"โกวิท"ฉวยโอกาส เจ้าหน้าที่บังคับคดีปิดหมายศาลขับไล่พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบฯ ระดมกำลังตำรวจ สลายกลุ่มผู้ชุมนุม ทุบตีบาดเจ็บ รื้อเต้นท์ ทำลายข้าวของ เข้ายึดพื้นที่สุดท้ายไม่สำเร็จ ถูกพันธมิตรฯยึดคืน พร้อมล้อมกรอบกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจหมดความอดทน ยิงแก๊สน้ำตาสลาย "โกวิท" ตอบไม่มีอะไร
วานนี้ (29 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 09.30 น. นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้รับแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนโจทก์ ถึงเรื่องการนำประกาศจากศาลแพ่งที่สั่งคุ้มครองชั่วคราวไปปิดประกาศ รวม 5 จุด ประกอบด้วย สะพานชมัยมรุเชฐ สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกสวนมิสกวัน ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานอรทัย
โดยการเดินทางไปติดประกาศ จะมีเจ้าพนักงานบังคับคดี 30 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ เพื่อปิดประกาศ ซึ่งแต่ละจุดจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 150 นาย คอยรักษาความปลอดภัย นอกจากนั้นจะมีตัวแทนฝ่ายโจทก์ ร่วมเดินทางไปด้วย
ขู่ห้ามขวางปิดหมายศาล
นายศุภชัย กล่าวว่า หลังจากปิดประกาศแล้ว ก็จะมีการอ่านประกาศต่อสื่อมวลชน ซึ่งเมื่ออ่านประกาศ ถือว่าได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมายเสร็จสิ้น พันธมิตรฯ ต้องออกจากทำเนียบฯ ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอผลอุทธรณ์ต่อศาลของฝ่ายจำเลย หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่ต้องรายงานกลับไปที่ศาลเพื่อออกหมายจับ พร้อมย้ำว่า ไม่เฉพาะแกนนำ 6 คนเท่านั้น แต่ทุกคนจะต้องออกนอกพื้นที่ และเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่ากระทำการขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือฉีกประกาศ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีความผิด
ปิดหมายรื้อเต้นท์ ผลักดันพันธมิตรฯ
ขณะเจ้าหน้าที่ทำการปิดหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ มีพันธมิตรฯจำนวนหนึ่งรวมตัวกันเพื่อวางแนวป้องกันไม่ให้ตำรวจ และเจ้าหน้าที่บังคับคดี นำหมายศาลเข้าไปติดภายในทำเนียบรัฐบาล ส่วนที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน มีกำลังตำรวจประมาณ 2 กองร้อย นำโดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เข้าไปทำการรื้อเต้นท์ พร้อมยกจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ออกจากพื้นที่ โดยแจ้งให้รถเข็นที่ขายน้ำอยู่บริเวณดังกล่าวออกจากพื้นที่ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณดังกล่าว ต่างเดินเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้ทำการปิดหมายตามบริเวณเสาเต็นท์ รอบสวนแยกมิสกวัน ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยกน้ำที่วางขวางทางออกไปไว้ข้างทาง พร้อมกับพยายามเข็นรถ 6 ล้อ ของกองทัพธรรม แต่ไม่สามารถเข็นได้ ขณะที่เข้าทำการปิดหมาย ตำรวจได้ใช้รถกระบะ เปิดเสียงเพลงปลุกใจเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา โดยมีพันธมิตรฯ บางส่วนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ต่างประนามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น. พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง ได้พาเจ้าหน้าที่บังคับคดี เดินทางไปปิดหมายศาลที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยเจ้าหน้าที่บังคับคดีได้ปิดไว้ที่บริเวณเสาไฟฟ้าระหว่างสะพานทั้ง 2 ฝั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับคดีทำการปิดหมายที่เสาไฟฟ้านั้น กลุ่มพันธมิตรฯได้ทำการตะโกนโห่ร้อง เป็นระยะๆ
ระดมตำรวจหลายพันนายเตรียมบุก
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ. นำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมเจ้าหน้าที่บังคับคดี ปิดหมายศาล แต่ปรากฏว่า มีเครื่องกีดขวางอยู่ พล.ต.ต.จักรทิพย์ จึงสั่งให้ใช้เครื่องตัดเหล็กตัดเครื่องกีดขวาง
ด้าน ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ไปจนถึงแยกนางเลิ้ง หน้าสนามม้า ปรากฏว่า มีกำลัง ตชด.ประมาณ 500 นาย และกำลังตำรวจปราบจลาจลกว่า 1,000 นาย เข้าประจำการ เตรียมพร้อมเต็มถนนไปหมด เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น.ได้รับคำตอบว่า กำลังทั้งหมดมีประมาณ 5 กองร้อย และเมื่อถูกถามต่อว่า ตำรวจเตรียมกำลังมาเพื่อที่จะสลายกลุ่มพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ ตอบว่า ตำรวจรอคำสั่งเท่านั้น
สัญญาณร้ายสลายม็อบเริ่ม
ที่บริเวณเวทีสะพานมัฆวานฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปทำการรื้อถอนโดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าไปล้อมเวทีเอาไว้ ส่วนรถกระบะที่เปิดเครื่องเสียงเพลงปลุกใจตำรวจได้ขับวนไปบริเวณรอบๆโดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 อยู่บนรถ
นอกจากนั้น ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 2 กองร้อย พร้อมโล่ห์ และกระบอง เตรียมพร้อมปฏิบัติการเข้าสลายทันที หลังได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
บุกรื้อเวทีมัฆวานฯ-จับการ์ด
ต่อมาที่บริเวณประตู 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมการ์ดพันธมิตรฯ ขึ้นรถผู้ต้องหาไปแล้ว 20 คน ขณะเดียวกัน ที่บริเวณด้านถนนพิษณุโลก ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. กับกองทัพภาคที่ 1 กำลังตำรวจปราบจลาจลพร้อมโล่ห์ และกระบอกจำนวนมากเตรียมพร้อมที่จะเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณรอบนอกกำแพงทำเนียบรัฐบาล
ตำรวจขโมยน้ำพันธมิตรฯ
ขณะที่ตำรวจอีกชุด ได้ตรงเข้ารื้อเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์แล้ว โดยมีการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ กันเล็กน้อย ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สามารถต้านทานกำลังของตำรวจได้ ตำรวจได้เข้าไปรื้อแผงขายของรอบๆ เวที พร้อมกับนำไม้กอล์ฟที่มีผู้บริจาคให้พันธมิตรฯ ไปทิ้งลงในคลองผดุงกรุงเกษม นอกจากนั้นยังได้หยิบฉวยเอาน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลังของพันธมิตรฯไปดื่มโดยพลการด้วย
ขณะที่แม่ค้ารถเข็นที่อยู่ใกล้ๆ ได้ฉวยโอกาสหยิบเอาไปด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน กำลังตำรวจจำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนยิงแก๊สน้ำตาได้เดินทางเข้าไปยังบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ส่วนที่บริเวณหน้าพาณิชยการพระนคร กำลังตำรวจจำนวนมาก ยังคงตรึงกำลังอยู่พร้อมรอคำสั่ง
เวลา 11.20 น. กำลังตำรวจ 2 พันนาย ได้เคลื่อนออกจากจุดที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเข้าไปสมทบกำลังตำรวจบริเวณประตูทำเนียบฯ
"สุชาติ"เตรียมพร้อม รอนายสั่งลุย
พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.และว่าที่ ผบช.น เปิดเผยว่า การจะเข้าสลายการชุมนุมในทันทีทันใดหรือไม่ ต้องรอผู้บังคับบัญชาระดับสูงสั่งการ หากได้รับคำสั่งเมื่อใดก็พร้อมจะดำเนินการตามที่ได้รับบัญชา ซึ่งจะเน้นความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดเข้าประชิด และเข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาลขณะนี้เป็นการทำตามหน้าที่เข้าไปรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เดิมที่เคยประจำการอยู่ ยังไม่ใช่การเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. กล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล มีกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 10,000 นาย ซึ่งยอมรับได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มากขึ้นกว่าวันก่อน แต่จะทำการสลายการชุมนุมเมื่อใด ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาสั่งการเท่านั้น
ใช้ไม้กระบองตีประชาชน
เวลา 11.58 น. ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่บริเวณที่ตั้งเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวาน ได้ใช้กระบองไล่ตีประชาชนที่รวมตัวอยู่บริเวณหน้าที่ทำการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น จำนวนมาก จนเกิดการชุลมุนขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ส่วนที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ กำลังตำรวจจำนวนมาก ได้กดดันกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยการตั้งแถวสลับกำลัง และไปยืนอยู่หน้ารั้วพันธมิตรฯ จากนั้นพากันเคาะโล่ กระบองเป็นการข่มขวัญพันธมิตรฯ จากนั้นก็เดินแถวจากไป และมีแถวใหม่ มากระทำการเช่นเดิมอีกชุด
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้ตั้งด่านสกัดประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งเริ่มเกิดความชุลมุนขึ้น สุดท้าย ตำรวจต้องนำรถขนผู้ต้องขังมาปิดทางเข้าทั้งหมด พร้อมกับกำลังตำรวจปราบจลาจล ยืนตั้งแผงเป็นแนวกัน จนเกิดการปะทะกันเล็กน้อย ส่งผลให้ป้ายสัญญาณไฟจราจรล้มลงมา จากนั้นตำรวจ ตชด.ประมาณ 4-5 คันรถ เข้าไปสมทบ โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯประมาณ 500 กว่าคน พยายามที่จะดันเข้าไป แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องถอยออกมา
กู้ภัยแพทย์พยาบาลเข้าช่วย
เวลา 12.33 น. มีรถหน่วยกู้ภัย แพทย์ พยาบาล เข้ามายังบริเวณหน้าสะพานชมัยมรุเชฐ ประมาณ 7-8 คัน จากนั้นมีการเตรียมอุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องมือผ่าตัด เครื่องเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค พร้อมทีมแพทย์พยาบาลจำนวนมาก โดย นพ.สุรเชษฐ์ สถิตย์นิลมัย เลขาธิการสมาพันธ์แพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นผู้ดูแลหน่วยแพทย์ กล่าวว่า หน่วยแพทย์มีการประสาน เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน หากเกิดปะทะกันจนมีผู้บาดเจ็บ ระหว่างพันธมิตรฯ กับตำรวจ โดยได้ระดม รถแพทย์ จากโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลมาประจำจำนวน 4 จุด ที่สะพานมัฆวานฯ สะพานอรทัย สะพานชมัยมรุเชฐ และสี่แยกมิสกวัน ซึ่งหากเกิดเหตุปะทะในเบื้องต้น จะทำการปฐมพยาบาลและรีบส่งต่อทันที
นำรถขังผู้ต้องหาจอดขวาง
เวลา 13.00 น.ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถคุมขังผู้ต้องหาจำนวน 7 คัน มาจอดขวางถนนไว้ พร้อมทั้งนำแผงเหล็ก และลวดหนาม มาขึงกั้นบริเวณทางเข้า-ออก อีกทั้งได้ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปยังบริเวณถนนที่จะมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ให้ผู้ชุมนุมออกไปด้านนอกได้ แต่ห้ามเข้าเด็ดขาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย ถือโล่ กระบอก ตรึงกำลังเตรียมพร้อมที่ตั้งปฏิบัติการตลอดเวลา นอกจากนี้ โรงเรียนที่อยู่บริเวณนางเลิ้ง อาทิ รร.มัธยมราชวินิตฯ ได้ปิดการเรียนการสอนทุกโรงเรียน
ตำรวจผู้ร้ายแถลงผลงาน
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องขอจากเจ้าพนักงานบังคับคดี ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง เพื่อที่จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปติดประกาศคำสั่งศาล เพื่อบังคับให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานจึงต้องปฎิบัติตาม
ส่วนการเข้าไปดำเนินการปิดประกาศได้ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ตรงกลาง โดยมีตำรวจเป็นแนวหน้า เพื่อทำหน้าที่ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไปโดยละมุนละม่อม และสามารถปิดประกาศได้ครบทั้ง 5 จุดที่กำหนดไว้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า การดำเนินการปิดประกาศ ในบางจุดได้มีการต่อต้านจากกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความละมุนละม่อมในการผลักดันออกไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้ายึดพื้นที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ
ยอมรับ"โกวิท"สั่งการ
ต่อข้อถามว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ ใครเป็นคนสั่งการ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.โกวิท และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในการเข้าดำเนินการ โดยยืนยันว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้คำสั่งศาลมีผลตามกฎหมาย และตำรวจก็ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในคำสั่งศาล
ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งรับคำขออุทธรณ์ของทนายความฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ขออุทธรณ์ทุเลาการบังคับคดี พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า หลังจากศาลได้รับคำร้องไว้ จะต้องมีขั้นตอนการไต่สวนและพิจารณาอีกประมาณ 15 วัน พร้อมกับยืนยันว่าการปฏิบัติงานของตำรวจตอนนี้ ตำรวจมีอำนาจตามกฎหมายจากการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี และมีอำนาจตามกฎหมาย จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
เมื่อถามว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำการรื้อเต้นท์และตรวจยึดสิ่งของ เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เป็นการทำตามกฎหมาย สำหรับของกลางที่ยึดได้ จะต้องตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ช่างภาพเอเอสทีวีถูกทำร้าย
ขณะเดียวกันที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลประมาณ 1 กองร้อย ได้ตั้งแถว พร้อมนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้า และปิดประตูเหล็กลดลงครึ่งหนึ่ง เพื่อรองรับสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันเดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งนี้ที่บริเวณลานพระรูปทรงม้า ก็ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาร่วมชุมนุมประมาณ 500 คน อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเข้าร่วมชุมนุมได้ เพราะ ตร.ปิดกั้นไม่ให้เข้าร่วมสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล
สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีช่างภาพของเอเอสทีวี รวมอยู่ด้วย โดยถูกนำส่งรักษาตัวที่ รพ.วชิระ ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนมาก ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยได้ทำการปฐมพยายาม และร่วมชุมนุมต่อในทำเนียบรัฐบาล
แจ้ง"อภิสิทธิ์"รองนายกฯสั่ง
เวลา 14.18 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยังบริเวณลานพระบรมมรูปทรงม้า ที่กำลังตำรวจจำนวนมากตรึงกำลังอยู่ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้แสดงตน และขอพบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยระบุว่า เพื่อที่จะสอบถามการที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่บังคับคดีเข้าไปปิดหมายศาล
ในระหว่างที่ นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาเพื่อขอตรวจสอบสถานการณ์ แต่ถูก พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต ซึ่งประจำการอยู่บริเวณดังกล่าว ไม่อนุญาตให้นายอภิสิทธิ์ เข้าไป พร้อมกับแจ้งว่าเดี๋ยวขอถามท่านรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก่อน
จากนั้น พ.ต.อ.สมชาย ได้โทรศัพท์ถึง พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.พร้อมกับเอาโทรศัพท์มาให้คุยกับนายอภิสิทธิ์ จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ถามว่า “ได้รับอำนาจหรือสั่งการจากใคร” เสียงตอบแต่ผู้สื่อข่าวไม่ได้ยิน นายอภิสิทธิ์ พูดว่า “รองนายกฯ มีสิทธิอะไร ที่สั่งให้ทำร้ายประชาชน ขนข้าวของ และเดี๋ยวผมจะเข้าไปที่นครบาลเพื่อขอดูคำสั่งศาล"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่นายอภิสิทธิ์พูดโทรศัพย์อยู่นั้น ได้มีช่างภาพสถานีโทรทัศน์บันทึกไว้ตลอดเวลา
พันธมิตรฯ ยึดคืนเวทีมัฆวาน
เวลา14.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานฯ มาจนถึงแยกมิสกวัน ประชาชนพันธมิตรฯ สามารถเข้ายึดพื้นที่คืนได้หมดแล้ว ในขณะที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ตำรวจพากันเผ่นไปหมดแล้ว ประชาชนจึงเดินทางมุ่งหน้าไปสู่ทำเนียบฯรัฐบาลได้โดยสะดวก
ต่อมาเวลา 15.20 น. ทุกแนวป้องกันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมในช่วงเช้า ได้ถูกพันธมิตรฯตีโอบและยึดพื้นที่คืนไว้ได้ทั้งหมด โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ถอยร่นเดินกลับ พันธมิตรฯ ก็ได้ปรบมือให้เจ้าหน้าที่ด้วย ยกเว้นพื้นที่ประตู 5 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หลายร้อยนาย ในเขตทำเนียบฯ ตรงบริเวณตึกแดง ขณะที่พันธมิตรฯ ได้อออยู่ด้านนอกหน้าประตู 5 โดยมีนายพิชิต ชัยมงคล โฆษกเวทีพันธมิตรฯ คอยควบคุมผ่านรถเครื่องขยายเสียง
เวลา 15.30 น.พันธมิตรฯ ได้เปิดประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตชด. 8 กองร้อย และนครบาล 4 กองร้อย พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ เดินออกจากทำเนียบฯ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 12 กองร้อย ได้เดินเป็นแนวหน้ากระดานเรียงห้า ออกไปทางแยกมัฆวานฯ ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายที่ได้เข้ามาสลายการชุมนุม ขณะที่ ผู้ควบคุมพันธมิตรฯ ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง โดยย้ำไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้าย หรือด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างปรบมือให้ตำรวจเหล่านั้น
เคลื่อนผู้ชุมนุมยึดนครบาล
จากนั้นกลุ่มผุ้ชุมนุมได้เคลื่อนกำลังไปกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ ตำรวจส่งตัวเจ้าหน้าที่ทำร้ายผู้ชุมนุม โดยตำรวจจัดกำลังไว้ 2 กองร้อย พร้อมโล่ห์และกระบอง ตั้งแถวหน้านครบาลและปิดประตูด้านหน้าทันที
เวลา 19.00 น.ภายหลังที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดยนายวัชระ เพชรทอง นำประชาชนไปรวมตัวกันที่หน้า บช.น. เพื่อกดดันให้ตำรวจส่งตัว พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.ว่าที่ ผบช.น.ลงมาเจรจา ว่า เป็นผู้สั่งการให้ตำรวจใช้กำลังกับประชาชนหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ตำรวจไม่ยอมลงมาเจรจา ในขณะที่ประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนนับหมื่นคน และปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาลไว้ทุกด้าน
ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา
ต่อมา เมื่อตำรวจถูกกลุ่มพันธมิตรฯจำนวนนับหมื่นคนกดดันอย่างหนัก ตำรวจจึงตัดสินใจ ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน จนกลุ่มพันธมิตรฯ พากันแตกกระเจิง เบื้องต้นมีผู้ล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บ และรถพยาบาลก็วิ่งเข้ามารับผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรามธิบดีทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจจะยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน 4-5 นัด แต่กลุ่มพันธมิตรฯที่แตกกระเจิงไป ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จากนั้นเดินแถวหน้ากระดานเข้าไปยังหน้า บช.น.อีก และในที่สุด ก็ถูกตำรวจยิงแก๊สเข้าใส่อีกชุดใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 20 นัด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี
นพ.ชัยวัฒน์ เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการวิทยาลัยการแพทย์กรุงเทพมหานคร วชิระพยาบาล เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บและเข้ารับการรักษาตัวที่รพ.วิชระ 18 ราย โดยอาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา รวมทั้งมีการปวดแสบปวดร้อนจากแก๊สน้ำตา และมีบาดแผลถลอกเล็กน้อยตามลำตัว
เวลา 19.45 น.กลุ่มพันธมิตรฯได้พากันถอนกำลังออกจากบริเวณหน้า บช.น.โดยนายศิริชัย ไม้งาม ขึ้นประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบว่า บช.น.ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา เป้าหมายหลักของเราอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นพากันสลายตัว และเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ ทำเนียบรัฐบาล
โยนมือที่สามยิงแก๊สน้ำตา
เวลา 20.00 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า ตำรวจจะต้องรักษาฐานที่ตั้ง ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน จึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้ามาได้แม้แต่คนเดียว ซึ่งกำลังตำรวจที่อยู่ใน บช.น.เป็นเพียงกำลังรักษาสถานที่เท่านั้น ไม่มีกองกำลังสนับสนุนเสริมอยู่ใน บช.น.
ส่วนการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ นั้น พล.ต.ต.สุพร ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะเป็นการสร้างสถานการณ์จากมือที่สามหรือไม่ตนไม่ทราบ นอกจากนี้ได้มีคำสั่งให้ตำรวจที่พักอยู่แยกนางเลิ้ง และภายในศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี ได้ถอนกำลังออกมาแล้ว โดยสาเหตุที่ไปพักตรงนั้น เพราะ บช.น.มีที่พักไม่เพียงพอ จึงอาจทำให้สร้างความไม่พอใจต่อผู้ชุมนุม จึงให้ถอนกำลังออกมา อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะทำทุกวิถีทาง ที่จะผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกไป โดยจะใช้ความรุนแรง
"โกวิท"บอกไม่มีอะไร
เวลา 20.28 น.หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่พันธมิตร พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้เดินทางกลาบเข้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง และเมื่อมาถึง ผู้สื่อข่าวได้กรูกันเข้าไปสอบถามถึงเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรมาชุมนุมที่หน้า บช.น.แต่ถูกตำรวจยิงแก๊งน้ำตาใส่จำนวนหลายลูกเพียงสั้นๆว่า "เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรนะ เราคนไทยด้วยกัน บ้านเมืองต้องไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะอดทนจนถึงที่สุด" จากนั้น พล.ต.อ.โกวิท ได้เดินขึ้นไปประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. และนายตำรวจระดับสูงต่อไป
วันที่ 26 ส.ค. 51
เวลา ประมาณ 05.30 น.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปฎิบัติการดาวกระจายขั้นเด็ดขาดบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และยึดสถานที่ราชการสำคัญ ได้สำเร็จ
เวลา 15.10 น.นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวที่กองทัพไทย แต่งตั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย โดยมอบอำนาจเต็มให้เดินหน้าปราบพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ โดยมอบดาบให้ปฏิบัติหน้าที่สั่งราชการงานตำรวจ ในการปฏิบัติงานของตำรวจทั้งหมด และราชการมหาดไทยที่รับผิดชอบอยู่ ให้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาพปกติ
เวลา 15.40 น. พล.ต.อ.โกวิท เรียก นายตำรวจระดับสูง และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ประชุมที่ห้องปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการรบตลอด 24 ชั่วโมง
เวลา 16.20 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าวว่า ให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลภายใน
18.00 น.หากไม่ปฎิบัติตามจะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
เวลา 17.45 น.ตำรวจสันติบาล ได้ส่งตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ ใส่เสื้อเหลืองจำนวน 200 นาย เข้าปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล ถึงขั้นที่ผู้กำกับฯสันติบาล ปลอมตัวเป็นคนเก็บขยะ
วันที่ 27 ส.ค. 51
เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.โกวิท แถลงหลังประชุมกับตำรวจที่ศูนย์นครบาล โดยเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างว่าตนเองและพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายจาก นายสมัคร สุนทรเวช ให้ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยย้ำว่าการยึดทำเนียบ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญาอย่างสูง เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ราชการสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยยกหมายวันที่ 30 ส.ค.51 รัฐบาลมีพิธีพระราชทานธงสัญลักษณ์ ในงานจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี โดยจะมีพระราชพิธีที่สำคัญ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้ทำเนียบ
วันที่ 28 ส.ค. 51
เวลา 09.45 น. พล.ต.อ.โกวิท ประชุมประเมินสถานการณ์ โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนประชุม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงกางเต้นท์อยู่ภายในทำเนียบฯ ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร โดย พล.ต.อ.โกวิท ตอบว่า “เลอะ เลอะ ไม่เป็นไร คนไทยด้วยกัน ตำรวจมีวิธีจัดการ เดี๋ยวคอยดู”
เวลา 14.00 น.พล.ต.อ.โกวิท ประชุมประเมินสถานการณ์ หลังประชุมเสร็จ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง แถลงขอให้พันธมิตรฯออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยใช้หมายจับและคำสั่งศาลแพ่งที่คุ้มชั่วคราว ขับไล่พันธมิตรฯออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีผลทันที
วันที่ 29 ส.ค.51
พล.ต.อ.โกวิท ประชุมที่ศูนย์บัญชาการนครบาล เวลา 09.30 น.มอบหมาย นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รมว.มหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้รับแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนโจทก์ ถึงเรื่องการนำประกาศจากศาลแพ่งที่สั่งคุ้มครองชั่วคราว ไปปิดประกาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยจะนำไปปิดทั้งหมดรวม 5 จุด ประกอบด้วย สะพานมรุยเชฐ สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกสวนมิสกวัน ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานอรทัย
เวลา 10.00 น.เจ้าพนักงานบังคับคดี กองกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือ ออกปิดหมายศาล
เวลา 10.15 น.ปฎิบัติการทำร้ายประชาชน รื้อค้นสิ่งของ เต็นท์ และสิ่งกีดขวางออกจากพื้นที่ เกิดขึ้น เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า ภาพป่าเถื่อนปรากฎต่อประชาชนคนไทยทั่วประเทศ และสายตาชาวโลกขณะที่ พล.ต.อ.โกวิท ยังบัญชาการอยู่ที่ศูนย์ นครบาล
เวลา 13.30 น.พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.ตอบคำถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ว่าได้รับสั่งจาก รองนายกรัฐมนตรี
วานนี้ (29 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 09.30 น. นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้รับแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนโจทก์ ถึงเรื่องการนำประกาศจากศาลแพ่งที่สั่งคุ้มครองชั่วคราวไปปิดประกาศ รวม 5 จุด ประกอบด้วย สะพานชมัยมรุเชฐ สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกสวนมิสกวัน ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานอรทัย
โดยการเดินทางไปติดประกาศ จะมีเจ้าพนักงานบังคับคดี 30 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ เพื่อปิดประกาศ ซึ่งแต่ละจุดจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 150 นาย คอยรักษาความปลอดภัย นอกจากนั้นจะมีตัวแทนฝ่ายโจทก์ ร่วมเดินทางไปด้วย
ขู่ห้ามขวางปิดหมายศาล
นายศุภชัย กล่าวว่า หลังจากปิดประกาศแล้ว ก็จะมีการอ่านประกาศต่อสื่อมวลชน ซึ่งเมื่ออ่านประกาศ ถือว่าได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมายเสร็จสิ้น พันธมิตรฯ ต้องออกจากทำเนียบฯ ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอผลอุทธรณ์ต่อศาลของฝ่ายจำเลย หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่ต้องรายงานกลับไปที่ศาลเพื่อออกหมายจับ พร้อมย้ำว่า ไม่เฉพาะแกนนำ 6 คนเท่านั้น แต่ทุกคนจะต้องออกนอกพื้นที่ และเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่ากระทำการขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือฉีกประกาศ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีความผิด
ปิดหมายรื้อเต้นท์ ผลักดันพันธมิตรฯ
ขณะเจ้าหน้าที่ทำการปิดหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ มีพันธมิตรฯจำนวนหนึ่งรวมตัวกันเพื่อวางแนวป้องกันไม่ให้ตำรวจ และเจ้าหน้าที่บังคับคดี นำหมายศาลเข้าไปติดภายในทำเนียบรัฐบาล ส่วนที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน มีกำลังตำรวจประมาณ 2 กองร้อย นำโดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เข้าไปทำการรื้อเต้นท์ พร้อมยกจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ออกจากพื้นที่ โดยแจ้งให้รถเข็นที่ขายน้ำอยู่บริเวณดังกล่าวออกจากพื้นที่ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณดังกล่าว ต่างเดินเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้ทำการปิดหมายตามบริเวณเสาเต็นท์ รอบสวนแยกมิสกวัน ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยกน้ำที่วางขวางทางออกไปไว้ข้างทาง พร้อมกับพยายามเข็นรถ 6 ล้อ ของกองทัพธรรม แต่ไม่สามารถเข็นได้ ขณะที่เข้าทำการปิดหมาย ตำรวจได้ใช้รถกระบะ เปิดเสียงเพลงปลุกใจเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา โดยมีพันธมิตรฯ บางส่วนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ต่างประนามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น. พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง ได้พาเจ้าหน้าที่บังคับคดี เดินทางไปปิดหมายศาลที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยเจ้าหน้าที่บังคับคดีได้ปิดไว้ที่บริเวณเสาไฟฟ้าระหว่างสะพานทั้ง 2 ฝั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับคดีทำการปิดหมายที่เสาไฟฟ้านั้น กลุ่มพันธมิตรฯได้ทำการตะโกนโห่ร้อง เป็นระยะๆ
ระดมตำรวจหลายพันนายเตรียมบุก
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ. นำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมเจ้าหน้าที่บังคับคดี ปิดหมายศาล แต่ปรากฏว่า มีเครื่องกีดขวางอยู่ พล.ต.ต.จักรทิพย์ จึงสั่งให้ใช้เครื่องตัดเหล็กตัดเครื่องกีดขวาง
ด้าน ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ไปจนถึงแยกนางเลิ้ง หน้าสนามม้า ปรากฏว่า มีกำลัง ตชด.ประมาณ 500 นาย และกำลังตำรวจปราบจลาจลกว่า 1,000 นาย เข้าประจำการ เตรียมพร้อมเต็มถนนไปหมด เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น.ได้รับคำตอบว่า กำลังทั้งหมดมีประมาณ 5 กองร้อย และเมื่อถูกถามต่อว่า ตำรวจเตรียมกำลังมาเพื่อที่จะสลายกลุ่มพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ ตอบว่า ตำรวจรอคำสั่งเท่านั้น
สัญญาณร้ายสลายม็อบเริ่ม
ที่บริเวณเวทีสะพานมัฆวานฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปทำการรื้อถอนโดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าไปล้อมเวทีเอาไว้ ส่วนรถกระบะที่เปิดเครื่องเสียงเพลงปลุกใจตำรวจได้ขับวนไปบริเวณรอบๆโดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 อยู่บนรถ
นอกจากนั้น ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 2 กองร้อย พร้อมโล่ห์ และกระบอง เตรียมพร้อมปฏิบัติการเข้าสลายทันที หลังได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
บุกรื้อเวทีมัฆวานฯ-จับการ์ด
ต่อมาที่บริเวณประตู 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมการ์ดพันธมิตรฯ ขึ้นรถผู้ต้องหาไปแล้ว 20 คน ขณะเดียวกัน ที่บริเวณด้านถนนพิษณุโลก ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. กับกองทัพภาคที่ 1 กำลังตำรวจปราบจลาจลพร้อมโล่ห์ และกระบอกจำนวนมากเตรียมพร้อมที่จะเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณรอบนอกกำแพงทำเนียบรัฐบาล
ตำรวจขโมยน้ำพันธมิตรฯ
ขณะที่ตำรวจอีกชุด ได้ตรงเข้ารื้อเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์แล้ว โดยมีการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ กันเล็กน้อย ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สามารถต้านทานกำลังของตำรวจได้ ตำรวจได้เข้าไปรื้อแผงขายของรอบๆ เวที พร้อมกับนำไม้กอล์ฟที่มีผู้บริจาคให้พันธมิตรฯ ไปทิ้งลงในคลองผดุงกรุงเกษม นอกจากนั้นยังได้หยิบฉวยเอาน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลังของพันธมิตรฯไปดื่มโดยพลการด้วย
ขณะที่แม่ค้ารถเข็นที่อยู่ใกล้ๆ ได้ฉวยโอกาสหยิบเอาไปด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน กำลังตำรวจจำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนยิงแก๊สน้ำตาได้เดินทางเข้าไปยังบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ส่วนที่บริเวณหน้าพาณิชยการพระนคร กำลังตำรวจจำนวนมาก ยังคงตรึงกำลังอยู่พร้อมรอคำสั่ง
เวลา 11.20 น. กำลังตำรวจ 2 พันนาย ได้เคลื่อนออกจากจุดที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเข้าไปสมทบกำลังตำรวจบริเวณประตูทำเนียบฯ
"สุชาติ"เตรียมพร้อม รอนายสั่งลุย
พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.และว่าที่ ผบช.น เปิดเผยว่า การจะเข้าสลายการชุมนุมในทันทีทันใดหรือไม่ ต้องรอผู้บังคับบัญชาระดับสูงสั่งการ หากได้รับคำสั่งเมื่อใดก็พร้อมจะดำเนินการตามที่ได้รับบัญชา ซึ่งจะเน้นความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดเข้าประชิด และเข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาลขณะนี้เป็นการทำตามหน้าที่เข้าไปรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เดิมที่เคยประจำการอยู่ ยังไม่ใช่การเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. กล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล มีกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 10,000 นาย ซึ่งยอมรับได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มากขึ้นกว่าวันก่อน แต่จะทำการสลายการชุมนุมเมื่อใด ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาสั่งการเท่านั้น
ใช้ไม้กระบองตีประชาชน
เวลา 11.58 น. ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่บริเวณที่ตั้งเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวาน ได้ใช้กระบองไล่ตีประชาชนที่รวมตัวอยู่บริเวณหน้าที่ทำการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น จำนวนมาก จนเกิดการชุลมุนขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ส่วนที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ กำลังตำรวจจำนวนมาก ได้กดดันกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยการตั้งแถวสลับกำลัง และไปยืนอยู่หน้ารั้วพันธมิตรฯ จากนั้นพากันเคาะโล่ กระบองเป็นการข่มขวัญพันธมิตรฯ จากนั้นก็เดินแถวจากไป และมีแถวใหม่ มากระทำการเช่นเดิมอีกชุด
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้ตั้งด่านสกัดประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งเริ่มเกิดความชุลมุนขึ้น สุดท้าย ตำรวจต้องนำรถขนผู้ต้องขังมาปิดทางเข้าทั้งหมด พร้อมกับกำลังตำรวจปราบจลาจล ยืนตั้งแผงเป็นแนวกัน จนเกิดการปะทะกันเล็กน้อย ส่งผลให้ป้ายสัญญาณไฟจราจรล้มลงมา จากนั้นตำรวจ ตชด.ประมาณ 4-5 คันรถ เข้าไปสมทบ โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯประมาณ 500 กว่าคน พยายามที่จะดันเข้าไป แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องถอยออกมา
กู้ภัยแพทย์พยาบาลเข้าช่วย
เวลา 12.33 น. มีรถหน่วยกู้ภัย แพทย์ พยาบาล เข้ามายังบริเวณหน้าสะพานชมัยมรุเชฐ ประมาณ 7-8 คัน จากนั้นมีการเตรียมอุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องมือผ่าตัด เครื่องเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค พร้อมทีมแพทย์พยาบาลจำนวนมาก โดย นพ.สุรเชษฐ์ สถิตย์นิลมัย เลขาธิการสมาพันธ์แพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นผู้ดูแลหน่วยแพทย์ กล่าวว่า หน่วยแพทย์มีการประสาน เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน หากเกิดปะทะกันจนมีผู้บาดเจ็บ ระหว่างพันธมิตรฯ กับตำรวจ โดยได้ระดม รถแพทย์ จากโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลมาประจำจำนวน 4 จุด ที่สะพานมัฆวานฯ สะพานอรทัย สะพานชมัยมรุเชฐ และสี่แยกมิสกวัน ซึ่งหากเกิดเหตุปะทะในเบื้องต้น จะทำการปฐมพยาบาลและรีบส่งต่อทันที
นำรถขังผู้ต้องหาจอดขวาง
เวลา 13.00 น.ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถคุมขังผู้ต้องหาจำนวน 7 คัน มาจอดขวางถนนไว้ พร้อมทั้งนำแผงเหล็ก และลวดหนาม มาขึงกั้นบริเวณทางเข้า-ออก อีกทั้งได้ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปยังบริเวณถนนที่จะมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ให้ผู้ชุมนุมออกไปด้านนอกได้ แต่ห้ามเข้าเด็ดขาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย ถือโล่ กระบอก ตรึงกำลังเตรียมพร้อมที่ตั้งปฏิบัติการตลอดเวลา นอกจากนี้ โรงเรียนที่อยู่บริเวณนางเลิ้ง อาทิ รร.มัธยมราชวินิตฯ ได้ปิดการเรียนการสอนทุกโรงเรียน
ตำรวจผู้ร้ายแถลงผลงาน
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องขอจากเจ้าพนักงานบังคับคดี ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง เพื่อที่จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปติดประกาศคำสั่งศาล เพื่อบังคับให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานจึงต้องปฎิบัติตาม
ส่วนการเข้าไปดำเนินการปิดประกาศได้ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ตรงกลาง โดยมีตำรวจเป็นแนวหน้า เพื่อทำหน้าที่ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไปโดยละมุนละม่อม และสามารถปิดประกาศได้ครบทั้ง 5 จุดที่กำหนดไว้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า การดำเนินการปิดประกาศ ในบางจุดได้มีการต่อต้านจากกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความละมุนละม่อมในการผลักดันออกไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้ายึดพื้นที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ
ยอมรับ"โกวิท"สั่งการ
ต่อข้อถามว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ ใครเป็นคนสั่งการ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.โกวิท และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในการเข้าดำเนินการ โดยยืนยันว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้คำสั่งศาลมีผลตามกฎหมาย และตำรวจก็ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในคำสั่งศาล
ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งรับคำขออุทธรณ์ของทนายความฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ขออุทธรณ์ทุเลาการบังคับคดี พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า หลังจากศาลได้รับคำร้องไว้ จะต้องมีขั้นตอนการไต่สวนและพิจารณาอีกประมาณ 15 วัน พร้อมกับยืนยันว่าการปฏิบัติงานของตำรวจตอนนี้ ตำรวจมีอำนาจตามกฎหมายจากการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี และมีอำนาจตามกฎหมาย จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
เมื่อถามว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำการรื้อเต้นท์และตรวจยึดสิ่งของ เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เป็นการทำตามกฎหมาย สำหรับของกลางที่ยึดได้ จะต้องตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ช่างภาพเอเอสทีวีถูกทำร้าย
ขณะเดียวกันที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลประมาณ 1 กองร้อย ได้ตั้งแถว พร้อมนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้า และปิดประตูเหล็กลดลงครึ่งหนึ่ง เพื่อรองรับสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันเดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งนี้ที่บริเวณลานพระรูปทรงม้า ก็ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาร่วมชุมนุมประมาณ 500 คน อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเข้าร่วมชุมนุมได้ เพราะ ตร.ปิดกั้นไม่ให้เข้าร่วมสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล
สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีช่างภาพของเอเอสทีวี รวมอยู่ด้วย โดยถูกนำส่งรักษาตัวที่ รพ.วชิระ ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนมาก ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยได้ทำการปฐมพยายาม และร่วมชุมนุมต่อในทำเนียบรัฐบาล
แจ้ง"อภิสิทธิ์"รองนายกฯสั่ง
เวลา 14.18 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยังบริเวณลานพระบรมมรูปทรงม้า ที่กำลังตำรวจจำนวนมากตรึงกำลังอยู่ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้แสดงตน และขอพบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยระบุว่า เพื่อที่จะสอบถามการที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่บังคับคดีเข้าไปปิดหมายศาล
ในระหว่างที่ นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาเพื่อขอตรวจสอบสถานการณ์ แต่ถูก พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต ซึ่งประจำการอยู่บริเวณดังกล่าว ไม่อนุญาตให้นายอภิสิทธิ์ เข้าไป พร้อมกับแจ้งว่าเดี๋ยวขอถามท่านรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก่อน
จากนั้น พ.ต.อ.สมชาย ได้โทรศัพท์ถึง พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.พร้อมกับเอาโทรศัพท์มาให้คุยกับนายอภิสิทธิ์ จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ถามว่า “ได้รับอำนาจหรือสั่งการจากใคร” เสียงตอบแต่ผู้สื่อข่าวไม่ได้ยิน นายอภิสิทธิ์ พูดว่า “รองนายกฯ มีสิทธิอะไร ที่สั่งให้ทำร้ายประชาชน ขนข้าวของ และเดี๋ยวผมจะเข้าไปที่นครบาลเพื่อขอดูคำสั่งศาล"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่นายอภิสิทธิ์พูดโทรศัพย์อยู่นั้น ได้มีช่างภาพสถานีโทรทัศน์บันทึกไว้ตลอดเวลา
พันธมิตรฯ ยึดคืนเวทีมัฆวาน
เวลา14.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานฯ มาจนถึงแยกมิสกวัน ประชาชนพันธมิตรฯ สามารถเข้ายึดพื้นที่คืนได้หมดแล้ว ในขณะที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ตำรวจพากันเผ่นไปหมดแล้ว ประชาชนจึงเดินทางมุ่งหน้าไปสู่ทำเนียบฯรัฐบาลได้โดยสะดวก
ต่อมาเวลา 15.20 น. ทุกแนวป้องกันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมในช่วงเช้า ได้ถูกพันธมิตรฯตีโอบและยึดพื้นที่คืนไว้ได้ทั้งหมด โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ถอยร่นเดินกลับ พันธมิตรฯ ก็ได้ปรบมือให้เจ้าหน้าที่ด้วย ยกเว้นพื้นที่ประตู 5 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หลายร้อยนาย ในเขตทำเนียบฯ ตรงบริเวณตึกแดง ขณะที่พันธมิตรฯ ได้อออยู่ด้านนอกหน้าประตู 5 โดยมีนายพิชิต ชัยมงคล โฆษกเวทีพันธมิตรฯ คอยควบคุมผ่านรถเครื่องขยายเสียง
เวลา 15.30 น.พันธมิตรฯ ได้เปิดประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตชด. 8 กองร้อย และนครบาล 4 กองร้อย พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ เดินออกจากทำเนียบฯ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 12 กองร้อย ได้เดินเป็นแนวหน้ากระดานเรียงห้า ออกไปทางแยกมัฆวานฯ ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายที่ได้เข้ามาสลายการชุมนุม ขณะที่ ผู้ควบคุมพันธมิตรฯ ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง โดยย้ำไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้าย หรือด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างปรบมือให้ตำรวจเหล่านั้น
เคลื่อนผู้ชุมนุมยึดนครบาล
จากนั้นกลุ่มผุ้ชุมนุมได้เคลื่อนกำลังไปกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ ตำรวจส่งตัวเจ้าหน้าที่ทำร้ายผู้ชุมนุม โดยตำรวจจัดกำลังไว้ 2 กองร้อย พร้อมโล่ห์และกระบอง ตั้งแถวหน้านครบาลและปิดประตูด้านหน้าทันที
เวลา 19.00 น.ภายหลังที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดยนายวัชระ เพชรทอง นำประชาชนไปรวมตัวกันที่หน้า บช.น. เพื่อกดดันให้ตำรวจส่งตัว พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.ว่าที่ ผบช.น.ลงมาเจรจา ว่า เป็นผู้สั่งการให้ตำรวจใช้กำลังกับประชาชนหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ตำรวจไม่ยอมลงมาเจรจา ในขณะที่ประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนนับหมื่นคน และปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาลไว้ทุกด้าน
ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา
ต่อมา เมื่อตำรวจถูกกลุ่มพันธมิตรฯจำนวนนับหมื่นคนกดดันอย่างหนัก ตำรวจจึงตัดสินใจ ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน จนกลุ่มพันธมิตรฯ พากันแตกกระเจิง เบื้องต้นมีผู้ล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บ และรถพยาบาลก็วิ่งเข้ามารับผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรามธิบดีทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจจะยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน 4-5 นัด แต่กลุ่มพันธมิตรฯที่แตกกระเจิงไป ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จากนั้นเดินแถวหน้ากระดานเข้าไปยังหน้า บช.น.อีก และในที่สุด ก็ถูกตำรวจยิงแก๊สเข้าใส่อีกชุดใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 20 นัด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี
นพ.ชัยวัฒน์ เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการวิทยาลัยการแพทย์กรุงเทพมหานคร วชิระพยาบาล เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บและเข้ารับการรักษาตัวที่รพ.วิชระ 18 ราย โดยอาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา รวมทั้งมีการปวดแสบปวดร้อนจากแก๊สน้ำตา และมีบาดแผลถลอกเล็กน้อยตามลำตัว
เวลา 19.45 น.กลุ่มพันธมิตรฯได้พากันถอนกำลังออกจากบริเวณหน้า บช.น.โดยนายศิริชัย ไม้งาม ขึ้นประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบว่า บช.น.ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา เป้าหมายหลักของเราอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นพากันสลายตัว และเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ ทำเนียบรัฐบาล
โยนมือที่สามยิงแก๊สน้ำตา
เวลา 20.00 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า ตำรวจจะต้องรักษาฐานที่ตั้ง ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน จึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้ามาได้แม้แต่คนเดียว ซึ่งกำลังตำรวจที่อยู่ใน บช.น.เป็นเพียงกำลังรักษาสถานที่เท่านั้น ไม่มีกองกำลังสนับสนุนเสริมอยู่ใน บช.น.
ส่วนการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ นั้น พล.ต.ต.สุพร ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะเป็นการสร้างสถานการณ์จากมือที่สามหรือไม่ตนไม่ทราบ นอกจากนี้ได้มีคำสั่งให้ตำรวจที่พักอยู่แยกนางเลิ้ง และภายในศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี ได้ถอนกำลังออกมาแล้ว โดยสาเหตุที่ไปพักตรงนั้น เพราะ บช.น.มีที่พักไม่เพียงพอ จึงอาจทำให้สร้างความไม่พอใจต่อผู้ชุมนุม จึงให้ถอนกำลังออกมา อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะทำทุกวิถีทาง ที่จะผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกไป โดยจะใช้ความรุนแรง
"โกวิท"บอกไม่มีอะไร
เวลา 20.28 น.หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่พันธมิตร พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้เดินทางกลาบเข้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง และเมื่อมาถึง ผู้สื่อข่าวได้กรูกันเข้าไปสอบถามถึงเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรมาชุมนุมที่หน้า บช.น.แต่ถูกตำรวจยิงแก๊งน้ำตาใส่จำนวนหลายลูกเพียงสั้นๆว่า "เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรนะ เราคนไทยด้วยกัน บ้านเมืองต้องไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะอดทนจนถึงที่สุด" จากนั้น พล.ต.อ.โกวิท ได้เดินขึ้นไปประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. และนายตำรวจระดับสูงต่อไป
วันที่ 26 ส.ค. 51
เวลา ประมาณ 05.30 น.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปฎิบัติการดาวกระจายขั้นเด็ดขาดบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และยึดสถานที่ราชการสำคัญ ได้สำเร็จ
เวลา 15.10 น.นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวที่กองทัพไทย แต่งตั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย โดยมอบอำนาจเต็มให้เดินหน้าปราบพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ โดยมอบดาบให้ปฏิบัติหน้าที่สั่งราชการงานตำรวจ ในการปฏิบัติงานของตำรวจทั้งหมด และราชการมหาดไทยที่รับผิดชอบอยู่ ให้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาพปกติ
เวลา 15.40 น. พล.ต.อ.โกวิท เรียก นายตำรวจระดับสูง และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ประชุมที่ห้องปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการรบตลอด 24 ชั่วโมง
เวลา 16.20 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าวว่า ให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลภายใน
18.00 น.หากไม่ปฎิบัติตามจะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
เวลา 17.45 น.ตำรวจสันติบาล ได้ส่งตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ ใส่เสื้อเหลืองจำนวน 200 นาย เข้าปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล ถึงขั้นที่ผู้กำกับฯสันติบาล ปลอมตัวเป็นคนเก็บขยะ
วันที่ 27 ส.ค. 51
เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.โกวิท แถลงหลังประชุมกับตำรวจที่ศูนย์นครบาล โดยเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างว่าตนเองและพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายจาก นายสมัคร สุนทรเวช ให้ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยย้ำว่าการยึดทำเนียบ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญาอย่างสูง เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ราชการสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยยกหมายวันที่ 30 ส.ค.51 รัฐบาลมีพิธีพระราชทานธงสัญลักษณ์ ในงานจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี โดยจะมีพระราชพิธีที่สำคัญ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้ทำเนียบ
วันที่ 28 ส.ค. 51
เวลา 09.45 น. พล.ต.อ.โกวิท ประชุมประเมินสถานการณ์ โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนประชุม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงกางเต้นท์อยู่ภายในทำเนียบฯ ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร โดย พล.ต.อ.โกวิท ตอบว่า “เลอะ เลอะ ไม่เป็นไร คนไทยด้วยกัน ตำรวจมีวิธีจัดการ เดี๋ยวคอยดู”
เวลา 14.00 น.พล.ต.อ.โกวิท ประชุมประเมินสถานการณ์ หลังประชุมเสร็จ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง แถลงขอให้พันธมิตรฯออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยใช้หมายจับและคำสั่งศาลแพ่งที่คุ้มชั่วคราว ขับไล่พันธมิตรฯออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีผลทันที
วันที่ 29 ส.ค.51
พล.ต.อ.โกวิท ประชุมที่ศูนย์บัญชาการนครบาล เวลา 09.30 น.มอบหมาย นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รมว.มหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้รับแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนโจทก์ ถึงเรื่องการนำประกาศจากศาลแพ่งที่สั่งคุ้มครองชั่วคราว ไปปิดประกาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยจะนำไปปิดทั้งหมดรวม 5 จุด ประกอบด้วย สะพานมรุยเชฐ สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกสวนมิสกวัน ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานอรทัย
เวลา 10.00 น.เจ้าพนักงานบังคับคดี กองกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือ ออกปิดหมายศาล
เวลา 10.15 น.ปฎิบัติการทำร้ายประชาชน รื้อค้นสิ่งของ เต็นท์ และสิ่งกีดขวางออกจากพื้นที่ เกิดขึ้น เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า ภาพป่าเถื่อนปรากฎต่อประชาชนคนไทยทั่วประเทศ และสายตาชาวโลกขณะที่ พล.ต.อ.โกวิท ยังบัญชาการอยู่ที่ศูนย์ นครบาล
เวลา 13.30 น.พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.ตอบคำถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ว่าได้รับสั่งจาก รองนายกรัฐมนตรี