และขอลาออกจากการเป็นรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ชวลิต ได้โทรสารไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยมีผลวันที่ 7 ต.ค.51

คาร์บอมบ์ หน้าพรรคชาติไทย

เวลา 15.55 น. เกิดเหตุรถจิ๊ป เชอโรกี สีขาว ทะเบียน พต 4755 กทม. ซึ่งจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามพรรคชาติไทย ถนนสุโขทัย แขวง-เขตดุสิต กทม. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 1 ราย ต่อมา พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต พ.ต.อ .ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต พร้อมฝ่ายสืบสวนรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถจิ๊บคันดังกล่าว ซึ่งจอดอยู่ริมถนนสภาพเสียหายพังยับเยิน ไหม้เกรียมทั้งคัน บริเวณโดยรอบพบเศษอวัยวะมนุษย์กระเด็นกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ ที่ประตูข้างด้าน ซ้ายพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นยังไม่ทราบเพศและชื่อ

สอบสวนทราบว่า รถคันดังกล่าวมีนายไชยวัฒน์ งามจิตร อายุ 54 ปี อยู่ที่ 250 ซอยมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยขับมาพร้อมภรรยามาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร ส่วนศพที่พบไม่ทราบว่าเป็นใคร โดยรถคันดังกล่าวเป็นของนายพิช งามจิตร อายุ 26 ปี บุตรชาย ซึ่งตนขอยืมมาขับ

เบื้องต้น พ.ต.ท.สุรศักดิ์ ได้สอบปากคำเจ้าของรถคันดังกล่าว โดยพบว่าเบื้องต้นรถคันดังกล่าวมีการติดก๊าซไว้ด้วย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบ อย่างละเอียดว่าเกิดจากวัตถุระเบิดชนิดใด

"อภิรักษ์"เยี่ยมผู้บาดเจ็บ

เวลา 09.00 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.วชิระ พร้อมกับเปิดเผยว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่เกิดจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่บาดเจ็บจากการได้รับแก๊สน้ำตา และยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาด ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการที่เกิดขึ้น จึงอยากฝากถึงรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

"อภิสิทธิ์"นำลูกพรรคเยี่ยมผู้บาดเจ็บ

เวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมสมาชิกพรรค ได้เดินทางมาที่ รพ.วชิระ เพื่อเยี่ยมอาการผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม โดยนายอภิสิทธิ์ ได้เยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บภายในห้องไอซียูและห้องฉุกเฉินพร้อมกับกล่าวให้กำลังใจและสอบถามอาการอย่างใกล้ชิด

ภายหลังจากที่ได้เยี่ยมผู้บาดเจ็บแล้วนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ตนและสมาชิกในพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมประชุมการแถลงนโยบายที่รัฐสภา เพราะได้เห็นภาพการใช้ความรุนแรง รัฐบาลไม่ได้สนใจใยดีประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บเลย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้รัฐบาลจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบไม่ใช่เดินหน้าโดยไม่สนใจประชาชน หลังจากนี้จะเข้าประชุมกับสมาชิกในพรรคและรวบรวมข้อมูลรวมถึงประมวลสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะเข้าหารือกับทางรัฐบาลและเข้าพูดคุยกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

บช.น.เถื่อน! ตร.ดักยิงแก๊สน้ำตา

เวลา 11.00 น.ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เกิดความวุ่นวายภายใน บช.น.โดยตำรวจอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรฯได้โยนระเบิดเข้ามาด้านในบช.น.ด้านประตูวังปารุสักวัน ตำรวจจึงมีการยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้กว่า 20 นัด เพื่อสลายการชุมนุม

ขณะที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ดูแลบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีการเตรียมระเบิดควันและแก๊สน้ำตาไว้ตอบโต้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนขบวนและมีการขว้างระเบิดเข้ามาที่ บช.น.อีก

ขณะที่มีทหารจากสภากาชาดไทย สังกัด พล. 1 รอ.ประมาณ 30 นาย เข้าให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และมีรถพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ มาสมทบที่บริเวณหน้ารัฐสภาเพื่อรับส่งผู้บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง

ผู้หญิงถูกยิงใส่นิ้วขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ มีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้หญิง ยังไม่ทราบชื่อ โดยถูกนำส่งรักษาตัว ด้วยการผ่าตัดฉุกเฉิน ที่ รพ.จุฬาฯ เพราะถูกแรงระเบิดจากแก๊สน้ำตา ขณะที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้ทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ได้พบนิ้วเท้าที่บริเวณเกาะกลางถนน จึงนำนิ้วใส่น้ำแข็ง รีบส่งไปที่ รพ.จุฬา เพื่อทำการต่อนิ้ว โดยแพทย์ แจ้งว่า ดูจากสภาพแล้ว ยังไม่แน่ใจว่า จะต่อได้หรือไม่

อ้างสลายเพื่อให้สภาประชุม

ขณะที่ก่อนหน้านั้น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. อ่านประกาศกองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่อง ขอความร่วมมือการประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ใจความว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรีกำหนดให้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (7 ต.ค.) เวลา 09.00 น. ก่อนที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 176 และปรากฏว่าได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเรียกตนเองว่า “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” จำนวนหนึ่งได้มาทำการปิดล้อมทางเข้าออกและถนนโดยรอบทางเข้าออกที่ทำการรัฐสภา โดยประกาศจะทำการปิดกั้นไม่ให้สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุม อันเป็นการขัดขวางการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎหมาย

การมีส่วนร่วมในทางการเมืองของประชาชน สามารถกระทำได้ด้วยการตรวจสอบบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่ต้องไม่ถึงขนาดเป็นการขัดขวางการบริหารราชการแผ่นดิน

กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงขอชี้แจงทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุม ขอได้โปรดใช้วิจารณญาณในการดำเนินการทางการเมืองให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนเป็นอันขาด ในกรณีจำเป็นจะดำเนินการด้วยความละมุนละม่อมอย่างที่สุด หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวภายหลังอ่านแถลงการณ์เสร็จ ว่าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นในการเข้าสลายการชุมนุมดังกล่าว เพื่อเปิดทางให้คณะรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหลังจากก่อนหน้านั้นกลุ่มผู้ชุมนุมพันมิตรฯได้ประกาศปิดล้อมทางเช้าออกและถนนโดยรอบซึ่งถือเป็นความผิดทางกฏหมาย

ส่วนการใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนตามหลักสากลที่ใช้กันทั่วโลกในสลายการชุมนุม และปฏิเสธไม่ใช้กระสุนยาง หรือระเบิดแบบเศษแก้วแต่อย่างใด ส่วนผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บนั้น อาจจะเกิดจากการวิ่งแล้วเลื่อนหกล้ม เนื่องจากผู้ชุมมีการเทน้ำมันราดบนพื้นถนน และนำลวดหนามมาวางกั้นไว้จนทำให้ได้รับอันตราย และจะไม่เข้าสลายการชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลวันนี้

แฉรัวยิงกระสุนใส่พันธมิตรฯ

จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลบริเวณ แยกลานพระบรมรูปทรงม้า “น้องโย กลุ่ม Young Pad” ที่อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุการณ์ได้มีตำรวจแต่งตัวเป็นชุดเครื่องแบบไม่ติดยศติดชื่อ ยื่นหน้าออกมาดูจำนวน 2 คน และมีอีก 2 คน จ่อปืนออกมาจากในรั้ว โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนอยู่จำนวนหนึ่ง จากนั้นได้รัวยิงกระสุนออกมาหลายนัด จนกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามวิ่งหนีออกมา แต่มีหญิงสาวโชคร้ายหนึ่งคนวิ่งหนีไม่ทันเสียหลักล้มลง ทำให้ลูกกระสุนสีส้มขนาดเท่าลูกกำปั้นพุ่งโดนกิ่งไม้ตกลงมาใส่ขา ทำให้นิ้วเท้าขาด

“น้องโย” กลุ่ม Young Pad กล่าวต่อว่า ลูกระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ระเบิดควัน แต่เป็นลูกระเบิดแรงอัดที่มีเศษแก้วหรือโลหะอยู่ข้างใน จนทำให้นิ้วขาด จากนั้นผู้ชุมนุมได้พยายามช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าวส่งโรงพยาบาล หลังจากมีการระดมยิงกันชุดแรกก็มีตำรวจจำนวน 30-40 นาย เดินออกมาพร้อมอาวุธปืน โดยมีทั้งปืนแก๊สน้ำตาและปืนไม่ทราบชนิด บางส่วนยิงขึ้นฟ้า บางส่วนก็ตั้งใจยิงใส่ฝูงชนที่ฮือเข้าใส่ จนตำรวจเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมมาสมทบเยอะจึงถอยกลับเข้า บช.น.

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจอ้างว่าก่อนเกิดเหตุเหมือนถูกมือดีโยนแก๊สน้ำตาเข้ามาใน บช.น. 3 ลูกก่อน ตำรวจจึงได้ออกมาตอบโต้

นครบาลน้ำประปาหยุดไหล

เวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุโกลาหลขึ้นภายในบช.น.เล็กน้อย เมื่อน้ำประปา ภายในอาคารทั้งหมดไม่ไหลแม้แต่หยดเดียว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างสันนิษฐานกันว่า อาจจะถูกกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ตัดน้ำ อันมีสาเหตุเนื่องมาจากการสลายการชุมนุมของตำรวจเมื่อช่วงเช้าและช่วงสายที่ผ่านมาจนทำให้มีประชาชนบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างพาเป็นกังวลว่า ภายในเวลาอีกไม่นาน บช.น.อาจจะถูกตัดไฟตามมาอีกมาตรการหนึ่งก็เป็นได้

ต่อมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนคบาลด้านซ้ายพบว่า วาล์วน้ำถูกขันจนน๊อตขาด ทำให้ลิ้นวาล์วไปอุดรูน้ำ ส่งผลให้น้ำประปาไม่ไหล ซึ่งตำรวจไปแจ้งไปยังเจ้าหน้าของการประปานครหลวงเพื่อให้มาดำเนินการซ่อมแซมแล้ว

ส่วนบริเวณด้านหน้า บช.น. ตำรวจได้นำลวดหนาม และเตรียมรถดับเพลิงไว้ปิดประตูด้านหน้าอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปภายใน บช.น.ได้ พร้อมทั้งนำรถบรรทุกผู้ต้องขังจำนวน 5 คันมาจอดปิดไว้ด้านหน้าประตู โดยมีกำลัวงตำรวจปราบจลาจลจำนวน 2 กองร้อยตึรงกำลังรักษาการณ์ ส่วนบนริเวณด้านใน ตำรวจนำกำลังจากกองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดนจำนวน 3 กองร้อยตรึงกำลังไว้รองรับ หากม็อบบุกเข้าไปภายในด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายตำรวจระดับสูง นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ยังคงเรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง และเมื่อพบผู้สื่อข่าว ซึ่งได้พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจได้ปาระเบิดเข้าใส่กลุ่มประชาชน โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานชัดเจน ปรากฏว่า พล.ต.ท.สุชาติ ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ และรีบเดินขึ้นเข้าห้องประชุมไปในทันที

เหยื่อยันเห็นปาระเบิดใส่

นายวิทยา การดี หนึ่งในผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนได้เข้ามาชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยได้นำกล้องถ่ายรูปมาบันทึกเหตุการณ์ด้วย จนกระทั่งเกิดเหตุสลายม็อบ ก็ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลัง เป็นบาดแผลคล้ายกับถูกสะเก็ดระเบิด ซึ่งคิดว่าไม่ใช่เแก๊สน้ำตาอย่างแน่นอน โดยขณะเกิดเหตุตนอยู่ห่างจากจุดที่เจ้าหน้าที่ยิงประมาณ 10 เมตร โดยรู้สึกเหมือนกับว่า มีลูกกลมๆขว้างเข้ามา ทั้งนี้ ตนได้ถ่ายภาพบาดแผลของตนเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ในการต่อสู้ หากกรณีเกิดคดีความขึ้น

นอกจากนั้น มีรายงานว่า ขณะเกิดเกิดเหตุมีกลุ่มแนวร่วม นปก. เข้ามาผสมโรงด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวอาจจะใช้ระเบิดปาเข้าไปขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บสาหัสดังกล่าว

ยิงแก๊สน้ำตาเปิดทาง ส.ส.-สว.ออก

เวลา 16.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาไม่ต่ำกว่า 20 ลูก เข้าใส่ฝูงชนบริเวณแยกสะพานซังฮี้ ถนนแยกการเรือน เพื่อเปิดทางให้ ส.ส. -ส.ว. ที่เข้าร่วมประชุมสภา ออกจากนอกบริเวณรัฐสภา ทางประตูพระที่นั่งวิมานเมฆ

ต่อมาเวลา 17.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รัวระดมยิงแก๊สน้ำตา เพื่อผลักดันกลุ่มพันธมิตรฯให้ถอยไปเพื่อเป็นการเปิดทางให้กลุ่ม ส.ส.ที่ติดอยู่ในรัฐสภา หลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล โดยตำรวจยังยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่องนานเป็นเวลากว่า 30 นาที ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯได้หลบเลี่ยงแก๊สน้ำตาเดินถอยออกมา ทำให้ประตูด้านถนนอู่ทองใน ข้างพระที่นั่งวิมานเมฆ สามารถเปิดออกได้ ส่งผลให้กลุ่ม ส.ส.ทยอยออกจากรัฐสภาได้ทั้งหมด

ขณะเดียวกันรถพยาบาลก็ได้วิ่งเข้ามารับคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งแม้ว่ารถพยาบาลวิ่งเข้ามารับคนบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมหยุดยิงแก๊สน้ำตา ยังยิงไล่หลังรถพยาบาล ที่เข้าไปรับผู้ที่ถูกแก๊สน้ำตาแถวบริเวณแยกถนนการเรือน

รถขนทหาร 10 คันเข้าประจำการ

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรถบัสขนาดใหญ่บรรทุกทหารเต็มคันรถจำนวน 10 คัน ได้วิ่งเข้าไปยังสนามเสือป่า แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร

ต่อมาเวลา 18.45 น. ทหาร 2 นาย แต่งชุดลายพรางได้นั่งรถกะบะสีดำ วิ่งฝ่าวงล้อมของพันธมิตรฯ มุ่งหน้าไปยัง บช.น. เมื่อพันธมิตรฯ ถามมาทำอะไร ทหารทั้งสองตอบว่ามาช่วยประชาชน พร้อมกับชูมือตบ

บ้าเลือดยิงแก๊สน้ำตาขาขาดอีก 2 ราย

เวลา 18.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯได้ไปรวมตัวกันบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้ากันจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนนั้น ทำให้ตำรวจที่เข้าประจำการอยู่บริเวณหน้า บช.น.ได้ตัดสินใจ ใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าใส่ฝูงชนเป็นระยะๆโดยยิงใส่ในเบื้องต้นราว 10 นัด จากนั้นระดมยิงอีกชุดใหญ่ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 50 นัด จนกลุ่มผู้ชุมนุม ต้องถอยร่นไปจนถึงบริเวณหน้าวัดเบญจมบพิตร ขณะเดียวกัน รถพยาบาลจำนวนมาก วิ่งเข้าไปในที่เกิดเหตุ และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

ต่อมาเวลา 19.35 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมยิงลูกไฟขนาดใหญ่ ใส่พันธมิตรฯ ทำให้บางส่วนต้องถอยร่นไปจนถึงรั้วสนามเสือป่า และได้เริ่มทะยอยเดินกลับทำเนียบฯ ซึ่งมีประชาชนได้รับบาดเจ็บไฟลวกร่างกายเป็นส่วน ๆ จากนั้นในระลอก 2 ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตา มีควันสีขาวขับไล่พันธมิตรฯอย่างต่อเนื่อง

เวลา 19.05 น. มีผู้ได้บาดเจ็บขาขาดแล้ว 2 คน ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งตำรวจได้เข้าทุบทำลายรถเครื่องเสียงของพันธมิตรฯด้วย ต่อมามีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกระเบิดจนมือ ขา และใบหน้าเละไปทั้งแถบ อาการ เป็นตายเท่ากัน

ผบช.น.โบ้ย ตำรวจไม่ได้ยิง

เวลา 19.26 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวปฏิเสธถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงอาวุธใส่ประชาชน จนทำให้ขาขาด ใบหน้าเละว่า ขอยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ใช้ระเบิดหรืออาวุธ แต่ไม่รู้ใครเป็นคนทำ ตำรวจใช้เพียงแก๊สน้ำตาเท่านั้น

"ขณะนี้ ม็อบได้มาปิดล้อมเฉพาะที่บช.น. เท่านั้น หากที่นี่แตก ม็อบจะทำอะไรก็ได้ เพราะที่บช.น.เป็นศูนย์กลางออกคำสั่งตำรวจ และตำรวจจะทำการป้องกัน บช.น.อย่างสุดความสามารถ ตำรวจไม่มีนโยบายทำร้ายประชาชน ไม่มีนโยบายสลายม็อบ แต่จะใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น รวมทั้งขณะนี้ ยังไม่ได้รับคำสั่งอะไรจากรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี" พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุการณ์ยิงระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุม จนทำให้มีผู้บาดเจ็บขาขาด พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามีคนขาขาด ขณะนี้สถานการณ์แรงมาก

ปชป.จี้“สมชาย”แสดงความรับผิดชอบ

เวลา 14.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุม ส.ส.ของพรรคอีกครั้ง ที่ที่ทำการพรรค เพื่อติดตามสถานการณ์ และท่าทีของรัฐบาล

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ แถลงว่า การตัดสินใจบางอย่างทำให้สถานการณ์บานปลายออกไป พรรคประชาธิปัตย์ ขอแสดงท่าทีและจุดยืนว่า

1.เราขอวิงวอนทุกฝ่ายให้ยุติการใช้ความรุนแรง และไม่ต้องการเห็นความสูญเสียไปมากกว่านี้ แม้ว่าคนไทยจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่การใช้สิทธิเสรีภาพต้องอยู่ภายใต้หลักสันติวิธี

2. เมื่อเหตุการณ์เกิดความตึงเครียดบานปลายออกไป ก็มีความกังวลหรือคาดหวังว่า การแก้ปัญหาด้วยการรัฐประหาร จะเป็นคำตอบ พรรคขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนใครก็ตามที่มีแนวคิดสนับสนุนการทำรัฐประหารมาแก้ปัญหา และไม่เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะสามารถแป็นทางออกของปัญหาได้ แต่จะเพิ่มปมความขัดแย้งให้สูงขึ้นอีก

3.ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ที่การลุกลามตอนนี้มาจากการตัดสินใจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมชาย ทั้งสิ้น นายสมชาย จึงต้องรับผิดชอบในหลายระดับ คือ 1.รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในแง่ของความสุญเสียที่เกิดขึ้นกับคนไทยด้วยกัน 2. มีความรับผิดชอบที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองในฐานะนายกฯ และ 3. ถ้านายกฯไม่รับผิดชอบในความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อไป ทั้งในแง่ทรัพย์สินของประชาชน หรือความสูญเสียต่อระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นความรับผิดชอบของนายสมชาย กับรัฐบาลชุดนี้เต็มๆ

ดังนั้น นายสมชาย ต้องเอาบ้านเมืองมาก่อนผลประโยชน์ของตัวเอง และพรรคพวก และต้องรู้แล้วว่า เพียงระยะเวลาไม่กี่วันที่บริหารบ้านเมือง หรือไม่กี่ชั่วโมงที่บริหารบ้านเมืองหลังแถลงนโยบาย ได้นำพาบ้านเมืองมาถึงจุดนี้ ต้องแสดงความรับผิดชอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดตามวิถีทางรัฐสภา เช่น การลาออก หรือยุบสภา เพื่อปลดเงื่อนไขทั้งหมด เป็นสิ่งที่พึงกระทำ และพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนให้ทำเช่นนั้น และถ้าเราจำเป็นต้องสูญเสียตำแหน่ง ส.ส. เราก็ยินดีเพื่อให้บ้านเมืองไทยสามารถเดินไปได้ ทั้งหมดจึงอยู่ที่การตัดสินใจและการแสดงความรับผิดชอบของนายกฯ

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไป พรรคจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้นายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองเลขาธิการพรรค ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์แล้วรายงานข้อมูลต่อที่ประชุมต่อไป

เมื่อถามว่า การลาออกของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ถือว่าเพียงพอกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า การตัดสินใจของพล.อ.ชวลิต คงเป็นประเด็นที่ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่ทำงานต่อได้มาก เพราะพล.อ.ชวลิต คือผู้ที่รัฐบาลมอบหมายให้เป็นผู้เจรจา ซึ่งตอนนี้ พล.อ.ชวลิตไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปเจรจาได้ ดังนั้น การลาออกนี้เป็นการสะท้อนตรงนั้นมากกว่า ไม่ใช่เป็นเพราะการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากถือเป็นคนละเรื่อง และท่าทีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่นายสมชาย เว้นแต่นายสมชาย จะยอมรับว่าที่ตัดสินไปเพราะมีคนอื่นบังคบมาอีกที แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด เมื่อนายสมชาย เป็นนายกฯ ก็ต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น

"สมชาย"เตรียมทัวร์ปท.เพื่อนบ้าน

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสมชาย วงศสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการเตรียมการเยือนประเทศอาเซียน โดยเตรียมการที่จะไปประเทศลาว กัมพูชา พม่า สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งการประชุมครั้งนี้ มี 2 ส่วนที่จะต้องให้ข้อมูล และเตรียมควาพร้อม คือกระทรวงการต่างประเทศ และ ฝ่ายกองทัพ ซึ่งแต่ละประเทศมีปัญหาที่จะต้องไปดูว่า ควรจะพูดอะไรกันบ้าง และระบบเป็นอย่างไร ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับชายแดนเป็นอย่างไร ซึ่งทุกฝ่ายมาให้ข้อมูลกันอย่างเรียบร้อย คิดว่าการเดินทางไปครั้งนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย และไปเพื่อแนะนำตัวเองต่อประเทศอาเซียนตามธรรมเนียมที่ได้ปฏิบัติมา เพราะการเข้ารับตำแหน่งใหม่นายกรัฐมนตรีของอาเซียนก็จำเป็นจะต้องไปเยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อแนะนำตัว และกระชับความสัมพันธ์

หน้าทนไม่ยุบสภาไม่ลาออก

เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง นายสมชาย กล่าวว่า งานยังไม่ได้แบ่งให้กับรองนายกรัฐมนตรีทุกท่าน เพราะรอการแถลงนโยบาย เมื่อแถลงนโยบายเสร็จก็จะแบ่งงาน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับใบลาออกจากพล.อ.ชวลิต และยังไม่เห็นใบลาของท่าน แต่ถ้าเป็นความจริง ก็คงจะต้องดำเนินการใหม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า พล.อ.ชวลิต ลาออก

เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน จนได้รับบาดเจ็บขาขาด นายสมชาย กล่าวว่า เป็นห่วง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่รัฐสภาที่ได้รับมาคือ มีบุคคลกลุ่มหนึ่งจะเข้าไปในสภาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรสักอย่าง อาจจะทำให้การทำงานในสภาไม่สะดวก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีหน้าที่ต้องคอยดูแล เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสภา

เมื่อถามว่า เกรงว่าจะทหารจะออกมาปฏิวัติหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ท่านก็ยืนยันมาหลายครั้งแล้ว คงไม่ต้องมาพูดอะไรกันอีก เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี จะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่าพยายามแก้ไขให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยตอนนี้ประสานงานอยู่กับฝ่ายที่มีหน้าที่ดูแล ตนคิดว่าการแก้ไขต้องช่วยกันทุกฝ่าย ไม่ใช่จะแก้ไขฝ่ายเดียวและจะสำเร็จ ตนพูดหลายครั้งแล้วว่าแก้ไขฝ่ายเดียวก็ไม่สำเร็จ

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มี ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของตำรวจ

เมื่อถามว่า ท่านจะรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า จะพิจารณาตามความเหมาะสม เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจลาออก หรือยุบสภาใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนเข้ามาทำหน้าที่ตราบใดที่อยู่ในหน้าที่ ไม่ว่าเวลาใดจะไม่ชะลอการทำงาน ส่วนการตัดสินใจ จะทำในเวลาที่เหมาะสม

ยังไม่มีกำหนดชี้แจงทูต ตปท.

นายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ตอนนี้ยังไม่มีรายงานต่างประเทศมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ในประเทศไทย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งให้สถานทูตไทยประจำต่างประเทศได้รับทราบ เพราะว่าเขาได้รับข้อมูลจากสื่อต่างๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะทำเป็นข้อมูลที่เป็นทางการกำลังอยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูลอยู่ ส่วนกรณีที่ต่างชาติจะมีความสนใจ เราก็คงจะให้ข้อมูลไปได้ ซึ่งสถานกงศุลก็เป็นตัวแทนของเราอยู่แล้ว ซึ่งที่เราจะชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่วงจำกัดในกรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกเกินเหตุจากข่าวสารที่ได้รับเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ยังไม่มีกำหนดการเชิญเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยมาชี้แจงถึงสถานการณ์ เพราะยังไม่มีความจำเป็น ซึ่งเขาก็ติดตามสถานการณ์อยู่แล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จำกัดบริเวณรอบๆ สภา ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยและวิถีชีวิตในเขตอื่นๆ โดยเฉพาะชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย

40 ส.ว.ขอสังคมร่วมกันกดดันรัฐบาล

เย็นวันเดียวกันนี้ กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา ได้นัดรับประทานอาหารอิตาเลี่ยน ที่ห้องอาหารฟิกโกโร โรงแรมปริ้นเซส หลานหลวง เพื่อหารือถึงสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น

จากนั้น เวลา 20.00 น. น.ส.รสนา แถลงว่า ต้องตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลยังยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทั้งที่ ส.ส. และส.ว.ออกจากรัฐสภาหมดแล้ว และยังยิงระเบิด กระสุนยาง ถือเป็นการตั้งใจฆ่า ไม่ใช่เคลียร์พื้นที่ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงเกินเหตุ ถือว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองต่อไป

นอกจากนี้ มีข้อสงสัยว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จะเป็นแค่ร่างทรง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อแก้แค้นสังคมไทย โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรบ้าง ดังนั้น ส.ว.จึงยากที่จะยอมรับได้ และขอเรียกร้องให้สังคมช่วยกันออกมากดดันรัฐบาลให้ลาออก หรือยุบสภา เพื่อยุติความวุ่นวาย ในขณะนี้เพราะท่านเข้า- ออกสภา มาด้วยรอยเลือด ทั้งที่บอกว่าภารกิจเร่งด่วนจะสร้างความปรองดองในชาติ นโยบายที่แถลง จึงเป็นแค่เศษกระดาษ ซึ่งสังคมไทยจะต้องลุกขึ้นมา หยุดรัฐบาลไม่ให้เอาประเทศเป็นตัวประกัน

"การสลายการชุมนุมครั้งนี้ เป็นการทำผิดกฎหมายชัดเจน เพราะมี 4 ขั้นตอน ที่จะต้องทำ คือ การเจรจา การใช้โล่ห์ กระบองยาง แล้วถึงจะใช้แก๊สน้ำตา แต่ที่เห็นรัฐบาลใช้ขั้นที่4 และยิงเข้าใส่วงล้อมของประชาชนเลย"

น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า วันนี้จึงเป็นเพียงการใช้สภาประกอบพิธีกรรม เพื่อสถาปนาอำนาจปลดล็อกให้กับระบอบทักษิณ ซึ่งรัฐบาลจะต้องสอบสวน และเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่กระทำความรุนแรงให้ได้

เมื่อถามว่า ส.ว.เรียกร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกับมีการใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ น.ส.รสนา กล่าวว่า เราไม่เห็นด้วยกับทุกฝ่ายที่จะใช้ความรุนแรง ใครทำรุนแรงต้องสอบสวน และเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ แต่รัฐบาลมีหน้าที่บริหารบ้านเมือง ต้องอดทน อดกลั้นและต้องใช้วิธีการละมุนละม่อม แก้ไขปัญหา เพราะต้องรู้อยู่แล้วว่า การกระทำความรุนแรงแต่ละครั้งจะต้องถูกตอบโต้ ปัญหาทางการเมืองรัฐบาลต้องใช้วิธีทางการเมืองแก้ไข แต่ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องไปยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ซึ่งปฏิกิริยาของม็อบที่ออกมา เป็นการตอบโต้รัฐที่ใช้ความรุนแรงก่อน แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อรัฐใช้ความรุนแรงแล้ว ผู้ชุมนุมจะใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปได้ เราอยากให้วิกฤติตรงนี้ยุติลงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะบานปลาย ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ซึ่งตนไม่อยากให้เราย้อนกลับไปหาอดีตอีก ดังนั้น จะต้องสอบสวนและดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่าย

จี้รัฐบาลลาออกโดยเร็ว

ด้าน ม.ร.ว.ปรียนันทนา กล่าวว่า พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ ครม. ถึง 2 ครั้ง ภายใน 1 ปี และโปรดเกล้าฯรัฐมนตรี อีกนับไม่ถ้วน ที่ผ่านมามีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนปฏิบัติหน้าที่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา การทำร้ายประชาชนจนบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 162 คน แล้ว ครม.นี้จึงไม่ชอบธรรม ที่จะอยู่บริหารบ้านเมืองต่อไป ซึ่งความรุนแรงแบบนี้ ไม่เกิดมาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกโดยเร็ว

สธ.สรุปยอดผู้บาดเจ็บ 208 ราย

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ศูนย์นเรนทร ได้รายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งหมด 208 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาย ติดอยู่ในรถจากเหตุเพลิงไหม้รถจี๊ปสีขาว บริเวณใกล้แยกพิชัย โดยได้นำส่งผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 8 แห่ง ดังนี้ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล 95 ราย โรงพยาบาลกลาง 8 ราย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 9 ราย โรงพยาบาลศิริราช 22 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 5 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 9 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 47 ราย โรงพยาบาลตำรวจ 10 ราย และให้การปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ 3 รายไม่ต้องนำส่งโรงพยาบาล

โรงพยาบาลที่รับผู้บาดเจ็บเข้ารักษารวม 26 ราย ได้แก่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาลนอนรักษา 9 ราย โรงพยาบาลกลาง 3 ราย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 2 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 2 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย โรงพยาบาลตำรวจ 1 ราย

พระราชินีพระรานทานเงินรามาฯ 1 แสน

รศ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เข้ามารักษา ซึ่งทางโรงพยาบาลได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานทุนทรัพย์ จำนวน 1 แสนบาท เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้บาดเจ็บที่มือขวา ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ใช้มือปัดแก๊สน้ำตา ที่ตกลงในกลุ่มผู้ชุมนุมเพราะเกรงว่าจะระเบิดลงคนอื่น

ผู้ได้รับบาดเจ็บจวก ตร.ทำรุนแรง

รศ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบบาดแผล พบวัสดุปนเปื้อน อาจเป็นเศษโลหะ เศษสิ่งสกปรก บริเวณใกล้เคียง แต่ไม่พบร่องรอยของกระสุนปืน ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดตั้งดูแลต่อเนื่องไม่ให้แผลติดเชื้อ และยืนยันว่าผู้ป่วยมีกำลังใจดี แม้จะได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจที่จะต้องเสียงอวัยวะไปบ้างก็ตาม

จากนั้นผู้บริหารรพ.รามาธิบดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ป่วยที่รับการรักษาอยู่ที่จุดต่างๆ ซึ่ง พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้นำกระเช้าออกไม้ไปมอบให้ผู้ป่วยที่ยังป่วยอยู่ โดยนำกระเช้าดอกไม้ มอบให้นายประสิทธิ์ ดุทโปศะภากร ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่อาคาร 1 ชั้น 6 แผนกศัลยากรรมชาย ซึ่งนายประสิทธิ์ ได้กล่าวถามพล.ต.ท.วุฒิ ว่าใช้ความรุนแรงกับประชาชนทำไม พร้อมทั้งได้ขอร้องว่าอย่าได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมอีก พล.ท.ท.วุฒิ กล่าวว่าไม่มีใครอยากให้หตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนมาแสดงความเสียใจ และมาให้กำลังใจแทน ผบ.ตร. โดยตำรวจเองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่อยากเห็นพี่น้องประชาชนเจ็บเช่นกัน

ที่ รพ.รามา ตาย 1

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 19.53 น. รศ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยเปิดเผยว่า ที่รพ.รามาฯ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มารักษาเพิ่มมากขึ้น และมีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว เป็นหญิง 1 ราย ชื่อ นางสาวอังขณา ระดับปัญญาวุฒิ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด ต้องรอให้ฝ่ายนิติเวช เข้าพิสูจน์ศพก่อน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย ที่เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่ มีปัญหาในเรื่องของกระดูกหัก ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งเข้ามายัง รพ.รามาฯ เพิ่มเติมเป็น 72 ราย จากที่ช่วงเช้า กว่า 20 ราย

อย่างไรก็ตาม ทาง รพ.รามาฯ ได้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางประจำอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บอาการหนักต้องรับการผ่าตัดจำนวนมาก อาจทำให้ห้องผ่าตัดไม่เพียงพอ จึงได้ประสานงานกับรพ.เครือข่าย สำหรับเตรียมการรองรับแล้ว

สำหรับบาดแผลที่เกิดขึ้น ของผู้บาดเจ็บในช่วงค่ำนั้นหนักกว่าในช่วงเช้า โดยผู้บาดเจ็บที่ขาขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกแต่งบาดแผล โดยคาดว่าบาดแผลเกิดขึ้นจากการกระแทกอย่างรุนแรง ที่เกิดจากการยิง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นระเบิดหรือไม่

พระมงกุฎฯ เผย ตร.ผ่าตัดปลอดภัย

พ.อ.นพ. กฤษฎา ดวงอุไร ผู้อำนวยการกองอุบัติเเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า ขณะนี้นายตำรวจที่ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธของมีคมทำให้บาดแผลฉีกขาดบริเวณตับ ซึ่งภายหลังจากเข้ารับการผ่าตัดขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว อาการไม่น่าเป็นห่วงและไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งแพทย์ได้ให้ผู้ป่วยพักฟื้นในห้องไอซียู 1 วัน เพื่อประเมินอาการ คาดว่าภายใน 1-2 วัน จะสามารถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตำรวจได้

เปิดใจเหยื่อตำรวจชั่ว

ผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง อายุ 41 ปี เพิ่งเดินทางมาจากจังหวัดสงขลา ได้รับบาดเจ็บ บริเวณแขนขวา ลำตัวด้านขวา และขาขวา กล่าวว่า ในช่วงเช้าตนร่วมชุมนุมอยู่บริเวณถนนพิชัย จากนั้นมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเท้าเข้ามาอยู่ในระยะ 100-200 เมตร จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้น จึงหมอบลงกับพื้นแต่ระเบิดแก๊สน้ำตามาตกอยู่ข้างตัวด้านขวาของตน และเกิดระเบิดขึ้น ตนเห็นเนื้อแขนด้านขวาหลุด จึงลุกขึ้นวิ่งเพราะคิดว่านอนหมอบอยู่คงไม่ปลอดภัย โดยมีผู้ชุมนุมคนอื่นเข้ามาช่วย ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังระดมยิงแก็สน้ำตาเข้ามาอีกหลายลูก

ระหว่างนั้นผู้ป่วยได้สอบถามความคืบหน้าของการชุมนุมจากผู้สื่อข่าวด้วยความเป็นห่วงว่า รัฐบาลแถลงนโยบายหรือยัง? เมื่อได้รับคำตอบว่าแถลงนโยบายแล้ว ผู้ป่วยกล่าวว่าแล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป โดยผู้ป่วยกล่าวด้วยว่ารู้สึกตื้นตันใจที่ได้รับพระกรุณาจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่รับดูแลผู้บาดเจ็บทุกคนในพระอุปถัมภ์

ผู้ป่วยรายนี้เผยความรู้สึกต่อผู้สื่อข่าวว่า “ความรู้สึกเจอตำรวจกระทำการแบบนี้นั้น บอกคำเดียวว่า เหี้ยม ม.ม้าวิ่งหนี สำหรับพี่น้องที่ยังสู้อยู่ ขอให้มีกำลังใจ สู้ๆ ”

นางพงศ์พล ทวีสุข จากชลบุรี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณเท้าทั้งสองข้าง กล่าวว่า ช่วงเช้าตนนั่งชุมนุมตามปกติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินเท้าเข้ามาและระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ 2 ชุด กว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งระหว่างนั้นก็มีคนเจ็บนอนอยู่ที่พื้น เมื่อผู้ชุมนุมจะเข้าไปช่วย ตำรวจก็กระหน่ำยิงแก๊สเข้ามาอีก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปช่วยคนเจ็บได้ และไม่เพียงแต่มีแก๊สน้ำตาเท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังโยนลูกกลมสีน้ำตาลคล้ายลูกกอล์ฟ เข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งลูกกลมดังกล่าวจะเกิดระเบิดขึ้น ตนยืนยันว่า ไม่ได้มีเพียงแก๊สน้ำตาอย่างเดียว

“สิ่งที่ตำรวจทำครั้งนี้ ไม่ถูกต้อง ตำรวจบอกไม่ให้ผู้ชุมนุมใช้อาวุธ แต่กลับเอาปืนอาก้า ปืนยิงแก๊สน้ำตา มาทำร้ายประชาชน การเอากระเช้าดอกไม้มาให้ไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกดีขึ้น เป็นพฤติกรรมที่น่าชัง เพราะคนทำร้ายกับคนเอากระเช้าดอกไม้มาเป็นคนคนเดียวกัน มันไม่สมเหตุผล ไม่โทษเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ แต่คนที่สั่งการคือเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่” นายพงศ์พล กล่าว

"อนุพงษ์"เรียกประชุม-ไม่มีแอกชั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมหน้าอาคารรัฐสภาในช่วงเช้า จนทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น

หลังเกิดเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ได้เดินทางเข้ากองบัญชาการทหารบก เพื่อติดตามสถานการณ์ และได้เรียกประชุมนายทหารชั้นผูใหญ่ อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยประดับ และ พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเจ้าหน้าที่ด้านการข่าว เพื่อวิเคราะห์ ติดตามและประเมินสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ ยังไม่ได้มีคำสั่งไปยังหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก โดยเฉพาะหน่วยขึ้นตรงในพื้นที่กทม. เกี่ยวกับการเตรียมกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากยังมีความมั่นใจว่า ตำรวจจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อีกทั้งนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ก็ยังไม่ได้สั่งการมายังกองทัพบกแต่อย่างใด

ยันแก๊สน้ำตาไม่ทำให้ขาขาด

เวลา 11.00 น. ผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ. ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผบ.ทอ. ได้ร่วมประชุมหารือ เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์อีกครั้ง และได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นครั้งแรก

ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้เรียก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ขึ้นไปพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน

ต่อมา พ.อ.สรรเสริญ แถลงว่า ปฏิบัติการเปิดพื้นที่ เพื่อให้รัฐบาลได้เข้าไปแถลงนโยบายในรัฐสภานั้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ได้รับมอบหมายโดยตรงในการรับผิดชอบ และได้ไปประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็คงเป็นเรื่องที่ท่านได้พิจารณาใช้หน่วยงานของตำรวจตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ทางผบ.ทบ.ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า ในการพิจารณาปฏิบัติภารกิจในการเปิดช่องทาง เพื่อให้รัฐบาลไปแถลงนโยบาย ขอให้พิจารณาใช้มาตรการที่เป็นหลักสากล และไม่ก่อให้เกิดความบาดเจ็บกับพี่น้องประชาชน

"กองทัพบกรู้สึกเป็นกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ที่มาชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่หน้ารัฐสภาเมื่อเช้านี้ โดยที่ไม่มีอาวุธ ก็ไม่สมควรที่จะได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใด แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีผู้บาดเจ็บในหลายกรณี ก็ต้องพิสูจน์ทราบว่าด้วยเหตุอะไร แต่โดยปกติการใช้แก๊สน้ำตาต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสากลที่โดยทั่วไป ก็ใช้กันแบบนี้ การยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปบริเวณพื้นที่ฝูงชน ปกติการกระทบแตกของกระสุนแก๊สน้ำตาก็ไม่น่าจะทำให้มีเหตุอันตรายถึงขั้นได้รับบาดเจ็บจนขาขาด แต่อย่างไรก็จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ในส่วนของกองทัพที่ได้กระทำขณะนี้คือ การจัดชุดแพทย์ พยาบาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว" พ.อ.สรรเสริญกล่าว

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้หารืออะไร กับ ผบ.เหล่าทัพถึงมาตรการที่จะดำเนินการต่อไป หากเกิดความรุนแรงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทางผบ.เหล่าทัพได้มาร่วมรัฐประทานอาหารกันคงจะได้มีการหารือถึงเรื่องนี้ สำหรับการเตรียมการต่อไปในข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การใช้กำลังทหารออกไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อระงับเหตุก็คงจะไม่ใช่ คงเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอมา เราก็พร้อมที่จะนำกำลังเข้าไปสนับสนุน ซึ่งจะยึดแนวทางไม่ให้เกิดความรุนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อถามว่า ในฐานะที่ ผบ.ทบ. เป็นรอง ผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จะเตรียมการอย่างไรในเรื่องของความมั่นคงภายใน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กฎหมายตามปกติทหารพร้อมจะให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อถามว่า กองทัพจะวางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์ในขณะนี้อย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้ ผบ.ทบ.อยากให้พูดคุยปรึกษาหารือกัน แต่ก็เข้าใจถึงการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความจำเป็นต้องเปิดช่องทางให้กับคณะรัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบาย แต่วิธีการปฏิบัติทำอย่างไรถึงได้มีผู้บาดเจ็บ คงต้องตรวจสอบ ซึ่งทาง ผบ.ทบ.ได้ตรวจสอบไปกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ปรากฏว่า เป็นการใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งปกติทางทหารเราก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่า แก๊สน้ำตาไม่น่าจะมีผลทำให้เกิดความรุนแรงในลักษณะนี้

เมื่อถามว่า การดำเนินการของรัฐบาลไม่ได้ ขอความเห็นจาก ผบ.ทบ. ใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพล.อ.ชวลิต เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง และได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า กองทัพเห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลในการยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุม พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตอบลำบากว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่การปฏิบัติเป็นหน้าที่ของพล.อ.ชวลิต รับมาจากนายกรัฐมนตรี ในการตัดสินใจใช้หน่วยงานตำรวจปฏิบัติ ดังนั้นบอกไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่หากจะทำ ต้องให้เกิดความรุนแรงน้อยที่สุด ด้วยการใช้หลักสากลที่ทั่วโลกใช้กัน

"อนุพงษ์"ยันไม่มีปฏิวัติ

พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเวลา 19.00 น. ที่ผ่านมา ตนได้ประสานงานไปยัง พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผบ.ทอ. เพื่อขอให้จัดส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมสถานการณ์ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย การอออกไปควบคุมสถานการณ์ของทหารในครั้งนี้ จะไม่ใช้ความรุนแรง และจะใช้เพียงโล่ และกระบอกเท่านั้น

ทั้งนี้ การส่งทหารออกไปไม่ได้ออกไปเพื่อทำการปฏิวัติ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจ หรือหวาดวิตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรทหารก็จะไม่ทำการปฏิวัติอย่างแน่นอน

"การทำปฏิวัติ ไม่ได้ส่งผลดีกับชาติบ้านเมือง การทำปฏิวัติไปแล้วก็ไม่ได้อะไร การทำการปฏิวัตินั้นไม่ยาก แต่การที่จะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้หลังการปฏิวัตินั้น เป็นสิ่งที่ยากกว่า ดังนั้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่า การปฏิวัติไม่ส่งผลดีอะไรเลยต่อชาติบ้านเมือง" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

เสริมกำลังทหารช่วยตำรวจ

เมื่อเวลา 18.30 น. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ ผู้บังคับกองพันมณฑลทหารบกที่ 11 และพ.ท.พลศักดิ์ ศรีเพ็ญ ผู้บังคับกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 (มหาดเล็ก) รักษาพระองค์ นำกำลังทหารกองร้อยปราบจลาจล 4 กองร้อย เข้ามาบริเวณกองทัพภาคที่ 1 เพื่อเตรียมพร้อมหากได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเตรียมสลายกลุ่มผู้ชุมนุม

พล.ท.คณิต กล่าวว่าการนำกำลังทหารเข้ามาในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 เพื่อรักษาพื้นที่ใกล้เคียงเข้ารักษาพื้นที่รอบวังสวนจิตรลดา และสถานที่ราชการสำคัญต่างๆในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนั้น ทหารจะเข้าไปดูแลสถานการณ์ เพราะเกรงว่า อาจจะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนรวมถึงเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน

"สนธิ"นำพันธมิตรสดุดี"วีรสตรี"

เมื่อเวลา 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยแกนนำพันธมิตรฯ รวมทั้งผู้ประสานงาน และศิลปินแนวร่วมพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีเพื่อประกาศสดุดี และทำการไว้อาลัยแก่ น.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม พร้อมทั้งเตรียมขออนุญาตบิดาของน.ส.อังขณา เพื่อทำพิธีรดน้ำศพ ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย

ระหว่างนั้น นายแว่น พันธมิตรฯจากจ.ลพบุรี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิด จนแขนขาด ได้เดินทางออกมาจากโรงพยาบาล และมาปรากฎตัวที่เวทีทำเนียบรัฐบาล ซึ่งได้รับการปรบมือต้อนรับจากกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างกึกก้อง และได้ขึ้นกล่าวบนเวทียืนยันว่า จะร่วมสู้กับพันธมิตรฯต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น