เจ้าพนักงานบังคับคดี เดินทางปิดประกาศคำสั่งศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราวให้พันธมิตรออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีตำรวจคอยรักษาความปลอดภัย “เด็กโกวิท” กร่างปิดประกาศเสร็จ ต้องออกจากทำเนียบทันที พร้อมเตือนใครขวาง ถือว่ากระทำความผิดด้วย
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เวลา 09.30 น. นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผย เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้รับแต่งตั้งโดยศาลแพ่ง ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนโจทก์ ถึงเรื่องการนำประกาศจากศาลแพ่งที่สั่งคุ้มครองชั่วคราว ไปปิดประกาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยจะนำไปปิดทั้งหมดรวม 5 จุด ประกอบด้วย สะพานมรุยเชฐ สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกสวนมิสกวัน ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานอรทัย
โดยการเดินทางไปติดประกาศในครั้งนี้จะมีเจ้าพนักงานบังคับคดีประมาณ 30 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ เพื่อปิดประกาศ ซึ่งแต่ละจุดจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 150 นายคอยรักษาความปลอดภัย นอกจากนั้นจะมีตัวแทนฝ่ายโจทก์ร่วมเดินทางไปด้วย
นายศุภชัย กล่าวว่า หลังจากปิดประกาศแล้วก็จะมีการอ่านประกาศต่อสื่อมวลชน ซึ่งเมื่ออ่านประกาศแล้ว ก็ถือว่าได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอผลอุทธรณ์ต่อศาลของฝ่ายจำเลย หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ต้องรายงานกลับไปที่ศาลเพื่อออกหมายจับต่อไป พร้อมย้ำว่า ไม่เฉพาะแกนนำ 6 คนเท่านั้น แต่ทุกคนจะต้องออกนอกพื้นที่ และเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่ากระทำการขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือฉีกประกาศ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีความผิดด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ภายในกองทัพภาคที่ 1 มีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้พร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เดินทางไปทำการปิดประกาศ และหากกลุ่มผู้ชุมนุมทำการขัดขวาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ มีกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนหนึ่งรวมตัวกันเพื่อวางแนวป้องกันไม่ให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่บังคับคดี นำหมายศาลเข้าไปติดภายในทำเนียบรัฐบาล ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บังคับคดีรวม 30 นาย จะกระจายกันออกปิดคำสั่งศาลบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลรวม 5 จุด โดยแต่ละจุดที่จะไปปิดประกาศ จะมีกำลังตำรวจจุดละ 150 นายคอยคุ้มกัน ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์กันว่า เจ้าหน้าที่จะไม่เข้าไปปิดประกาศภายในทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด
ส่วนที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 2 กองร้อย นำโดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ได้เข้าไปทำการรื้อเต้นส์ขายเสื้อ พร้อมยกจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ออกจากพื้นที่ โดยแจ้งให้รถเข็นที่ขายน้ำอยู่บริเวณดังกล่าวออกจากพื้นที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่บริเวณดังกล่าวต่างเดินเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้ทำการปิดหมายตามบริเวณเสาเต็นท์ รอบสวนแยกมิสกวัน ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยกน้ำที่วางขวางทางออกไปไว้ข้างทาง พร้อมกับพยายามเข็นรถ 6 ล้อของกองทัพธรรม แต่ไม่สามารถเข็นได้ อย่างไรก็ตาม ขณะที่เข้าทำการปิดหมาย ตำรวจได้ใช้รถกระบะ เปิดเสียงเพลงปลุกใจเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา โดยมีพันธมิตรบางส่วนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ต่างประนามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้น
ล่าสุด ตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น. พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง ได้พาเจ้าหน้าที่บังคับคดี เดินทางไปปิดหมายศาลที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยเจ้าหน้าที่บังคับคดีได้ปิดไว้ที่บริเวณเสาไฟฟ้าระหว่างสะพานทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งนี้ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ ได้เจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯที่รักษาการณ์อยู่บริเวณดังกล่าวว่า ตำรวจขอคสวามร่วมมือให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีนำหมายมาปิดประกาศ โดยตำรวจเพียงแค่มาคอยอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีเท่านั้น ขอความร่วมมือให้กลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ในความสงบ และเมื่อเจ้าหน้าที่บังคับคดีปิดหมายเรียบร้อยแล้ว ตำรวจก็จะเดินทางกลับในทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับคดีทำการปิดหมายที่เสาไฟฟ้านั้น กลุ่มพันธมิตรฯได้ทำการตะโกนโห่ร้องเป็นระยะๆ
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ. นำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมเจ้าหน้าที่บังคับคดี ปิดหมายศาล แต่ปรากฏว่า มีเครื่องกีดขวางอยู่ ทง พล.ต.ต.จักรทิพย์ จึงสั่งให้ใช้เครื่องตัดเหล็กตัดเครื่องกีดขวาง
ด้านถนนพิษณุโลก ตั้งแต่ตีนสะพานชมัยมรุเชฐไปจนถึงแยกนางเลิ้ง หน้าสนามม้า ปรากฏว่า มีกำลัง ตชด.ประมาณ 500 นาย และกำลังตำรวจปราบจลาจลกว่า 1,000 นาย เข้าประจำการณ์เตรัยมพร้อมเต็มถนนไปหมด เมื่อผู้สื่อข่างสอบถาม พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น.ได้รับคำตอบว่า กำลังทั้งหมดมีประมาณ 5 กองร้อย และเมื่อถูกถามต่อว่าตำรวจเตรียมกำลังมาเพื่อที่จะสลายกลุ่มพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ ตอบว่า ตำรวจรอคำสั่งเท่านั้น
ด้านนายสิริวัต จันทรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า การดำเนินการวันนี้ได้ขอความช่วยเหลือและขอความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ ตร. ในการนำหมายประกาศของศาลแพ่งไปติดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทราบเรียบร้อยดี โดยขั้นตอนต่อไปต้องรอดูว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปฏิบัติตามหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่ทำตามคำสั่งต้องให้โจทก์มายื่นฟ้องต่อศาล เพื่อให้ศาลออกหมายจับแกนนำและผู้ฝ่าฝืน ย้ำ หากผู้ใดทำมีการทำลายคำสั่งที่ทางเจ้าหน้าที่บังคับคดีนำไปติดจะถือว่ามีความผิด