ผู้จัดการรายวัน - ใครที่เชื่อว่าผ้าไทยใส่แล้วเชย อาจต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อได้สัมผัสกับแฟชั่นของร้าน “ขวัญตา” ที่นำผ้าทอกับเทคนิคการด้นมือ มาประยุกต์เข้ากับดีไซน์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว กลายเป็นแฟชั่นร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างจุดต่างโดนใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
สุมามาลย์ เต๋จ๊ะ เจ้าของธุรกิจร้าน “ขวัญตา” เล่าแรงบันดาลใจมาจากความผูกพันตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งแม่จะตัดเย็บเสื้อผ้า และเครื่องใช้ในบ้าน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ฯลฯ ด้วยมือทั้งหมด มีลวดลายด้นมือเพิ่มความสวยงาม ขณะที่ส่วนตัวผ่านการศึกษาสาขาผ้าและเครื่องแต่งกาย จากวิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุดรธานี จึงอยากลองนำพื้นฐานทั้งสองด้าน มาประยุกต์เป็นเสื้อผ้าใส่เอง
“เริ่มแรกแค่ทำเป็นงานอดิเรก ซึ่งเวลาใส่ไปไหน ก็จะมีแต่คนชื่นชม และเรียกร้องอยากได้บ้าง ทำให้ดิฉันเกิดความคิดอยากจะขยายเป็นธุรกิจ นอกจากจะได้ทำอาชีพที่รักแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ให้คนแก่ในชุมชนบ้านเกิดของตัวเอง” สุมามาลย์ กล่าว และเล่าต่อว่า
เริ่มธุรกิจจริงจัง เมื่อปี 2546 โดยนำชื่อแม่ คือ “ขวัญตา” มาเป็นชื่อแบรนด์ อาศัยทุนส่วนตัวหลักหมื่น กับแรงงานเพียง 5 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุในบ้านเกิด ที่ชุมชนบ้านเมืองใหม่ อ.ศรีบุญ จ.หนองบัวลำภู
จุดเด่นสินค้า “ขวัญตา” ใช้วัตถุดิบผ้าฝ้ายทอมือที่มีความเป็นธรรมชาติ เย็บ และประดับตกแต่งด้วยวิธีด้นมือ ขณะที่ดีไซน์ให้ร่วมสมัย ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำกับใคร
“การดีไซน์จะผสมผสานระหว่างผ้าไทยกับแฟชั่นยุคปัจจุบัน ให้ออกมาดูร่วมสมัย ใส่แล้วไม่โบราณ หรือตามกระแสมากจนเกินไป สามารถสวมใส่ได้ทุกวัย ตั้งแต่ผู้หญิงวัยรุ่น วัยทำงาน ถึงวัยผู้ใหญ่มาก ๆ นอกจากนี้ การดีไซน์ จะคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ สามารถใส่ไปงานต่าง ๆ ได้แทบทุกงานทั้งงานรื่นเริง งานเป็นทางการ หรือแม้แต่ใส่เที่ยว” เจ้าของร้าน เผย
ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น เสื้อ “ขวัญตา” ติดตลาดในเวลาไม่นาน นับถึงปัจจุบันมีมากกว่า 300 แบบไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าถุง กระเปง (ข้างหน้าเป็นกระโปรง ข้างหลังเป็นกางเกง) เป็นต้น
สุมามาลย์ ระบุว่า แทบทุกแบบดีไซน์ด้วยตัวเอง แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ จะนำคำแนะนำของลูกค้ามาบวกกับจินตนาการส่วนตัว เฉลี่ยแล้วจะมีสินค้าใหม่เดือนละ 2 แบบ
ในขั้นตอนการทำงานนั้น หลังการออกแบบ จะมอบหมายให้ชาวบ้านตัดเย็บหรือด้นตามตัวอย่างที่วางไว้ และเมื่อชาวบ้านนำงานมาส่ง จะต้องตรวจสอบคุณภาพเสียก่อน หากเย็บผิดพลาดหรือด้นผ้าไม่เรียบร้อย จะสั่งให้แก้ไขไม่ปล่อยให้ผ่านง่าย ๆ
ทั้งนี้ สินค้ามีทั้งแบบด้นมือ 100% กับแบบเย็บจักรผสมด้นมือ ราคาสินค้าแตกต่างกันไปตามความยากงาน ตั้งแต่ 290 - 5,500 บาท โดยงานด้นมือล้วนๆ ราคาจะสูงกว่างานผสมประมาณ 1 เท่าตัว กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ สุภาพสตรีวัยทำงาน ที่มีกำลังซื้อ และไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำกับใคร
แม้ราคาสินค้าจะสูง ขณะเดียวที่ปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว และเสื้อผ้าราคาถูกจากจีนเข้ามาขายในตลาดไทยจำนวนมาก ทว่า ปัจจัยลบเหล่านั้น แทบไม่กระทบยอดขายของร้านเลย เนื่องจากมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จึงมีฐานลูกค้าขาประจำแน่นอน
ไม่เพียงต่างในประเทศเท่านั้น ลูกค้าต่างชาติก็ให้ความสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น และชีลี เป็นต้น มียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ตัว/เดือน ผ่านช่องทางขายที่หน้าร้านบริเวณชั้น 1 รอยัลการ์เด้นท์ พลาซ่า เจริญนคร ออกงานแสดงสินค้า และผลิตตามออเดอร์
อีกความภูมิใจของเจ้าธุรกิจ นอกเหนือจากเรื่องผลกำไร คือ สามารถทำให้คนรุ่นใหม่ หันมานิยมใส่ผ้าไทยได้โดยไม่รู้สึกเขินอาย รวมถึง ช่วยสร้างงานให้คนในชุมชน จากเริ่มต้นมีแรงงานแค่ 5 คน ปัจจุบัน มีชาวบ้านหมุนเวียนมาทำอาชีพนี้เป็นรายได้เสริมกว่า 100 คนทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นงานทำมือ และแรงงานทั้งหมดเป็นชาวบ้าน อุปสรรคสำคัญ คือ แรงงานฝีมือหายาก บางครั้งผลิตสินค้าได้น้อย ยิ่งเป็นช่วงฤดูทำนา กลุ่มชาวบ้านจะหยุดไปทำนากันแทบทั้งหมด เกิดปัญหาชิ้นงานออกน้อย ไม่ทันตามสัญญาส่งของ
ทางแก้ไข จำเป็นต้องฝึกชาวบ้านให้สามารถทำงานสลับทดแทนกันภายในกลุ่ม อีกทั้ง ก่อนฤดูทำนาจะทำสินค้าตุนไว้ขาย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุนสูง จึงขอการสนับสนุนเงินทุนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและซื้อวัตถุดิบ เพื่อให้กิจการคล่องตัว และมีสินค้าออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
“ในอนาคตเราวางแผนไว้ว่า จะต้องพัฒนารูปแบบสินค้าให้มากขึ้นอีก ใส่เฉพาะงานได้มากขึ้น เช่น งานเลี้ยงกลางคืน ชุดทำงาน ชุดแต่งงาน เป็นต้น และชุดที่ผลิตออกมาลูกค้าใส่แล้วต้องดูดี จนเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง” สุมามาลย์ กล่าวทิ้งท้าย
โทร. 08-9669-0641 และ 08-4494-3332
สุมามาลย์ เต๋จ๊ะ เจ้าของธุรกิจร้าน “ขวัญตา” เล่าแรงบันดาลใจมาจากความผูกพันตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งแม่จะตัดเย็บเสื้อผ้า และเครื่องใช้ในบ้าน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ฯลฯ ด้วยมือทั้งหมด มีลวดลายด้นมือเพิ่มความสวยงาม ขณะที่ส่วนตัวผ่านการศึกษาสาขาผ้าและเครื่องแต่งกาย จากวิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุดรธานี จึงอยากลองนำพื้นฐานทั้งสองด้าน มาประยุกต์เป็นเสื้อผ้าใส่เอง
“เริ่มแรกแค่ทำเป็นงานอดิเรก ซึ่งเวลาใส่ไปไหน ก็จะมีแต่คนชื่นชม และเรียกร้องอยากได้บ้าง ทำให้ดิฉันเกิดความคิดอยากจะขยายเป็นธุรกิจ นอกจากจะได้ทำอาชีพที่รักแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ให้คนแก่ในชุมชนบ้านเกิดของตัวเอง” สุมามาลย์ กล่าว และเล่าต่อว่า
เริ่มธุรกิจจริงจัง เมื่อปี 2546 โดยนำชื่อแม่ คือ “ขวัญตา” มาเป็นชื่อแบรนด์ อาศัยทุนส่วนตัวหลักหมื่น กับแรงงานเพียง 5 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุในบ้านเกิด ที่ชุมชนบ้านเมืองใหม่ อ.ศรีบุญ จ.หนองบัวลำภู
จุดเด่นสินค้า “ขวัญตา” ใช้วัตถุดิบผ้าฝ้ายทอมือที่มีความเป็นธรรมชาติ เย็บ และประดับตกแต่งด้วยวิธีด้นมือ ขณะที่ดีไซน์ให้ร่วมสมัย ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำกับใคร
“การดีไซน์จะผสมผสานระหว่างผ้าไทยกับแฟชั่นยุคปัจจุบัน ให้ออกมาดูร่วมสมัย ใส่แล้วไม่โบราณ หรือตามกระแสมากจนเกินไป สามารถสวมใส่ได้ทุกวัย ตั้งแต่ผู้หญิงวัยรุ่น วัยทำงาน ถึงวัยผู้ใหญ่มาก ๆ นอกจากนี้ การดีไซน์ จะคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ สามารถใส่ไปงานต่าง ๆ ได้แทบทุกงานทั้งงานรื่นเริง งานเป็นทางการ หรือแม้แต่ใส่เที่ยว” เจ้าของร้าน เผย
ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น เสื้อ “ขวัญตา” ติดตลาดในเวลาไม่นาน นับถึงปัจจุบันมีมากกว่า 300 แบบไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าถุง กระเปง (ข้างหน้าเป็นกระโปรง ข้างหลังเป็นกางเกง) เป็นต้น
สุมามาลย์ ระบุว่า แทบทุกแบบดีไซน์ด้วยตัวเอง แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ จะนำคำแนะนำของลูกค้ามาบวกกับจินตนาการส่วนตัว เฉลี่ยแล้วจะมีสินค้าใหม่เดือนละ 2 แบบ
ในขั้นตอนการทำงานนั้น หลังการออกแบบ จะมอบหมายให้ชาวบ้านตัดเย็บหรือด้นตามตัวอย่างที่วางไว้ และเมื่อชาวบ้านนำงานมาส่ง จะต้องตรวจสอบคุณภาพเสียก่อน หากเย็บผิดพลาดหรือด้นผ้าไม่เรียบร้อย จะสั่งให้แก้ไขไม่ปล่อยให้ผ่านง่าย ๆ
ทั้งนี้ สินค้ามีทั้งแบบด้นมือ 100% กับแบบเย็บจักรผสมด้นมือ ราคาสินค้าแตกต่างกันไปตามความยากงาน ตั้งแต่ 290 - 5,500 บาท โดยงานด้นมือล้วนๆ ราคาจะสูงกว่างานผสมประมาณ 1 เท่าตัว กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ สุภาพสตรีวัยทำงาน ที่มีกำลังซื้อ และไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำกับใคร
แม้ราคาสินค้าจะสูง ขณะเดียวที่ปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว และเสื้อผ้าราคาถูกจากจีนเข้ามาขายในตลาดไทยจำนวนมาก ทว่า ปัจจัยลบเหล่านั้น แทบไม่กระทบยอดขายของร้านเลย เนื่องจากมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จึงมีฐานลูกค้าขาประจำแน่นอน
ไม่เพียงต่างในประเทศเท่านั้น ลูกค้าต่างชาติก็ให้ความสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น และชีลี เป็นต้น มียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ตัว/เดือน ผ่านช่องทางขายที่หน้าร้านบริเวณชั้น 1 รอยัลการ์เด้นท์ พลาซ่า เจริญนคร ออกงานแสดงสินค้า และผลิตตามออเดอร์
อีกความภูมิใจของเจ้าธุรกิจ นอกเหนือจากเรื่องผลกำไร คือ สามารถทำให้คนรุ่นใหม่ หันมานิยมใส่ผ้าไทยได้โดยไม่รู้สึกเขินอาย รวมถึง ช่วยสร้างงานให้คนในชุมชน จากเริ่มต้นมีแรงงานแค่ 5 คน ปัจจุบัน มีชาวบ้านหมุนเวียนมาทำอาชีพนี้เป็นรายได้เสริมกว่า 100 คนทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นงานทำมือ และแรงงานทั้งหมดเป็นชาวบ้าน อุปสรรคสำคัญ คือ แรงงานฝีมือหายาก บางครั้งผลิตสินค้าได้น้อย ยิ่งเป็นช่วงฤดูทำนา กลุ่มชาวบ้านจะหยุดไปทำนากันแทบทั้งหมด เกิดปัญหาชิ้นงานออกน้อย ไม่ทันตามสัญญาส่งของ
ทางแก้ไข จำเป็นต้องฝึกชาวบ้านให้สามารถทำงานสลับทดแทนกันภายในกลุ่ม อีกทั้ง ก่อนฤดูทำนาจะทำสินค้าตุนไว้ขาย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุนสูง จึงขอการสนับสนุนเงินทุนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและซื้อวัตถุดิบ เพื่อให้กิจการคล่องตัว และมีสินค้าออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
“ในอนาคตเราวางแผนไว้ว่า จะต้องพัฒนารูปแบบสินค้าให้มากขึ้นอีก ใส่เฉพาะงานได้มากขึ้น เช่น งานเลี้ยงกลางคืน ชุดทำงาน ชุดแต่งงาน เป็นต้น และชุดที่ผลิตออกมาลูกค้าใส่แล้วต้องดูดี จนเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง” สุมามาลย์ กล่าวทิ้งท้าย
โทร. 08-9669-0641 และ 08-4494-3332
