ผู้นำฝ่ายค้าน รุดดูที่เกิดเหตุประชาชนผู้ชุมนุม ถูกตำรวจฟาดด้วยกระบอก กระทืบจนได้รับบาดเจ็บ โดยสอบถามตำรวจชั้นผู้ใหญ่ กลับโกหกหน้าตาเฉย ว่า ยังไม่เห็นภาพ และได้รับรายงานว่าตำรวจทำร้ายประชาชน
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.18 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปยังบริเวณลานพระบรมมรูปทรงม้า ที่กำลังตำรวจจำนวนมากตรึงกำลังอยู่ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้แสดงตนและขอพบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยระบุว่า เพื่อที่จะสอบถามการที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่บังคับคดีเข้าไปปิดหมายศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เดินเข้าไปบริเวณที่ตำรวจปิดกั้นอยู่ กลุ่มประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ได้พากันกรูตามนายอภิสิทธิ์เข้าไป จนตำรวจต้องมากั้นฝูงชนไว้อีกครั้ง
เบื้องต้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้ เพื่อต้องการมาดูว่า คำสั่งศาลออกมาอย่างไร ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปฏิบัติต่อประชาชนเช่นนี้ ทั้งนี้ อยากจะขอพบผู้บังคับบัญชาของตำรวจ เพราะทราบข่าวว่า มีประชาชนถูกตำรวจทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ต่อมา พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.ออกมาพบ นายอภิสิทธิ์ และพูดคุยกันประมาณ 30 นาที โดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ ได้นำหมายศาลให้ นายอภิสิทธิ์ ดู ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถาม พล.ต.ต.เอกรัตน์ ว่า เข้าใจและเห็นใจการทำงานของตำรวจ แต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใด ตำรวจจึงใช้กำลังรื้อเต็นท์และเวทีของพันธมิตรฯ จึงอยากทราบว่า ตำรวจใช้อำนาจอะไร และฟังคำสั่งจากใคร การที่ตำรวจทำเช่นนี้ จะทำให้เกิดการปะทะกันจนเรื่องบานปลาย อยากให้ตำรวจได้ตรวจสอบภาพที่ตำรวจเข้าทำร้ายประชาชน โดยการใช้กระบอกทำร้ายผู้ชุมนุม
เมื่อ นายอภิสิทธิ์ สอบถามถึงตรงนี้ พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวอ้างหน้าตาเฉยว่า ตำรวจยังไม่เห็นภาพ และยังไม่ได้รับรายงานในกรณีที่ตำรวจทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์จึงกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ตำรวจได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตำรวจได้มาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีแล้ว ถือว่าการทำหน้าที่ได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในคำสั่งศาลระบุไว้ว่า จะให้เวลากับผู้ชุมนุม 2 ชั่วโมง ในการย้ายสิ่งของและบุคคลออกนอกทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตำรวจจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของ แต่ไม่สามารถเปิดเส้นทางจราจรได้ แม้จะรื้อสิ่งของออก เพราะยังไม่ได้รื้อเต็นท์ออกหมด
ต่อมามีประชาชนเข้าร้องเรียนกับนายอภิสิทธิ์ ว่า ตำรวจไม่ยอมให้เข้าไป ซึ่งนายอภิสิทธิ์รับปากว่า จะพูดคุยกับตำรวจให้ ว่าเพราะเหตุใดตำรวจถึงไม่ให้ประชาชนเข้าไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ได้เห็นเหตุการณ์ที่ประชาชนถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และรถพยาบาลไม่สามารถเข้าไปได้ ขณะนี้ได้ขอความร่วมมือกับตำรวจให้ประสานรถพยาบาลเข้าไปรับผู้บาดเจ็บ ซึ่งจากนี้ไป จะไปสอบถามยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ถึงระดับนโยบายที่บช.น.ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าคืออะไร และคำสั่งของศาลจริงๆ เป็นเช่นใด
“ผมได้เคยแถลงไปแล้วว่า เมื่อไหร่ที่ประชาชนได้รับบาดเจ็บ ผมก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง อยากจะบอกว่า สิ่งที่ตำรวจปฏิบัติเมื่อเช้า ไม่ได้ช่วยแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ผมได้พูดคุยกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่พูดว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลเท่านั้น อีกทั้งก็ยังไม่บอกเหตุผลที่ชัดเจนว่า ทำไมถึงกระทำไป อยากฝากให้นายกรัฐมนตรีใส่ใจว่า ต้องไม่ให้มีพี่น้องคนไทยคนใดคนหนึ่ง ได้รับการสูญเสีย อยากให้ช่วยทำตามที่พูดไว้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เวลา 14.35 น.พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.เปิดเผยหลังเดินทางตรวจสอบมีด และไม้กอล์ฟ ซึ่งตำรวจยึดได้จากเต้นของกลุ่มพันธมิตร โดยที่ตำรวจกล่าวหาว่า กลุ่มผู้ชุมนุม ใช้เป็นอาวุธ ว่าจะทำบัญชาของที่ยึดได้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนแกนนำซึ่งถูกหมายบังคับคดี และขณะนี้ ยังไม่ออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยยังขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่บังคับคดี กำลังดำเนินการขอหมายจับจากศาลแพ่ง เพื่อบังคับจับกุมฐานขัดขืนคำสั่งศาล
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ให้สัมภาษณ์โดยยืนยันอยู่เสมอว่า ตำรวจทำตามกฎหมาย ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยไม่ได้คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน
เวลา 14.50 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานมาจนถึงแยกมิสกัน ประชาชนพันธมิตรฯ สามารถเข้ายึดพื้นที่คืนได้หมดแล้ว ในขณะที่บริเวณลานพระบรมรูปฯ ตำรวจพากันเผ่นไปหมดแล้ว ประชาชนจึงเดินทางมุ่งหน้าไปสู่ทำเนียบฯรัฐบาลได้โดยสะดวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.20น. ทุกแนวป้องกันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ถูกประชาชนพันธมิตรฯตีโอบและยึดพื้นที่คืนไว้ได้หมดแล้ว โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ถอยรนเดินกลับ พันะมิตรก็ได้ปรบมือให้เจ้าหน้าที่ด้วยยกเว้นพื้นที่ประตู 5 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หลายร้อยนายในเขตทำเนียบรัฐบาลตรงบริเวณตึกแดง ขณะทีพันธมิตรฯ ได้อออยู่ด้านนอกหน้าประตู 5 โดยมีนายพิชิต ชัยมงคล โฆษกเวทีพันธมิตรฯ คอยควบคุมผ่านรถเครื่องขยายเสียง
เมื่อเวลา 15.30น. ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้เปิดประตู5ทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว พร้อมกับเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตชด. 8กองร้อย และนครบาล 4 กองร้อย พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ เดินออกจากทำเนียบฯ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 12กองร้อย ได้เดินเป็นแนวหน้ากระดานเรียงห้า ออกไปทางแยกมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายที่ได้เข้ามาสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ควบคุมพันธมิตรฯ ได้ประกาศผ่านเครื่องเสียงโดยย้ำไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้ายหรือด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างปรบมือให้ตำรวจเหล่านั้น
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.18 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปยังบริเวณลานพระบรมมรูปทรงม้า ที่กำลังตำรวจจำนวนมากตรึงกำลังอยู่ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้แสดงตนและขอพบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยระบุว่า เพื่อที่จะสอบถามการที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่บังคับคดีเข้าไปปิดหมายศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เดินเข้าไปบริเวณที่ตำรวจปิดกั้นอยู่ กลุ่มประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ได้พากันกรูตามนายอภิสิทธิ์เข้าไป จนตำรวจต้องมากั้นฝูงชนไว้อีกครั้ง
เบื้องต้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้ เพื่อต้องการมาดูว่า คำสั่งศาลออกมาอย่างไร ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปฏิบัติต่อประชาชนเช่นนี้ ทั้งนี้ อยากจะขอพบผู้บังคับบัญชาของตำรวจ เพราะทราบข่าวว่า มีประชาชนถูกตำรวจทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ต่อมา พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.ออกมาพบ นายอภิสิทธิ์ และพูดคุยกันประมาณ 30 นาที โดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ ได้นำหมายศาลให้ นายอภิสิทธิ์ ดู ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถาม พล.ต.ต.เอกรัตน์ ว่า เข้าใจและเห็นใจการทำงานของตำรวจ แต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใด ตำรวจจึงใช้กำลังรื้อเต็นท์และเวทีของพันธมิตรฯ จึงอยากทราบว่า ตำรวจใช้อำนาจอะไร และฟังคำสั่งจากใคร การที่ตำรวจทำเช่นนี้ จะทำให้เกิดการปะทะกันจนเรื่องบานปลาย อยากให้ตำรวจได้ตรวจสอบภาพที่ตำรวจเข้าทำร้ายประชาชน โดยการใช้กระบอกทำร้ายผู้ชุมนุม
เมื่อ นายอภิสิทธิ์ สอบถามถึงตรงนี้ พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวอ้างหน้าตาเฉยว่า ตำรวจยังไม่เห็นภาพ และยังไม่ได้รับรายงานในกรณีที่ตำรวจทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์จึงกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ตำรวจได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตำรวจได้มาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีแล้ว ถือว่าการทำหน้าที่ได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในคำสั่งศาลระบุไว้ว่า จะให้เวลากับผู้ชุมนุม 2 ชั่วโมง ในการย้ายสิ่งของและบุคคลออกนอกทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตำรวจจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของ แต่ไม่สามารถเปิดเส้นทางจราจรได้ แม้จะรื้อสิ่งของออก เพราะยังไม่ได้รื้อเต็นท์ออกหมด
ต่อมามีประชาชนเข้าร้องเรียนกับนายอภิสิทธิ์ ว่า ตำรวจไม่ยอมให้เข้าไป ซึ่งนายอภิสิทธิ์รับปากว่า จะพูดคุยกับตำรวจให้ ว่าเพราะเหตุใดตำรวจถึงไม่ให้ประชาชนเข้าไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ได้เห็นเหตุการณ์ที่ประชาชนถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และรถพยาบาลไม่สามารถเข้าไปได้ ขณะนี้ได้ขอความร่วมมือกับตำรวจให้ประสานรถพยาบาลเข้าไปรับผู้บาดเจ็บ ซึ่งจากนี้ไป จะไปสอบถามยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ถึงระดับนโยบายที่บช.น.ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าคืออะไร และคำสั่งของศาลจริงๆ เป็นเช่นใด
“ผมได้เคยแถลงไปแล้วว่า เมื่อไหร่ที่ประชาชนได้รับบาดเจ็บ ผมก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง อยากจะบอกว่า สิ่งที่ตำรวจปฏิบัติเมื่อเช้า ไม่ได้ช่วยแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ผมได้พูดคุยกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่พูดว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลเท่านั้น อีกทั้งก็ยังไม่บอกเหตุผลที่ชัดเจนว่า ทำไมถึงกระทำไป อยากฝากให้นายกรัฐมนตรีใส่ใจว่า ต้องไม่ให้มีพี่น้องคนไทยคนใดคนหนึ่ง ได้รับการสูญเสีย อยากให้ช่วยทำตามที่พูดไว้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เวลา 14.35 น.พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.เปิดเผยหลังเดินทางตรวจสอบมีด และไม้กอล์ฟ ซึ่งตำรวจยึดได้จากเต้นของกลุ่มพันธมิตร โดยที่ตำรวจกล่าวหาว่า กลุ่มผู้ชุมนุม ใช้เป็นอาวุธ ว่าจะทำบัญชาของที่ยึดได้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนแกนนำซึ่งถูกหมายบังคับคดี และขณะนี้ ยังไม่ออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยยังขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่บังคับคดี กำลังดำเนินการขอหมายจับจากศาลแพ่ง เพื่อบังคับจับกุมฐานขัดขืนคำสั่งศาล
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ให้สัมภาษณ์โดยยืนยันอยู่เสมอว่า ตำรวจทำตามกฎหมาย ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยไม่ได้คิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน
เวลา 14.50 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานมาจนถึงแยกมิสกัน ประชาชนพันธมิตรฯ สามารถเข้ายึดพื้นที่คืนได้หมดแล้ว ในขณะที่บริเวณลานพระบรมรูปฯ ตำรวจพากันเผ่นไปหมดแล้ว ประชาชนจึงเดินทางมุ่งหน้าไปสู่ทำเนียบฯรัฐบาลได้โดยสะดวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.20น. ทุกแนวป้องกันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ถูกประชาชนพันธมิตรฯตีโอบและยึดพื้นที่คืนไว้ได้หมดแล้ว โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ถอยรนเดินกลับ พันะมิตรก็ได้ปรบมือให้เจ้าหน้าที่ด้วยยกเว้นพื้นที่ประตู 5 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หลายร้อยนายในเขตทำเนียบรัฐบาลตรงบริเวณตึกแดง ขณะทีพันธมิตรฯ ได้อออยู่ด้านนอกหน้าประตู 5 โดยมีนายพิชิต ชัยมงคล โฆษกเวทีพันธมิตรฯ คอยควบคุมผ่านรถเครื่องขยายเสียง
เมื่อเวลา 15.30น. ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้เปิดประตู5ทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว พร้อมกับเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตชด. 8กองร้อย และนครบาล 4 กองร้อย พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ เดินออกจากทำเนียบฯ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 12กองร้อย ได้เดินเป็นแนวหน้ากระดานเรียงห้า ออกไปทางแยกมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายที่ได้เข้ามาสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ควบคุมพันธมิตรฯ ได้ประกาศผ่านเครื่องเสียงโดยย้ำไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้ายหรือด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างปรบมือให้ตำรวจเหล่านั้น