ผู้สื่อข่าวรายงานว่าถึงบรรยากาศที่รัฐสภา วานนี้ (7 ต.ค.) ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา และระเบิดเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมรอบรัฐสภา เพื่อเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมการแถลงนโยบายของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น. โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งหลังจากสามารถสลายการชุมนุมทางด้านถนนราชวิถีได้เมื่อเวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดโซ่ที่ประตูทางเข้ารัฐสภาด้านถนนราชวิถี เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.ได้เข้าร่วมประชุมรัฐสภา
จนเมื่อเวลา 07.00 น.ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนต่างทยอย เดินทางมายังรัฐสภา อาทิ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชศรีมา นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ นายวิทยา บูรณะศิริ ส.ส.อยุธยาและประธานวิปรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังอย่างหนาแน่นหลายร้อยคนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้สมาชิกรัฐสภา
ปธ.วิปรัฐไม่สนดันประชุมให้ได้
นายวิทยา กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้เดินทางมาดู เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาในเรื่ององค์ประชุม จึงได้มีการนัดวิป 3 ฝ่ายคือรัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสภามาหารือในเวลา 08.30 น.เพราะต้องการเสียง 311 เสียง เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาได้ เพราะเชื่อว่าในการแถลงนโยบายของรัฐบาล คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะไม่ต้องมีการลงมติ
ขณะที่พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา สลายการชุมนุมนั้นถือว่าได้ทำตามหน้าที่และถูกต้องแล้ว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะการยิงแก๊สน้ำตาทั่วโลกเขาก็ทำกันในการสลายฝูงชน การประชุมร่วมรัฐสภา ไม่สามารถเลื่อนได้ ส่วนการที่พันธมิตรฯมาปิดรัฐสภาถือว่าไม่ถูกต้องเพราะสภาฯเป็นสถานที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
ด้านพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯคนที่สอง กล่าวว่า การประชุมยังคงมีต่อไป แต่จะเป็นการประชุมที่สั้นคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง เนื่องจาก ไฟสำรองสามารถใช้ได้แค่เพียง 7 ชั่วโมงโดยจะประสานทาง กฟผ.ให้นำรถปั่นไฟมา ทั้งนี้ขอความกรุณากลุ่มพันธมิตรฯได้เปิดทางให้ตัวแทนประชาชนคือส.ส.และส.ว.ได้ทำหน้าที่ตัวเองด้วย ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด จึงขอให้เคารพกฎหมายและหน้าที่ซึ่งกันและกัน
นายไชยยา พรหมมา ส.ส.หนองบังลำภู พรรคพลังประชาชน แกนนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า หากบรรยากาศประทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มพันธมิตรฯยังเป็นอย่างนี้อยู่และแนวโน้วรุนแรงขึ้นประธานสภาฯจะต้องเลื่อนการประชุมออกไป โดยสามารถทำได้เลย โดยใช้การแจ้งผ่านสื่อมวลชนหรือส่งเอสเอ็มเอสได้ ซึ่งขณะนี้ส.ส.หลายคนเห็นด้วย
40ส.ว.คอยคอตไม่ร่วมประชุมรัฐสภา
ขณะเดียวกัน กลุ่ม 40 ส.ว. ได้เข้าร่วมประชุมกันที่โรงแรมสวนดุสิตเพลส ก่อนออกมาประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภาเพื่อฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล ท่ามกลาง การเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ใช้กำลังในการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จนมีปผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ต่อรัฐบาล ดังนี้
1.ให้ตำรวจอย่าใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งการใช้ความรุนแรงนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ผิดกฎหมายอาญา และกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2.รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการดำเนินคดีกับตำรวจที่ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3.ขอให้รัฐบาลคืนอำนาจให้กับประชาชน ด้วยการยุบสภา เมื่อไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาใช้ความรุนแรงได้ ทั้งนี้ 40 ส.ว.นั้นจะทำหนังสือยื่นต่อองค์การสหประชาชาชาติ หรือ ยูเอ็นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จ กลุ่ม ส.ว.ดังกล่าวได้เดินทางไปเยี่ยม ผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ส.ว.คงเข้าประชุมสภาฯไม่ได้เพราะเห็นภาพว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมเพื่อปูเส้นทางให้ ส.ส.-ส.ว.เข้าประชุมสภาเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ควรทึ่จะเข้าไปเปิดทางเจรจา เหมือนหลักที่เคยปฏิบัติกับผู้ชุมนุมทั่วไป
เสียใจมากที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าไปและใช้แก๊สที่เป็นระเบิดขว้างปา เข้าไปเหมือนผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย ส.ว.กว่า 40 คน ถามว่ารัฐบาลได้ใช้กฎหมายอะไร
ชูศักดิ์อ้างตำรวจละมุนละม่อม
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณรัฐสภา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ภายในบ้านพัก หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถนนแจ้งวัฒนะ บรรยากาศรอบๆ บ้านเงียบสงบ ประตูบ้านหน้าบ้านด้านใน และประตูรั้วด้านนอก ปิดตลอด โดยมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นายดูแลความปลอดภัย
จากนั้นเวลา 08.10 น. นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทาง เข้าไปยังบ้านนายกฯ โดยให้สัมภาษณ์ว่า การสลายการชุมนุมเป็นเรื่องของ ตำรวจ คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่ดำเนินการบางสิ่งบางอย่างตามบทบัญญัติของกฎหมาย เราก็ประชุมไม่ได้ ก็ต้องไปหาที่ประชุมใหม่ เลยเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด ปัญหาบ้านเมืองก็เกิดขึ้น เช่นจะต้องตีความว่าถ้าเลยเวลา 15 วันแล้วอะไรจะเกิดขึ้นชาติบ้านเมืองก็จะไปไม่รอด ก็จำเป็นต้องประชุม ส่วน ส.ว.บางส่วน ท่านจะยังไงก็สุดแต่ แต่ถ้าให้บ้านเมืองไปได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญเป็นได้
เผยมติครม.อย่างไงก็ต้องประชุม
นายชูศักดิ์ กล่าวว่าในการประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค. ทุกคนเห็นตรงกันว่ามันจำเป็นต้องมีการประชุม เมื่อคืนก็คุยเหมือนกันว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ซึ่งตนก็มองว่าต้องดูที่สถานการณ์ ถ้ายังไงเสียถ้าประชุมได้ก็ต้องประชุม ไม่อย่างนั้นมันก็จะบานปลายไปเรื่อย เดี๋ยวต้องไปที่นั่นที่นี่ ถ้าอย่างนี้บ้านเมืองก็ไม่รอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเตรียมแผนรับมือหรือยังเพราะสถานการณ์อาจบานปลาย ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ บ้านเมือง ฝ่ายตำรวจต้องดำเนินการ ผมว่าเขาดำเนินการอย่างละมุนละม่อมตามกฎหมาย
สมชายไม่ได้เป็นห่วงอะไร
ต่อข้อถามว่าจนถึงขณะนี้ได้มีการคุยกับนายกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว หรือยัง เลขาฯ กล่าวว่า ก็คุยบ้าง แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่านายกห่วงอะไร หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ไม่ จากนั้นนายชูศักดิ์ได้เดินเข้าบ้านของนายสมชายทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ด้านหน้ารัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้า ปรากฏว่าที่หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ตั้งแต่หน้าหมู่บ้านและบริเวณหน้าบ้านพักของนายสมชายมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่และจากตำรวจนครบาล 2 มารักษาความปลอดภัยกว่า 30 นาย
สมชายเครียดร่วมประชุมรัฐสภา
กระทั่งเวลา 09.20 น.นายสมชายเดินทางออกจากบ้านพักถึงรัฐสภาในเวลา 09.45 น. โดยนายกฯเข้ามาทางประตูด้านข้าง ถนนราชวิถี ซึ่งเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่ ไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่รถของนายกฯจอดบริเวณด้านล่างอาคารประชุมรัฐสภา กลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศเกือบ 100 คน กรูเข้าไปประชิดตัวรถจนเกิดการชุลมุนวุ่นวาย ทำให้ตำรวจติดตามรักษาความปลอดภัยนายกฯกว่า 10 นาย ต้องพยายามเคลียร์พื้นที่อย่างหนักเพื่อให้นายกฯลงจากรถได้ บางคนต้องตะโกนเสียงดังลั่นขอให้สื่อมวลชนเปิดทาง แต่ก็ไม่สำเร็จ นายสมชายจึงตัดสินใจ ลงจากรถ เดินเข้าไปยังรัฐสภาท่ามกลางการอารักขาจากทีมงานที่ประสานมือล้อมตัวนายกฯไว้เป็นรูปวงกลม ทั้งนี้นายสมชายโดยมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดและไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวแม้แต่คำเดียว จนสามารถแหวกวงล้อมกองทัพสื่อเข้าไปแถลงนโยบายได้ในที่สุด
ปชป.มีมติไม่ร่วมประชุมรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุม ส.ส.ของพรรคเป็นการเร่งด่วน เพื่อหารือถึงการกำหนดท่าทีว่าจะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาที่จะมีการแถลงนโยบายโดยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือไม่ ภายหลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ด้านหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทองใน เมื่อเช้าตรู่วันนี้(7 ต.ค.) โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีส.ส.เสนอว่าพรรคควรเข้าร่วมการประชุมรัฐสภา เพื่ออภิปรายนโยบายของรัฐบาลแล้ววอล์กเอาท์ ขณะที่มีผู้เสนอว่า ไม่ควรเข้าร่วมประชุมเลย ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าจุดยืนของพรรคตั้งแต่ต้นคือถ้ารัฐบาลทำร้ายประชาชน พรรคจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลด้วย หรือถ้าส.ส.คนใด เข้าร่วมประชุมรัฐสภา จะเป็นการการันตีให้รัฐบาลและหาความชอบธรรมให้การประชุมรัฐสภา นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่าเวลานี้รัฐบาลไม่ได้ยึดกฎกติกาของบ้านเมือง แต่ใช้ความรุนแรง จึงรับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ในท้ายที่สุด ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าไม่ควรเข้าไปร่วใมสังฆกรรมกับรัฐบาล เพราะพรรคจะหาคำตอบอะไรไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการประเมินว่ารัฐบาลจะประกาศยุบสภาหรือสถานการณ์จะลุกลามบานปลายเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ซัดเดินผ่านกองเลือดเพื่ออำนาจตัวเอง
ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า จากการที่ประธานรัฐสภาได้นัดประชุมรัฐสภาเพื่อให้มีการแถลงนโยบายรัฐบาล พรรคก็ได้เตรียมตัวการอภิปรายอย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือตามกระบวนการรัฐสภาด้วยความสำนึกมาตลอด แต่ก่อนการประชุมดังกล่าว ได้มีการชุมนุมของประชาชนที่หน้ารัฐสภาและมีการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งการที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจสลายการชมนุมไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิด แต่การจะสลายการชุมนุม หรือไม่นั้นต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าแต่การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 40 คน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียอย่างชัดเจน และที่น่าเสียใจที่สุดคือยังไม่ได้ยินบุคคลสำคัญในรัฐบาลหรือประมุขของสภา ออกมาแสดงความห่วงใยหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการกระทำดังกล่าวสมควรและใช้วิธีการที่เหมาะสมหรือไม่ แต่กลับได้ยินบุคคลในระดับผู้นำยืนยันที่จะแถลงนโยบายให้สำเร็จและยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินอย่างละมุมละม่อมแล้วโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏออกมาให้ประชาชนได้เห็นทั้งประเทศ
ท่าทีขอรัฐบาลเช่นนี้ไม่ใช่ท่าทีของคนที่มีสำนึกของคนที่เป็นผู้แทน ปวงชนชาวไทย คิดแต่เพียงว่าได้คะแนนจากประชาชนแล้วก็ มุ่งเอาแต่อำนาจ แม้ว่าจะต้องให้ผู้แทนปวงชนชาวไทยเดินผ่านกองเลือดเข้าไปเพื่อให้ตัวเองได้ใช้อำนาจต่อก็จะทำ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์รับท่าทีเช่นนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าประชาชนมีอำนาจตลอดเวลา ไม่ใช่เฉพาะวันที่ไปลงคะแนนแล้วกลายเป็นเครื่องมือของคนที่เข้าไปแสวงหาอำนาจ แม้จะทำให้ประชาชนต้องสูญเสีย ดังนั้น ในการประชุมพรรควันนี้ ส.ส.ทั้งหมดจึงตัดสินใจไม่เข้าไปร่วมการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะไม่มีความชอบธรรมที่จะผลักดันให้กระบวนการนี้เดินต่อไปในขณะนี้
ลั่นไม่ร่วมเจรจา4ฝ่ายอีกแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในฐานะที่ตนได้รับเชิญจากนายชัยให้เข้าร่วม การเจรจา 4 ฝ่ายเพื่อหาทางออกให้ประเทศด้วยการสร้างความปรองดอง ตนยืนยันว่า ท่าทีของรัฐบาลที่แสดงออกเมื่อเช้านี้ทำให้เห็นว่ายังไม่สมควรที่จะเดินหน้าเจรจาต่อไป จนกว่ารัฐบาลจะทบทวน และสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำเมื่อเช้านี้ทั้งหมด ซึ่งเราเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำไปเพราะได้รับนโยบายอย่างชัดเจนจากบุคคลระดับสูงในรัฐบาลที่ต้องการเห็นความรุนแรง
ที่ผ่านมา ผมให้ความร่วมมือกับนายกฯและประธานสภาฯมาตลอด เพราะเชื่อในเกียรติที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง แต่หลายเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผมเห็นว่าท่านไม่ได้รักษากียรติของท่านที่ตนและหลายๆ คนพยายามเชื่อ วันนี้บ้านเมืองวิกฤตอยู่แล้ว แต่ต้องการหาความถูกต้องและความปรองดองสมานฉันท์ สิ่งสำคัญที่สุดคือความจริงใจ เราไม่ต้องการเห็นคนหน้าไหว้หลังหลอกหรือ คนหน้าเนื้อใจเสือ วันนี้ต้องมาพูดกันบนความเป็นจริง พรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้าง ให้โอกาสมาตลอด แต่หลายเหตุการณ์บ่งบอกว่าการเจรจาของฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ อยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ เมื่อวานนี้ นายกฯบอกว่าจะเจรจากับพันธมิตรฯ แต่ผมยังไม่เห็นสัญญาณการเจรจาใดๆจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เมื่อเช้านี้
จี้นายกฯค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา นายกฯบอกกับตนว่าจะไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นพ.เหวง โตจิราการ แต่ท่านไม่ออกมาให้ข่าว ตามที่พูดในที่ประชุม แต่ไม่เป็นอะไรที่นายกฯไม่แสดงความจริงใจกับตน แต่อยากเตือนว่า นายกฯไม่สามารถหลอกลวงประชาชนไปได้ตลอด อีกทั้งท่าทีและพฤติกรรมของนายกฯไม่ได้แสดงถึงความห่วงใยและความปลอดภัยของประชาชน จนกว่ารัฐบาลจะค้นหาความจริงและทบทวนในเรื่องนี้ รวมถึงแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ในการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลของนายสมชายในการแถลงจุดยืนของรัฐบาลได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังวชิรพยาบาลและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อเยี่ยมประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
เติ้งหนุนตำรวจทำถูกต้องแล้ว
ต่อมาเวลา 09.20 น.นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางมายังรัฐสภา พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มพันธมิตรฯมาปิดล้อมรัฐสภา ถือว่าไม่ถูกต้อง ต้องให้โอกาสรัฐบาลแถลงนโยบายก่อนเพื่อให้รัฐบาล เดินหน้าทำงานไปได้ ส่วนตัวทนไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้และตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์รุนแรงกว่านี้
ส่วนพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯจะทำหน้าที่ประสานกับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่าก็ต้องปล่อยให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเจรจาต่อไป หากดำเนินการได้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่บานปลาย เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่าไม่เกิน เพราะเป็นมติสภาฯ พันธมิตรฯยึดแค่ทำเนียบฯก็พอทำไมต้องมายึดสภาฯ ถือว่าทำไม่ถูกต้องไม่งั้นประเทศไทยก็ต้องถูกยึดทั้งหมด จะเอาอย่างนั้นหรือเปล่า สภาฯจะต้องเปิดเพื่อให้เป็น เวทีสาธารณะให้พูดจากันค่อยเป็นค่อยไป แต่ตอนนี้ให้รัฐบาลแถลงนโยบายก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหากับประเทศชาติ ประเทศก็จะล่มจม เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ ต่อไปจะเอาอย่างไรก็ค่อยมาว่ากันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯจะปักหลักชุมนุมที่สภาฯจะทำอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่าก็ต้องทำความเข้าใจกัน เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมประชุม นายบรรหารกล่าววว่า ตนตอบไมได้แต่อยากให้เห็นแก่บ้านเมืองหน่อย โดยเฉพาะสื่อขอให้เห็นแก่บ้านเมือง อยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนั้นหรือ แต่ตนทนไม่ได้ เกิดมาในชีวิตตนไม่เคยเจออย่างนี้เลย บอกตามตรงต้องยอมกันบ้าง ยึดทำเนียบฯ ก็ยึดไปไม่ได้ว่าอะไร ยึดสภาไม่ได้ พันธมิตรฯทำไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าวันนี้รัฐบาลจะแถลงนโยบายบาย และหากฝ่ายค้านและส.ว.ไม่เข้าร่วมรัฐสภาก็ต้องรับผิดชอบ แต่ไม่เข้าสภาฯก็ประชุมได้
เสธ.หนั่นไม่เชื่อผู้ชุมนุมขาขาด
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่มาประชุมสภาฯวันนี้ เพราะต้องการดูสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมแถลง นโยบายหรือไม่นั้นก็ต้องดูว่าองค์ประชุมครบหรือไม่ถ้าครบก็ประชุมได้ และจะมีการหารือกับประธานสภาฯอีกครั้ง ส่วนส.ส.พรรคชาติไทยก็มาประชุมตามปกติทั้งนี้หากรัฐบาลไม่แถลงนโยบายก็ไม่สามารถทำงานได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ความรุนแรงทำให้มีผู้บาดเจ็บถึงขั้นขาขาด พล.ต.สนั่น กล่าวว่าหากใช้แก๊สน้ำตาทำไมจะเจ็บขนาดนั้น เมื่อถามต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุม ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่าไม่ทราบต้องถามเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ปธ.วุฒิฯน้ำตาคลอบอกไม่ควรประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.10 น.นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้เชิญสมาชิกวุฒิสภา ได้หารือที่ห้องรับรองพิเศษ โดยให้สัมภาษณ์ ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ในวันนี้ไม่น่าจะมีการประชุมได้ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก และคิดว่าคงไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรแถลงนโยบาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์จะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน นายประสพสุข กล่าวว่า ก็เริ่มรุนแรงขึ้นแล้ว ซึ่งการจับ 2 แกนนำพันธมิตรก็เป็นชนวนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์ รุนแรง แต่รัฐบาลก็กำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่
ผมคิดว่าน่าจะเลื่อนการประชุมออกไปก่อน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลง
พปช.บุกกดดัน-บี้เรียกส.ว.ประชุม
จากนั้น ร.ต.ท.เชาวิริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน และพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ได้เดินพบนายประสพสุขโดยใช้เวลา 10 นาที พ.ต.ท.สมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า มีกระแสข่าวว่า มีการแจ้งไปยังส.ว.ว่าจะไม่มีการประชุม แต่เมื่อพูดคุยกับนายประสพสุขแล้วคิดว่าน่าจะมีการประชุมต่อ ซึ่งเมื่อครบองค์ประชุมเมื่อไรก็จะประชุมได้ การที่นายประสพสุขบอกว่าไม่มีการประชุมได้ เพราะคิดว่า องค์ประชุมไม่ครบ แต่หากครบก็ต้องมีการประชุมต่อไป โดยขณะนี้ทางรัฐบาลได้แจ้งไปยังสมาชิกรัฐสภาที่โรงเรียนวชิราวุธ โดยจะมีรับ-ส่งมายังอาคารรัฐสภา แม้การประชุมจะล่าช้าไปก็จะครบองค์ประชุม
พันธมิตรฯตัดไฟในสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมรัฐสภา กลุ่มพันธมิตรฯได้ตัดไฟภายในรัฐสภา โดยใช้ไม้ยาวๆ ไปดุนหม้อแปลงไฟที่หัวมุมถนนราชวิถี โดยใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็สามารถตัดไฟในรัฐสภา จึงทำให้รัฐสภาต้องใช้ไฟสำรองบางส่วน อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ขอรถปั่นไฟเพื่อมาใช้ฉุกเฉิน
จนเมื่อเวลา 09.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการประชุมรัฐสภาได้มีการกดออด เรียกประชุมรัฐสภา 2 ครั้งเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุม โดยบรรยากาศ ในห้องประชุมรัฐสภาเป็นไปอย่างบางตา เนื่องจากมีส.ส.และส.ว.เข้ามาร่วมประชุมน้อยมาก มาลงชื่อแสดงตนเป็นส.ส.เพียง157 คนและส.ว 11 คนเท่านั้น
ชัยไม่สนเดินหน้าประชุม
อย่างไรก็ตามนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้เปิดประชุม โดยใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 311 ขยายเวลารอให้สมาชิกมาลงชื่ออีก1 ชั่วโมง โดยระหว่างนั้นก็เปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือเรื่องต่างๆ โดยสมาชิกจากพรรคพลังประชาชน ต่างอภิปรายชื่นชมการทำหน้าที่ของนายชัย ที่ตัดสินใจเปิดประชุมต่อไปแม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่หน้ารัฐสภา
ร.ท. กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยเจอเหตุการณ์เหมือนในวันนี้ ซึ่งรัฐสภากำลังถูกยึดเหมือนทำเนียบฯ ชาวโลกไม่เข้าใจทำไมรัฐบาลยังบริหารอยู่ได้ แต่เรามีความอะลุ่มอล่วย มีจิตเมตตาต่อกันจึงยังเดินหน้าต่อไปได้ ตนเข้าใจความรู้สึกของประมุขรัฐสภา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องใช้อำนาจฝ่ายบริหารเข้ามาจัดการ ตนเข้าใจได้ว่า ตำรวจใช้ความละมุ่นละม่อมแล้ว ซึ่งการใช้แก๊สน้ำตาถือเป็นเรื่องปกติ ที่ทั่วโลกก็มีเหมือนเช่นเกาหลี การเปิดประชุมถือเป็นเรื่องที่ชอบต้องรักษาระบบรัฐสภาเอาไว้
ขณะที่นาย สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน เสนอให้หักเงินเดือนส.ส. และส.ว.ที่ไม่ยอมมาร่วมประชุมในวันนี้ เพราะถือว่าไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่และไม่มีส่วนในการทำให้ประชาธิปไตยเดินต่อไปได้
วิดล่มนับครั้งแรกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากใช้เวลารอให้สมาชิกมาลงชื่อไปเกือบ1 ชั่วโมง นายชัยได้ประกาศว่า ขณะนี้มีสมาชิกมาร่วมลงชื่อครบองค์ประชุมแล้ว แต่เนื่องจาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างสมัยประชุมนิติบัญญัติ การจะลงมติเรื่องต่างๆจะต้องใช้เสียงเกิน กึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 311 เสียง จึงขอให้ที่ประชุมเสีบบัตรเพื่อลงมติว่าจะให้มีการครมงแถลงนโยบายหรือไม่ ปรากฏว่าผลการลงมติออกมา มีผู้ร่วมประชุม 320 คน แต่มีผู้เห็นชอบ307 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน5 ถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้นายชัยสั่งพักการประชุม10 นาที จากนั้นจึงเริ่มประชุมใหม่ ปรากฎว่า มี ส.ส.เข้าร่วมประชุมเกินกึงหนึ่งนายชัย จึงดำเนินการประชุม
ส.ว.ลุยเฉ่งนายกฯกลางที่ประชุม
จากนั้นที่ประชุมเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้อ่านรายงานร่างนโยบายต่อที่ประชุม ปรากฏว่า ในช่วงที่นายสมชาย อ่านมาถึง นโยบายทีเกี่ยวข้องกับนโยบายการดูแลทุกข์สุขของประชาชน ปรากฏว่านาย ประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า สิ่งที่นายกฯพูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้สถานการณ์ข้างนอกประชาชนเกิดความแตกแยก ถ้าเป็นไปได้สภาควรชะลอการแถลงนโยบายออกไป เพราะเหตุการณ์ปัญหาความขัดแย้งกัน
ปรากฏว่าส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนได้ส่งเสียงอื้ออึงไม่พอใจ ต่อคำพูดของ ส.ว.คนดังกล่าว และพยายามจะขอประท้วง ทำให้ นส.รสนา โตสิตะกูล ส.ว.กทม.ได้ลุกขึ้นกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประชาชนนอกจากบาดเจ็บจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับใช้เวทีสภาเป็นตรายางสร้างความชอบธรรม ได้อย่างไร สร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.พรรคพลังประชาชนอย่างยิ่ง โดยนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พลังประชาชน ได้ตะโกนว่า พันธมิตรฯออกไปจากห้องประชุมได้แล้ว จนประธานในที่ประชุมคือนายชัย ต้องกดตัดไมค์และเชิญ น.ส. รสนา ออกห้องประชุม แต่เจ้าตัวไม่ยอมออกจนทำให้ วิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม พร้อมด้วยนายฃนิคม ไวยพาณิช รองประธานวุฒิสภาได้เข้าไปเคลียแต่ นส.รสนายังยืนยันที่จะนั่งอยู่ในห้องประชุมต่อไป
ส.ส.พปช.ถ่อยรุมถล่มรสนา
จากนั้นนายสมชายได้แถลงต่อไป โดยอ่านรายงานอย่างรวดเร้ว ผิดๆ ถูกจนจบ จากนั้นได้เดินออกจากห้องประชุมทันที ส่วนทางด้านบรรยากาศในที่ประชุมยังคงมีความวั่นวาย โดย ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ได้ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ท่านประธานปล่อยให้สมาชิกที่ไม่ได้ลงชื่อแสดงตนเข้าร่วมประชุมได้อย่าง รวมทั้งยังได้พาบุคคลนอกเข้ามาประชุมด้วย และจากนั้น ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ได้ตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้หน้าว่าคนนั้นคือสามีของ น.ส.รสนา ของให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเอาออกไป จนเกิดเหตุวุ่นวายกลางสภา และ ส.ส.พลังประชาชนเข้าไปรุมไล่และตะโกนโวยวาย ทำให้นส.รสนา ประท้วงว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาได้แล้ว เพราะมีความไม่ชอบธรรม เกิดความปั่นป่วนในสภา จนในที่สุดประธานในที่ประชุมได้เชิญสามีของ นส.รสนา ออกไปโดยเดินออกแต่โดยดี ขณะที่ นส.รสนา ได้ถูก สมาชิกให้ห้องประชุมต้อนให้ออกในไปในที่สุดเช่นเดียวกัน
รวบรัดแถลงนโยบายแค่3ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้บรรยากาศในที่ประชุมจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังเดินหน้าลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการตัดกระแสไฟฟ้าภายในอาคารรัฐสภาอีกครั้ง เมื่อเวลา12.45 น. แต่สมาชิกก็ยังคงเดินหน้าประชุมต่อไปโดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำรอง จนในที่สุด นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ได้แถลงขอบคุณสมาชิก แทนนายสมชาย จากนั้นนายชัยได้สั่งปิดการประชุมเมื่อเวลา 12.57 น. โดยใช้เวลาการพิจารณานโยบายเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง และมีสมาชิกอภิปรายเพียง 5 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากปิดประชุมสภาสมชิกได้จับกุมวิพากษ์วืจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถออกจากบริเวณรัฐสภาได้รวมถึงนายสมชาย และรัฐมนตรีทั้งหมด ที่ได้พยายามต่อรองกับกลุ่มพันธมิตร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
นายกฯปีนกำแพงรัฐสภาหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมรัฐสภาจะเสร็จวสิ้นลง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.ชิณณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาว และผู้ติดตาม5-6 คน ได้เดินออกจากอาคารรัฐสภาไปยังอาคารวุฒิสภา และอ้อมไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์การทำสวน จากนั้นได้ข้ามบันไดเหล็ก เพื่อข้ามกำแพงไปยังฝั่งพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยกำแพงสูงประมาณ 2 เมตรและปลายกำแพงเป็นเหล็กแหลม เจ้าหน้าที่จึงเอาผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ถูกเหล็กทิ่ม เนื่องจากไม่สามารถนั่งรถออกไปได้ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดทางเข้า-ออกรัฐสภาทุกทาง ทั้งนี้นายกฯ ได้รีบข้ามกำแพงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นจึงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย เข้าประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตร ใช้เส้นทางดังกล่าว รัฐมนตรีพรรคพลังประชาชนประมาณ 10 คน จึงได้เดินไปยังบริเวณดังกล่าวเพื่อจะข้ามไปบ้าง แต่ไม่สามารถข้ามไปได้ เพราะไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง
สำหรับ รัฐมนตรี ส.ส.และ ส.ว.ที่เข้าร่วมประชุมรัฐสภา รวมทั้งนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทย ชาติพัฒนา ยังคงติดอยู่ภายในตึกรัฐสภา โดยรัฐมนตรีและส.ส.ต่างจับกลุ่มคุยถึง เหตุการณ์และเลี่ยงให้สัมภาษณ์ ซึ่งทุกคนเดินทางออกมาหน้าอาคารเพราะภายในอาคารไฟดับไม่สามารถเปิดแอร์ได้ทำให้ ส.ส.หลายคนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์และเปิดแอร์คลายร้อน
ชัยนำส.ส.ปีนออกจากรัฐสภา
จนกระทั้งเวลาประมาณ 16.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล ได้เคลื่อนกำลังเข้าไปยังรัฐสภาทุกด้านพร้อมกันโดยได้ระดมยิงแก๊งน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อเปิดทางให้ รัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว.ได้ออกจากรัฐสภา ด้านถนนราชวิถี ขณะเดียวกัน รัฐมนตรี ส.ส. ,ส.ว. รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ทยอยขึ้นรถบัสซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เตรียมไว้ เมื่อสามารถระดมยิงแก๊งน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และถ่อยร่นไปยังถนนอู่ทองใน หน้ารัฐสภาแล้ว ก็ได้เปิดประตูรัฐสภา เพื่อให้รถบัสขับออกจากรัฐสภามุ่งหน้าไปยังสะพานซังฮี้ทันที
ขณะเดียวกัน ระหว่างมีการระดมยิงแก๊งน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐสภา ได้พา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนรรษฎร รวมทั้ง ส.ส. ,ส.ว.และรัฐมนตรี บางส่วน ปีนกำแพงข้ามไปยังบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆทางเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีใช้เป็นทางออก โดยนายชัย ได้ปีนด้วยความยากลำบากเนื่องจากอายุมากแล้ว โดยเจ้าหน้าที่พยายาประคองอุ้มออกไป
จนเมื่อเวลา 07.00 น.ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนต่างทยอย เดินทางมายังรัฐสภา อาทิ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชศรีมา นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ นายวิทยา บูรณะศิริ ส.ส.อยุธยาและประธานวิปรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังอย่างหนาแน่นหลายร้อยคนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้สมาชิกรัฐสภา
ปธ.วิปรัฐไม่สนดันประชุมให้ได้
นายวิทยา กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้เดินทางมาดู เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาในเรื่ององค์ประชุม จึงได้มีการนัดวิป 3 ฝ่ายคือรัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสภามาหารือในเวลา 08.30 น.เพราะต้องการเสียง 311 เสียง เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาได้ เพราะเชื่อว่าในการแถลงนโยบายของรัฐบาล คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะไม่ต้องมีการลงมติ
ขณะที่พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา สลายการชุมนุมนั้นถือว่าได้ทำตามหน้าที่และถูกต้องแล้ว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะการยิงแก๊สน้ำตาทั่วโลกเขาก็ทำกันในการสลายฝูงชน การประชุมร่วมรัฐสภา ไม่สามารถเลื่อนได้ ส่วนการที่พันธมิตรฯมาปิดรัฐสภาถือว่าไม่ถูกต้องเพราะสภาฯเป็นสถานที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
ด้านพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯคนที่สอง กล่าวว่า การประชุมยังคงมีต่อไป แต่จะเป็นการประชุมที่สั้นคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง เนื่องจาก ไฟสำรองสามารถใช้ได้แค่เพียง 7 ชั่วโมงโดยจะประสานทาง กฟผ.ให้นำรถปั่นไฟมา ทั้งนี้ขอความกรุณากลุ่มพันธมิตรฯได้เปิดทางให้ตัวแทนประชาชนคือส.ส.และส.ว.ได้ทำหน้าที่ตัวเองด้วย ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด จึงขอให้เคารพกฎหมายและหน้าที่ซึ่งกันและกัน
นายไชยยา พรหมมา ส.ส.หนองบังลำภู พรรคพลังประชาชน แกนนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า หากบรรยากาศประทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มพันธมิตรฯยังเป็นอย่างนี้อยู่และแนวโน้วรุนแรงขึ้นประธานสภาฯจะต้องเลื่อนการประชุมออกไป โดยสามารถทำได้เลย โดยใช้การแจ้งผ่านสื่อมวลชนหรือส่งเอสเอ็มเอสได้ ซึ่งขณะนี้ส.ส.หลายคนเห็นด้วย
40ส.ว.คอยคอตไม่ร่วมประชุมรัฐสภา
ขณะเดียวกัน กลุ่ม 40 ส.ว. ได้เข้าร่วมประชุมกันที่โรงแรมสวนดุสิตเพลส ก่อนออกมาประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภาเพื่อฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล ท่ามกลาง การเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ใช้กำลังในการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จนมีปผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ต่อรัฐบาล ดังนี้
1.ให้ตำรวจอย่าใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งการใช้ความรุนแรงนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ผิดกฎหมายอาญา และกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2.รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการดำเนินคดีกับตำรวจที่ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3.ขอให้รัฐบาลคืนอำนาจให้กับประชาชน ด้วยการยุบสภา เมื่อไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาใช้ความรุนแรงได้ ทั้งนี้ 40 ส.ว.นั้นจะทำหนังสือยื่นต่อองค์การสหประชาชาชาติ หรือ ยูเอ็นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จ กลุ่ม ส.ว.ดังกล่าวได้เดินทางไปเยี่ยม ผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ส.ว.คงเข้าประชุมสภาฯไม่ได้เพราะเห็นภาพว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมเพื่อปูเส้นทางให้ ส.ส.-ส.ว.เข้าประชุมสภาเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ควรทึ่จะเข้าไปเปิดทางเจรจา เหมือนหลักที่เคยปฏิบัติกับผู้ชุมนุมทั่วไป
เสียใจมากที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าไปและใช้แก๊สที่เป็นระเบิดขว้างปา เข้าไปเหมือนผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย ส.ว.กว่า 40 คน ถามว่ารัฐบาลได้ใช้กฎหมายอะไร
ชูศักดิ์อ้างตำรวจละมุนละม่อม
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณรัฐสภา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ภายในบ้านพัก หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถนนแจ้งวัฒนะ บรรยากาศรอบๆ บ้านเงียบสงบ ประตูบ้านหน้าบ้านด้านใน และประตูรั้วด้านนอก ปิดตลอด โดยมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นายดูแลความปลอดภัย
จากนั้นเวลา 08.10 น. นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทาง เข้าไปยังบ้านนายกฯ โดยให้สัมภาษณ์ว่า การสลายการชุมนุมเป็นเรื่องของ ตำรวจ คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่ดำเนินการบางสิ่งบางอย่างตามบทบัญญัติของกฎหมาย เราก็ประชุมไม่ได้ ก็ต้องไปหาที่ประชุมใหม่ เลยเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด ปัญหาบ้านเมืองก็เกิดขึ้น เช่นจะต้องตีความว่าถ้าเลยเวลา 15 วันแล้วอะไรจะเกิดขึ้นชาติบ้านเมืองก็จะไปไม่รอด ก็จำเป็นต้องประชุม ส่วน ส.ว.บางส่วน ท่านจะยังไงก็สุดแต่ แต่ถ้าให้บ้านเมืองไปได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญเป็นได้
เผยมติครม.อย่างไงก็ต้องประชุม
นายชูศักดิ์ กล่าวว่าในการประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค. ทุกคนเห็นตรงกันว่ามันจำเป็นต้องมีการประชุม เมื่อคืนก็คุยเหมือนกันว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ซึ่งตนก็มองว่าต้องดูที่สถานการณ์ ถ้ายังไงเสียถ้าประชุมได้ก็ต้องประชุม ไม่อย่างนั้นมันก็จะบานปลายไปเรื่อย เดี๋ยวต้องไปที่นั่นที่นี่ ถ้าอย่างนี้บ้านเมืองก็ไม่รอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเตรียมแผนรับมือหรือยังเพราะสถานการณ์อาจบานปลาย ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ บ้านเมือง ฝ่ายตำรวจต้องดำเนินการ ผมว่าเขาดำเนินการอย่างละมุนละม่อมตามกฎหมาย
สมชายไม่ได้เป็นห่วงอะไร
ต่อข้อถามว่าจนถึงขณะนี้ได้มีการคุยกับนายกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว หรือยัง เลขาฯ กล่าวว่า ก็คุยบ้าง แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่านายกห่วงอะไร หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ไม่ จากนั้นนายชูศักดิ์ได้เดินเข้าบ้านของนายสมชายทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ด้านหน้ารัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้า ปรากฏว่าที่หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ตั้งแต่หน้าหมู่บ้านและบริเวณหน้าบ้านพักของนายสมชายมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่และจากตำรวจนครบาล 2 มารักษาความปลอดภัยกว่า 30 นาย
สมชายเครียดร่วมประชุมรัฐสภา
กระทั่งเวลา 09.20 น.นายสมชายเดินทางออกจากบ้านพักถึงรัฐสภาในเวลา 09.45 น. โดยนายกฯเข้ามาทางประตูด้านข้าง ถนนราชวิถี ซึ่งเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่ ไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่รถของนายกฯจอดบริเวณด้านล่างอาคารประชุมรัฐสภา กลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศเกือบ 100 คน กรูเข้าไปประชิดตัวรถจนเกิดการชุลมุนวุ่นวาย ทำให้ตำรวจติดตามรักษาความปลอดภัยนายกฯกว่า 10 นาย ต้องพยายามเคลียร์พื้นที่อย่างหนักเพื่อให้นายกฯลงจากรถได้ บางคนต้องตะโกนเสียงดังลั่นขอให้สื่อมวลชนเปิดทาง แต่ก็ไม่สำเร็จ นายสมชายจึงตัดสินใจ ลงจากรถ เดินเข้าไปยังรัฐสภาท่ามกลางการอารักขาจากทีมงานที่ประสานมือล้อมตัวนายกฯไว้เป็นรูปวงกลม ทั้งนี้นายสมชายโดยมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดและไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวแม้แต่คำเดียว จนสามารถแหวกวงล้อมกองทัพสื่อเข้าไปแถลงนโยบายได้ในที่สุด
ปชป.มีมติไม่ร่วมประชุมรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุม ส.ส.ของพรรคเป็นการเร่งด่วน เพื่อหารือถึงการกำหนดท่าทีว่าจะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาที่จะมีการแถลงนโยบายโดยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือไม่ ภายหลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ด้านหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทองใน เมื่อเช้าตรู่วันนี้(7 ต.ค.) โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีส.ส.เสนอว่าพรรคควรเข้าร่วมการประชุมรัฐสภา เพื่ออภิปรายนโยบายของรัฐบาลแล้ววอล์กเอาท์ ขณะที่มีผู้เสนอว่า ไม่ควรเข้าร่วมประชุมเลย ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าจุดยืนของพรรคตั้งแต่ต้นคือถ้ารัฐบาลทำร้ายประชาชน พรรคจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลด้วย หรือถ้าส.ส.คนใด เข้าร่วมประชุมรัฐสภา จะเป็นการการันตีให้รัฐบาลและหาความชอบธรรมให้การประชุมรัฐสภา นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่าเวลานี้รัฐบาลไม่ได้ยึดกฎกติกาของบ้านเมือง แต่ใช้ความรุนแรง จึงรับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ในท้ายที่สุด ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าไม่ควรเข้าไปร่วใมสังฆกรรมกับรัฐบาล เพราะพรรคจะหาคำตอบอะไรไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการประเมินว่ารัฐบาลจะประกาศยุบสภาหรือสถานการณ์จะลุกลามบานปลายเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ซัดเดินผ่านกองเลือดเพื่ออำนาจตัวเอง
ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า จากการที่ประธานรัฐสภาได้นัดประชุมรัฐสภาเพื่อให้มีการแถลงนโยบายรัฐบาล พรรคก็ได้เตรียมตัวการอภิปรายอย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือตามกระบวนการรัฐสภาด้วยความสำนึกมาตลอด แต่ก่อนการประชุมดังกล่าว ได้มีการชุมนุมของประชาชนที่หน้ารัฐสภาและมีการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งการที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจสลายการชมนุมไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิด แต่การจะสลายการชุมนุม หรือไม่นั้นต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าแต่การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 40 คน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียอย่างชัดเจน และที่น่าเสียใจที่สุดคือยังไม่ได้ยินบุคคลสำคัญในรัฐบาลหรือประมุขของสภา ออกมาแสดงความห่วงใยหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการกระทำดังกล่าวสมควรและใช้วิธีการที่เหมาะสมหรือไม่ แต่กลับได้ยินบุคคลในระดับผู้นำยืนยันที่จะแถลงนโยบายให้สำเร็จและยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินอย่างละมุมละม่อมแล้วโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏออกมาให้ประชาชนได้เห็นทั้งประเทศ
ท่าทีขอรัฐบาลเช่นนี้ไม่ใช่ท่าทีของคนที่มีสำนึกของคนที่เป็นผู้แทน ปวงชนชาวไทย คิดแต่เพียงว่าได้คะแนนจากประชาชนแล้วก็ มุ่งเอาแต่อำนาจ แม้ว่าจะต้องให้ผู้แทนปวงชนชาวไทยเดินผ่านกองเลือดเข้าไปเพื่อให้ตัวเองได้ใช้อำนาจต่อก็จะทำ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์รับท่าทีเช่นนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าประชาชนมีอำนาจตลอดเวลา ไม่ใช่เฉพาะวันที่ไปลงคะแนนแล้วกลายเป็นเครื่องมือของคนที่เข้าไปแสวงหาอำนาจ แม้จะทำให้ประชาชนต้องสูญเสีย ดังนั้น ในการประชุมพรรควันนี้ ส.ส.ทั้งหมดจึงตัดสินใจไม่เข้าไปร่วมการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะไม่มีความชอบธรรมที่จะผลักดันให้กระบวนการนี้เดินต่อไปในขณะนี้
ลั่นไม่ร่วมเจรจา4ฝ่ายอีกแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในฐานะที่ตนได้รับเชิญจากนายชัยให้เข้าร่วม การเจรจา 4 ฝ่ายเพื่อหาทางออกให้ประเทศด้วยการสร้างความปรองดอง ตนยืนยันว่า ท่าทีของรัฐบาลที่แสดงออกเมื่อเช้านี้ทำให้เห็นว่ายังไม่สมควรที่จะเดินหน้าเจรจาต่อไป จนกว่ารัฐบาลจะทบทวน และสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำเมื่อเช้านี้ทั้งหมด ซึ่งเราเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำไปเพราะได้รับนโยบายอย่างชัดเจนจากบุคคลระดับสูงในรัฐบาลที่ต้องการเห็นความรุนแรง
ที่ผ่านมา ผมให้ความร่วมมือกับนายกฯและประธานสภาฯมาตลอด เพราะเชื่อในเกียรติที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง แต่หลายเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผมเห็นว่าท่านไม่ได้รักษากียรติของท่านที่ตนและหลายๆ คนพยายามเชื่อ วันนี้บ้านเมืองวิกฤตอยู่แล้ว แต่ต้องการหาความถูกต้องและความปรองดองสมานฉันท์ สิ่งสำคัญที่สุดคือความจริงใจ เราไม่ต้องการเห็นคนหน้าไหว้หลังหลอกหรือ คนหน้าเนื้อใจเสือ วันนี้ต้องมาพูดกันบนความเป็นจริง พรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้าง ให้โอกาสมาตลอด แต่หลายเหตุการณ์บ่งบอกว่าการเจรจาของฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ อยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ เมื่อวานนี้ นายกฯบอกว่าจะเจรจากับพันธมิตรฯ แต่ผมยังไม่เห็นสัญญาณการเจรจาใดๆจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เมื่อเช้านี้
จี้นายกฯค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา นายกฯบอกกับตนว่าจะไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นพ.เหวง โตจิราการ แต่ท่านไม่ออกมาให้ข่าว ตามที่พูดในที่ประชุม แต่ไม่เป็นอะไรที่นายกฯไม่แสดงความจริงใจกับตน แต่อยากเตือนว่า นายกฯไม่สามารถหลอกลวงประชาชนไปได้ตลอด อีกทั้งท่าทีและพฤติกรรมของนายกฯไม่ได้แสดงถึงความห่วงใยและความปลอดภัยของประชาชน จนกว่ารัฐบาลจะค้นหาความจริงและทบทวนในเรื่องนี้ รวมถึงแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ในการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลของนายสมชายในการแถลงจุดยืนของรัฐบาลได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังวชิรพยาบาลและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อเยี่ยมประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
เติ้งหนุนตำรวจทำถูกต้องแล้ว
ต่อมาเวลา 09.20 น.นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางมายังรัฐสภา พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มพันธมิตรฯมาปิดล้อมรัฐสภา ถือว่าไม่ถูกต้อง ต้องให้โอกาสรัฐบาลแถลงนโยบายก่อนเพื่อให้รัฐบาล เดินหน้าทำงานไปได้ ส่วนตัวทนไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้และตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์รุนแรงกว่านี้
ส่วนพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯจะทำหน้าที่ประสานกับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่าก็ต้องปล่อยให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเจรจาต่อไป หากดำเนินการได้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่บานปลาย เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่าไม่เกิน เพราะเป็นมติสภาฯ พันธมิตรฯยึดแค่ทำเนียบฯก็พอทำไมต้องมายึดสภาฯ ถือว่าทำไม่ถูกต้องไม่งั้นประเทศไทยก็ต้องถูกยึดทั้งหมด จะเอาอย่างนั้นหรือเปล่า สภาฯจะต้องเปิดเพื่อให้เป็น เวทีสาธารณะให้พูดจากันค่อยเป็นค่อยไป แต่ตอนนี้ให้รัฐบาลแถลงนโยบายก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหากับประเทศชาติ ประเทศก็จะล่มจม เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ ต่อไปจะเอาอย่างไรก็ค่อยมาว่ากันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯจะปักหลักชุมนุมที่สภาฯจะทำอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่าก็ต้องทำความเข้าใจกัน เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมประชุม นายบรรหารกล่าววว่า ตนตอบไมได้แต่อยากให้เห็นแก่บ้านเมืองหน่อย โดยเฉพาะสื่อขอให้เห็นแก่บ้านเมือง อยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนั้นหรือ แต่ตนทนไม่ได้ เกิดมาในชีวิตตนไม่เคยเจออย่างนี้เลย บอกตามตรงต้องยอมกันบ้าง ยึดทำเนียบฯ ก็ยึดไปไม่ได้ว่าอะไร ยึดสภาไม่ได้ พันธมิตรฯทำไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าวันนี้รัฐบาลจะแถลงนโยบายบาย และหากฝ่ายค้านและส.ว.ไม่เข้าร่วมรัฐสภาก็ต้องรับผิดชอบ แต่ไม่เข้าสภาฯก็ประชุมได้
เสธ.หนั่นไม่เชื่อผู้ชุมนุมขาขาด
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่มาประชุมสภาฯวันนี้ เพราะต้องการดูสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมแถลง นโยบายหรือไม่นั้นก็ต้องดูว่าองค์ประชุมครบหรือไม่ถ้าครบก็ประชุมได้ และจะมีการหารือกับประธานสภาฯอีกครั้ง ส่วนส.ส.พรรคชาติไทยก็มาประชุมตามปกติทั้งนี้หากรัฐบาลไม่แถลงนโยบายก็ไม่สามารถทำงานได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ความรุนแรงทำให้มีผู้บาดเจ็บถึงขั้นขาขาด พล.ต.สนั่น กล่าวว่าหากใช้แก๊สน้ำตาทำไมจะเจ็บขนาดนั้น เมื่อถามต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุม ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่าไม่ทราบต้องถามเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ปธ.วุฒิฯน้ำตาคลอบอกไม่ควรประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.10 น.นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้เชิญสมาชิกวุฒิสภา ได้หารือที่ห้องรับรองพิเศษ โดยให้สัมภาษณ์ ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ในวันนี้ไม่น่าจะมีการประชุมได้ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก และคิดว่าคงไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรแถลงนโยบาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์จะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน นายประสพสุข กล่าวว่า ก็เริ่มรุนแรงขึ้นแล้ว ซึ่งการจับ 2 แกนนำพันธมิตรก็เป็นชนวนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์ รุนแรง แต่รัฐบาลก็กำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่
ผมคิดว่าน่าจะเลื่อนการประชุมออกไปก่อน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลง
พปช.บุกกดดัน-บี้เรียกส.ว.ประชุม
จากนั้น ร.ต.ท.เชาวิริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน และพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ได้เดินพบนายประสพสุขโดยใช้เวลา 10 นาที พ.ต.ท.สมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า มีกระแสข่าวว่า มีการแจ้งไปยังส.ว.ว่าจะไม่มีการประชุม แต่เมื่อพูดคุยกับนายประสพสุขแล้วคิดว่าน่าจะมีการประชุมต่อ ซึ่งเมื่อครบองค์ประชุมเมื่อไรก็จะประชุมได้ การที่นายประสพสุขบอกว่าไม่มีการประชุมได้ เพราะคิดว่า องค์ประชุมไม่ครบ แต่หากครบก็ต้องมีการประชุมต่อไป โดยขณะนี้ทางรัฐบาลได้แจ้งไปยังสมาชิกรัฐสภาที่โรงเรียนวชิราวุธ โดยจะมีรับ-ส่งมายังอาคารรัฐสภา แม้การประชุมจะล่าช้าไปก็จะครบองค์ประชุม
พันธมิตรฯตัดไฟในสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมรัฐสภา กลุ่มพันธมิตรฯได้ตัดไฟภายในรัฐสภา โดยใช้ไม้ยาวๆ ไปดุนหม้อแปลงไฟที่หัวมุมถนนราชวิถี โดยใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็สามารถตัดไฟในรัฐสภา จึงทำให้รัฐสภาต้องใช้ไฟสำรองบางส่วน อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ขอรถปั่นไฟเพื่อมาใช้ฉุกเฉิน
จนเมื่อเวลา 09.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการประชุมรัฐสภาได้มีการกดออด เรียกประชุมรัฐสภา 2 ครั้งเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุม โดยบรรยากาศ ในห้องประชุมรัฐสภาเป็นไปอย่างบางตา เนื่องจากมีส.ส.และส.ว.เข้ามาร่วมประชุมน้อยมาก มาลงชื่อแสดงตนเป็นส.ส.เพียง157 คนและส.ว 11 คนเท่านั้น
ชัยไม่สนเดินหน้าประชุม
อย่างไรก็ตามนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้เปิดประชุม โดยใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 311 ขยายเวลารอให้สมาชิกมาลงชื่ออีก1 ชั่วโมง โดยระหว่างนั้นก็เปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือเรื่องต่างๆ โดยสมาชิกจากพรรคพลังประชาชน ต่างอภิปรายชื่นชมการทำหน้าที่ของนายชัย ที่ตัดสินใจเปิดประชุมต่อไปแม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่หน้ารัฐสภา
ร.ท. กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยเจอเหตุการณ์เหมือนในวันนี้ ซึ่งรัฐสภากำลังถูกยึดเหมือนทำเนียบฯ ชาวโลกไม่เข้าใจทำไมรัฐบาลยังบริหารอยู่ได้ แต่เรามีความอะลุ่มอล่วย มีจิตเมตตาต่อกันจึงยังเดินหน้าต่อไปได้ ตนเข้าใจความรู้สึกของประมุขรัฐสภา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องใช้อำนาจฝ่ายบริหารเข้ามาจัดการ ตนเข้าใจได้ว่า ตำรวจใช้ความละมุ่นละม่อมแล้ว ซึ่งการใช้แก๊สน้ำตาถือเป็นเรื่องปกติ ที่ทั่วโลกก็มีเหมือนเช่นเกาหลี การเปิดประชุมถือเป็นเรื่องที่ชอบต้องรักษาระบบรัฐสภาเอาไว้
ขณะที่นาย สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน เสนอให้หักเงินเดือนส.ส. และส.ว.ที่ไม่ยอมมาร่วมประชุมในวันนี้ เพราะถือว่าไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่และไม่มีส่วนในการทำให้ประชาธิปไตยเดินต่อไปได้
วิดล่มนับครั้งแรกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากใช้เวลารอให้สมาชิกมาลงชื่อไปเกือบ1 ชั่วโมง นายชัยได้ประกาศว่า ขณะนี้มีสมาชิกมาร่วมลงชื่อครบองค์ประชุมแล้ว แต่เนื่องจาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างสมัยประชุมนิติบัญญัติ การจะลงมติเรื่องต่างๆจะต้องใช้เสียงเกิน กึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 311 เสียง จึงขอให้ที่ประชุมเสีบบัตรเพื่อลงมติว่าจะให้มีการครมงแถลงนโยบายหรือไม่ ปรากฏว่าผลการลงมติออกมา มีผู้ร่วมประชุม 320 คน แต่มีผู้เห็นชอบ307 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน5 ถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้นายชัยสั่งพักการประชุม10 นาที จากนั้นจึงเริ่มประชุมใหม่ ปรากฎว่า มี ส.ส.เข้าร่วมประชุมเกินกึงหนึ่งนายชัย จึงดำเนินการประชุม
ส.ว.ลุยเฉ่งนายกฯกลางที่ประชุม
จากนั้นที่ประชุมเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้อ่านรายงานร่างนโยบายต่อที่ประชุม ปรากฏว่า ในช่วงที่นายสมชาย อ่านมาถึง นโยบายทีเกี่ยวข้องกับนโยบายการดูแลทุกข์สุขของประชาชน ปรากฏว่านาย ประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า สิ่งที่นายกฯพูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้สถานการณ์ข้างนอกประชาชนเกิดความแตกแยก ถ้าเป็นไปได้สภาควรชะลอการแถลงนโยบายออกไป เพราะเหตุการณ์ปัญหาความขัดแย้งกัน
ปรากฏว่าส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนได้ส่งเสียงอื้ออึงไม่พอใจ ต่อคำพูดของ ส.ว.คนดังกล่าว และพยายามจะขอประท้วง ทำให้ นส.รสนา โตสิตะกูล ส.ว.กทม.ได้ลุกขึ้นกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประชาชนนอกจากบาดเจ็บจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับใช้เวทีสภาเป็นตรายางสร้างความชอบธรรม ได้อย่างไร สร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.พรรคพลังประชาชนอย่างยิ่ง โดยนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พลังประชาชน ได้ตะโกนว่า พันธมิตรฯออกไปจากห้องประชุมได้แล้ว จนประธานในที่ประชุมคือนายชัย ต้องกดตัดไมค์และเชิญ น.ส. รสนา ออกห้องประชุม แต่เจ้าตัวไม่ยอมออกจนทำให้ วิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม พร้อมด้วยนายฃนิคม ไวยพาณิช รองประธานวุฒิสภาได้เข้าไปเคลียแต่ นส.รสนายังยืนยันที่จะนั่งอยู่ในห้องประชุมต่อไป
ส.ส.พปช.ถ่อยรุมถล่มรสนา
จากนั้นนายสมชายได้แถลงต่อไป โดยอ่านรายงานอย่างรวดเร้ว ผิดๆ ถูกจนจบ จากนั้นได้เดินออกจากห้องประชุมทันที ส่วนทางด้านบรรยากาศในที่ประชุมยังคงมีความวั่นวาย โดย ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ได้ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ท่านประธานปล่อยให้สมาชิกที่ไม่ได้ลงชื่อแสดงตนเข้าร่วมประชุมได้อย่าง รวมทั้งยังได้พาบุคคลนอกเข้ามาประชุมด้วย และจากนั้น ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ได้ตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้หน้าว่าคนนั้นคือสามีของ น.ส.รสนา ของให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเอาออกไป จนเกิดเหตุวุ่นวายกลางสภา และ ส.ส.พลังประชาชนเข้าไปรุมไล่และตะโกนโวยวาย ทำให้นส.รสนา ประท้วงว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาได้แล้ว เพราะมีความไม่ชอบธรรม เกิดความปั่นป่วนในสภา จนในที่สุดประธานในที่ประชุมได้เชิญสามีของ นส.รสนา ออกไปโดยเดินออกแต่โดยดี ขณะที่ นส.รสนา ได้ถูก สมาชิกให้ห้องประชุมต้อนให้ออกในไปในที่สุดเช่นเดียวกัน
รวบรัดแถลงนโยบายแค่3ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้บรรยากาศในที่ประชุมจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังเดินหน้าลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการตัดกระแสไฟฟ้าภายในอาคารรัฐสภาอีกครั้ง เมื่อเวลา12.45 น. แต่สมาชิกก็ยังคงเดินหน้าประชุมต่อไปโดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำรอง จนในที่สุด นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ได้แถลงขอบคุณสมาชิก แทนนายสมชาย จากนั้นนายชัยได้สั่งปิดการประชุมเมื่อเวลา 12.57 น. โดยใช้เวลาการพิจารณานโยบายเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง และมีสมาชิกอภิปรายเพียง 5 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากปิดประชุมสภาสมชิกได้จับกุมวิพากษ์วืจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถออกจากบริเวณรัฐสภาได้รวมถึงนายสมชาย และรัฐมนตรีทั้งหมด ที่ได้พยายามต่อรองกับกลุ่มพันธมิตร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
นายกฯปีนกำแพงรัฐสภาหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมรัฐสภาจะเสร็จวสิ้นลง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.ชิณณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาว และผู้ติดตาม5-6 คน ได้เดินออกจากอาคารรัฐสภาไปยังอาคารวุฒิสภา และอ้อมไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์การทำสวน จากนั้นได้ข้ามบันไดเหล็ก เพื่อข้ามกำแพงไปยังฝั่งพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยกำแพงสูงประมาณ 2 เมตรและปลายกำแพงเป็นเหล็กแหลม เจ้าหน้าที่จึงเอาผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ถูกเหล็กทิ่ม เนื่องจากไม่สามารถนั่งรถออกไปได้ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดทางเข้า-ออกรัฐสภาทุกทาง ทั้งนี้นายกฯ ได้รีบข้ามกำแพงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นจึงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย เข้าประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตร ใช้เส้นทางดังกล่าว รัฐมนตรีพรรคพลังประชาชนประมาณ 10 คน จึงได้เดินไปยังบริเวณดังกล่าวเพื่อจะข้ามไปบ้าง แต่ไม่สามารถข้ามไปได้ เพราะไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง
สำหรับ รัฐมนตรี ส.ส.และ ส.ว.ที่เข้าร่วมประชุมรัฐสภา รวมทั้งนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทย ชาติพัฒนา ยังคงติดอยู่ภายในตึกรัฐสภา โดยรัฐมนตรีและส.ส.ต่างจับกลุ่มคุยถึง เหตุการณ์และเลี่ยงให้สัมภาษณ์ ซึ่งทุกคนเดินทางออกมาหน้าอาคารเพราะภายในอาคารไฟดับไม่สามารถเปิดแอร์ได้ทำให้ ส.ส.หลายคนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์และเปิดแอร์คลายร้อน
ชัยนำส.ส.ปีนออกจากรัฐสภา
จนกระทั้งเวลาประมาณ 16.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล ได้เคลื่อนกำลังเข้าไปยังรัฐสภาทุกด้านพร้อมกันโดยได้ระดมยิงแก๊งน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อเปิดทางให้ รัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว.ได้ออกจากรัฐสภา ด้านถนนราชวิถี ขณะเดียวกัน รัฐมนตรี ส.ส. ,ส.ว. รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ทยอยขึ้นรถบัสซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เตรียมไว้ เมื่อสามารถระดมยิงแก๊งน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และถ่อยร่นไปยังถนนอู่ทองใน หน้ารัฐสภาแล้ว ก็ได้เปิดประตูรัฐสภา เพื่อให้รถบัสขับออกจากรัฐสภามุ่งหน้าไปยังสะพานซังฮี้ทันที
ขณะเดียวกัน ระหว่างมีการระดมยิงแก๊งน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐสภา ได้พา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนรรษฎร รวมทั้ง ส.ส. ,ส.ว.และรัฐมนตรี บางส่วน ปีนกำแพงข้ามไปยังบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆทางเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีใช้เป็นทางออก โดยนายชัย ได้ปีนด้วยความยากลำบากเนื่องจากอายุมากแล้ว โดยเจ้าหน้าที่พยายาประคองอุ้มออกไป