มีคนกล่าวไว้แล้วว่าการก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั้น คนที่สุขใจที่สุดคือเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แต่คนที่ทุกข์และหมั่นไส้ที่สุดคือนายหญิงคนนั้น
และข้อเท็จจริงในอดีตก็ได้รับการพิสูจน์ชัดเจนว่าแม้บิ๊กจิ๋วจะเป็นคนที่นายใหญ่ตัดไม่ขาด แต่ก็ไม่เคยได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง กระทั่งเคยถูกถีบออกจากตำแหน่งรองนายกฝ่ายความมั่นคงมาแล้ว
ยิ่งคนวงในยิ่งไม่วางใจ และไม่พอใจบิ๊กจิ๋ว ตลอดจนลูกน้องที่แวดล้อม
ดังนั้นการที่บิ๊กจิ๋วถูกดึงมาเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้จึงมิใช่ความปรารถนาดีใด ๆ แต่น่าจะมีเป้าหมายใหญ่อยู่ 3 ประการคือ
อย่างแรก สลายการสุมหัวก่อตั้งพรรคการเมืองของพวกวงในสายเก่าที่กำลังตีตัวออกห่าง และเตรียมซ่องสุมผู้คนเพื่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแข่งขัน จึงต้องแยกบิ๊กจิ๋วออกมา
อย่างสอง เป็นตัวประกอบให้กับฉากสามัคคีสมานฉันท์ก่อนเปิดการแสดงบทจริงที่โหดเหี้ยมอำมหิตและมุ่งหมายพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเหมือนเดิม
อย่างสาม เอามาขัดตาทัพชั่วคราว และดูความประพฤติปฏิบัติในภาพรวม เผื่อว่าอาจใช้เป็นหุ่นตัวใหม่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากว่ามีการยุบพรรค และมีการเลือกตั้งกันใหม่
บิ๊กจิ๋วเป็นรองนายก แล้วมีการพูดจาต่อสาธารณะว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง ซึ่งหมายถึงดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน. แต่จนวันนี้ก็ไม่มีการมอบหมาย มอบให้ก็แค่การดูน้ำท่วม ซึ่งฝนกำลังจะสั่งฟ้าและฤดูแล้งกำลังจะมาถึง
บิ๊กจิ๋วถูกมอบให้ไปประสานและเจรจากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งมีทีท่าว่าจะไปกันได้ด้วยดี ทำให้บรรยากาศสามัคคีสมานฉันท์ถูกกล่าวขวัญถึงมากว่าสัปดาห์ บิ๊กจิ๋วจึงเด่นขึ้นมาและถูกมองว่าน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงได้
บิ๊กจิ๋วขับเคลื่อนความคิดยุติศึกใต้และศึกชายแดนเขมร พร้อมประกาศเห็นด้วยกับการเมืองใหม่ ซึ่งถูกใจคนทั้งปวง และได้รับการขานรับจากพันธมิตรฯ บางส่วน
ครั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าพบประธานองคมนตรีและมีข่าวว่าบรรยากาศชื่นมื่น ก็เกิดความหวังแก่คนทั้งปวงว่าบ้านเมืองอาจจะกลับคืนสู่ความร่มเย็นเป็นสุข
เสธ.หมึก นายทหารคนสนิทของบิ๊กจิ๋ว ซึ่งเป็นนายทหารกล้า ซื่อสัตย์ ภักดี มีฝีมือ ถ่อสังขารไปเยี่ยมเพื่อนเก่ามหาจำลองถึงเวทีพันธมิตรฯ บรรยากาศชื่นมื่นหวานฉ่ำ มองเห็นถึงคุณธรรมน้ำมิตรปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งในสังคมที่มีแต่เรื่องฉาวโฉ่เน่าเหม็น
คนทั้งปวงก็มีความยินดีและรู้สึกลึก ๆ ในใจว่าขอให้บ้านเมืองสงบสุข สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความมั่นคงและรุ่งเรืองเสียทีหนึ่ง
แต่เพียงชั่วแค่สองวันก็มี 3 เหตุการณ์เกิดขึ้น ทำลายและพลิกผันบรรยากาศสมานฉันท์ไปสู่ความตึงเครียดและความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นไปอีก
เหตุการณ์หนึ่ง คือการบรรจุร่างญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ นปก. ที่ล้มรัฐธรรมนูญ 2550 และนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้ โดยยกเลิกการยุบพรรคจากการโกงเลือกตั้ง ยกเลิกการตรวจสอบและการดำเนินการทางคดีกับการทุจริตที่ คตส. ตรวจสอบไว้ทั้งหมด ให้อำนาจรัฐบาลทำสนธิสัญญาได้โดยไม่ต้องผ่านสภา ยกเลิกคณะองคมนตรีชุดปัจจุบัน และให้องค์กรอิสระที่มีอยู่ในปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งใน 180 วัน ในขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพิ่งเข้าเยี่ยมคารวะประธานองคมนตรีมาหยก ๆ และกำลังประชุมเพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 กันอยู่
เหตุการณ์หนึ่ง คือการจู่โจมจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ทั้ง ๆ ที่มีการประกบตัวแกนนำทุกคนมานานแล้ว แต่มีนโยบายไม่จับกุมเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง และเพื่อสร้างบรรยากาศสมานฉันท์ ในเวลาไล่เลี่ยกับการขับเคลื่อนประสานงานพันธมิตรฯ ของบิ๊กจิ๋ว
เหตุการณ์หนึ่ง คือเหตุการณ์ทหารเขมรบุกรุกเขตแดนไทยบริเวณเขาพระวิหาร และปะทะกับทหารไทย จนทหารไทยบาดเจ็บถึง 5 นาย ในขณะที่รัฐสภาได้บรรจุวาระรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับนายนพดล ปัทมะ
ทั้งสามเหตุการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งแอบให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ต้องการล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
การโยนผิดให้นายเนวิน ชิดชอบ อาจทำให้คนอยู่เบื้องหลังสามเหตุการณ์หลุดรอดจากความสนใจและออกไปยืนอยู่วงนอก แต่ผลจากสามเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นโครงสร้างความคิดที่เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
นั่นคือทั้งสามเหตุการณ์นี้ล้วนดัดหลังบิ๊กจิ๋ว เอื้อประโยชน์ให้นายใหญ่ด้วย และโยนผิดให้กับนายเนวิน ชิดชอบ ด้วย
พิจารณากันให้ละเอียดรอบคอบเถิดพระคุณท่าน ก็จะเห็นได้ชัดว่ากรอบและโครงสร้างความคิดของทั้งสามเหตุการณ์นั้นเป็นดังที่ว่ามาไม่ใช่หรือ?
บิ๊กจิ๋วก็ถูกดัดหลังจนเสียผู้เสียคน ถูกหาว่าถูกหลอกให้ไปหลอกลวงพันธมิตรฯ และล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเขมร
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกหาว่าหน้าไหว้หลังหลอก เพิ่งไปเยี่ยมคารวะประธานองคมนตรีแต่รู้เห็นให้ล้มสถาบันองคมนตรี ไปเจรจาตั้ง ส.ส.ร.3 แต่กลับหนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นปก. ปากพูดว่าสมานฉันท์ แต่ทำแบบเดียวกับนายสมัคร สุนทรเวช
ดูประหนึ่งว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตกอยู่ในแผนที่จะถูกเชือดด้วย
แต่เป็นไปได้หรือไม่ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเดินแผนลึกกว่านั้น รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสามนี้ แต่ยอมเสี่ยงรับข้อกล่าวหาทั้งปวงเพื่อสนองคุณนายใหญ่ให้บรรลุปณิธาน โดยหวังผลหลักที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของ นปก. แล้ววางหมากเอาตัวรอดด้วยการโยนบาปให้กับนายเนวิน ชิดชอบ รับไปแทน
คนอย่างบิ๊กจิ๋วไม่ใช่ขี้ไก่ จะเครียดเพราะถูกดัดหลังก็คงเป็นแค่ครู่แค่ยาม หากรู้ว่าถูกดัดหลังก็อาจคิดอ่านแก้เผ็ดเอาบ้างก็เป็นได้ ซึ่งจะเป็นคุณใหญ่หลวงแก่แผ่นดินอีกด้วย
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ แต่ก็เก๋าทางการเมืองในระบอบทักษิณมานาน ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่ใช่คนเดินเกมสามเหตุการณ์นี้เองก็ย่อมรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในแผนถูกเชือด จากนี้คงจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของใครต่อไปอีก
แผนปฏิบัติการ 1026 เผยรูปโฉมออกมาแล้ว จะเกิดผลอย่างไรต่อไป จับตาดูกันให้ดี อย่าได้กะพริบตาเป็นอันขาด!
และข้อเท็จจริงในอดีตก็ได้รับการพิสูจน์ชัดเจนว่าแม้บิ๊กจิ๋วจะเป็นคนที่นายใหญ่ตัดไม่ขาด แต่ก็ไม่เคยได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง กระทั่งเคยถูกถีบออกจากตำแหน่งรองนายกฝ่ายความมั่นคงมาแล้ว
ยิ่งคนวงในยิ่งไม่วางใจ และไม่พอใจบิ๊กจิ๋ว ตลอดจนลูกน้องที่แวดล้อม
ดังนั้นการที่บิ๊กจิ๋วถูกดึงมาเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้จึงมิใช่ความปรารถนาดีใด ๆ แต่น่าจะมีเป้าหมายใหญ่อยู่ 3 ประการคือ
อย่างแรก สลายการสุมหัวก่อตั้งพรรคการเมืองของพวกวงในสายเก่าที่กำลังตีตัวออกห่าง และเตรียมซ่องสุมผู้คนเพื่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแข่งขัน จึงต้องแยกบิ๊กจิ๋วออกมา
อย่างสอง เป็นตัวประกอบให้กับฉากสามัคคีสมานฉันท์ก่อนเปิดการแสดงบทจริงที่โหดเหี้ยมอำมหิตและมุ่งหมายพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเหมือนเดิม
อย่างสาม เอามาขัดตาทัพชั่วคราว และดูความประพฤติปฏิบัติในภาพรวม เผื่อว่าอาจใช้เป็นหุ่นตัวใหม่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากว่ามีการยุบพรรค และมีการเลือกตั้งกันใหม่
บิ๊กจิ๋วเป็นรองนายก แล้วมีการพูดจาต่อสาธารณะว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง ซึ่งหมายถึงดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน. แต่จนวันนี้ก็ไม่มีการมอบหมาย มอบให้ก็แค่การดูน้ำท่วม ซึ่งฝนกำลังจะสั่งฟ้าและฤดูแล้งกำลังจะมาถึง
บิ๊กจิ๋วถูกมอบให้ไปประสานและเจรจากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งมีทีท่าว่าจะไปกันได้ด้วยดี ทำให้บรรยากาศสามัคคีสมานฉันท์ถูกกล่าวขวัญถึงมากว่าสัปดาห์ บิ๊กจิ๋วจึงเด่นขึ้นมาและถูกมองว่าน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงได้
บิ๊กจิ๋วขับเคลื่อนความคิดยุติศึกใต้และศึกชายแดนเขมร พร้อมประกาศเห็นด้วยกับการเมืองใหม่ ซึ่งถูกใจคนทั้งปวง และได้รับการขานรับจากพันธมิตรฯ บางส่วน
ครั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าพบประธานองคมนตรีและมีข่าวว่าบรรยากาศชื่นมื่น ก็เกิดความหวังแก่คนทั้งปวงว่าบ้านเมืองอาจจะกลับคืนสู่ความร่มเย็นเป็นสุข
เสธ.หมึก นายทหารคนสนิทของบิ๊กจิ๋ว ซึ่งเป็นนายทหารกล้า ซื่อสัตย์ ภักดี มีฝีมือ ถ่อสังขารไปเยี่ยมเพื่อนเก่ามหาจำลองถึงเวทีพันธมิตรฯ บรรยากาศชื่นมื่นหวานฉ่ำ มองเห็นถึงคุณธรรมน้ำมิตรปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งในสังคมที่มีแต่เรื่องฉาวโฉ่เน่าเหม็น
คนทั้งปวงก็มีความยินดีและรู้สึกลึก ๆ ในใจว่าขอให้บ้านเมืองสงบสุข สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความมั่นคงและรุ่งเรืองเสียทีหนึ่ง
แต่เพียงชั่วแค่สองวันก็มี 3 เหตุการณ์เกิดขึ้น ทำลายและพลิกผันบรรยากาศสมานฉันท์ไปสู่ความตึงเครียดและความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นไปอีก
เหตุการณ์หนึ่ง คือการบรรจุร่างญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ นปก. ที่ล้มรัฐธรรมนูญ 2550 และนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้ โดยยกเลิกการยุบพรรคจากการโกงเลือกตั้ง ยกเลิกการตรวจสอบและการดำเนินการทางคดีกับการทุจริตที่ คตส. ตรวจสอบไว้ทั้งหมด ให้อำนาจรัฐบาลทำสนธิสัญญาได้โดยไม่ต้องผ่านสภา ยกเลิกคณะองคมนตรีชุดปัจจุบัน และให้องค์กรอิสระที่มีอยู่ในปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งใน 180 วัน ในขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพิ่งเข้าเยี่ยมคารวะประธานองคมนตรีมาหยก ๆ และกำลังประชุมเพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 กันอยู่
เหตุการณ์หนึ่ง คือการจู่โจมจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ทั้ง ๆ ที่มีการประกบตัวแกนนำทุกคนมานานแล้ว แต่มีนโยบายไม่จับกุมเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง และเพื่อสร้างบรรยากาศสมานฉันท์ ในเวลาไล่เลี่ยกับการขับเคลื่อนประสานงานพันธมิตรฯ ของบิ๊กจิ๋ว
เหตุการณ์หนึ่ง คือเหตุการณ์ทหารเขมรบุกรุกเขตแดนไทยบริเวณเขาพระวิหาร และปะทะกับทหารไทย จนทหารไทยบาดเจ็บถึง 5 นาย ในขณะที่รัฐสภาได้บรรจุวาระรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับนายนพดล ปัทมะ
ทั้งสามเหตุการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งแอบให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ต้องการล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
การโยนผิดให้นายเนวิน ชิดชอบ อาจทำให้คนอยู่เบื้องหลังสามเหตุการณ์หลุดรอดจากความสนใจและออกไปยืนอยู่วงนอก แต่ผลจากสามเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นโครงสร้างความคิดที่เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
นั่นคือทั้งสามเหตุการณ์นี้ล้วนดัดหลังบิ๊กจิ๋ว เอื้อประโยชน์ให้นายใหญ่ด้วย และโยนผิดให้กับนายเนวิน ชิดชอบ ด้วย
พิจารณากันให้ละเอียดรอบคอบเถิดพระคุณท่าน ก็จะเห็นได้ชัดว่ากรอบและโครงสร้างความคิดของทั้งสามเหตุการณ์นั้นเป็นดังที่ว่ามาไม่ใช่หรือ?
บิ๊กจิ๋วก็ถูกดัดหลังจนเสียผู้เสียคน ถูกหาว่าถูกหลอกให้ไปหลอกลวงพันธมิตรฯ และล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเขมร
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกหาว่าหน้าไหว้หลังหลอก เพิ่งไปเยี่ยมคารวะประธานองคมนตรีแต่รู้เห็นให้ล้มสถาบันองคมนตรี ไปเจรจาตั้ง ส.ส.ร.3 แต่กลับหนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นปก. ปากพูดว่าสมานฉันท์ แต่ทำแบบเดียวกับนายสมัคร สุนทรเวช
ดูประหนึ่งว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตกอยู่ในแผนที่จะถูกเชือดด้วย
แต่เป็นไปได้หรือไม่ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเดินแผนลึกกว่านั้น รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสามนี้ แต่ยอมเสี่ยงรับข้อกล่าวหาทั้งปวงเพื่อสนองคุณนายใหญ่ให้บรรลุปณิธาน โดยหวังผลหลักที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของ นปก. แล้ววางหมากเอาตัวรอดด้วยการโยนบาปให้กับนายเนวิน ชิดชอบ รับไปแทน
คนอย่างบิ๊กจิ๋วไม่ใช่ขี้ไก่ จะเครียดเพราะถูกดัดหลังก็คงเป็นแค่ครู่แค่ยาม หากรู้ว่าถูกดัดหลังก็อาจคิดอ่านแก้เผ็ดเอาบ้างก็เป็นได้ ซึ่งจะเป็นคุณใหญ่หลวงแก่แผ่นดินอีกด้วย
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ แต่ก็เก๋าทางการเมืองในระบอบทักษิณมานาน ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่ใช่คนเดินเกมสามเหตุการณ์นี้เองก็ย่อมรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในแผนถูกเชือด จากนี้คงจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของใครต่อไปอีก
แผนปฏิบัติการ 1026 เผยรูปโฉมออกมาแล้ว จะเกิดผลอย่างไรต่อไป จับตาดูกันให้ดี อย่าได้กะพริบตาเป็นอันขาด!