นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการหารือกับทุกพรรคการเมืองในวันนี้ ( 6 ต.ค.) หลังจากการประชุม 4 ฝ่าย ได้ข้อสรุปว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้งส.ส.ร. 3 ว่า รัฐบาลควรจะมีความชัดเจน เกี่ยวกับร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ฉบับหมอเหวง เพราะไม่คิดว่า ในข้อสรุปรูปแบบ ส.ส.ร. ทั้งหมดจะทำได้ทันในวันนี้ และไม่คิดว่าสามารถทำได้ทันก่อนที่เรื่องนี้ จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
ส่วนที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะเสียงข้างมาก ระบุว่าจะให้มีการฟรีโหวตนั้น ได้เรียนนายกฯไปว่า หากปล่อยฟรีโหวต แล้วร่าง ของหมอเหวงผ่านไป อย่างนั้นข้อเสนอเรื่อง ส.ส.ร. ก็ล้มหมด
ดังนั้น นายกฯ ต้องคิดว่า คำแถลงนโยบายสนับสนุนเรื่องส.ส.ร. ท่านก็มีหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค ไปดูแลในการทำหน้าที่ของสมาชิกในสภาฯ ว่า จะสนับสนุน ส.ส.ร. หรือไม่ ซึ่งการพยายามอ้างว่า เป็นเรื่องของสภาฯนั้นไม่ใช่ เพราะการหารือของ 4 ฝ่ายได้พูดชัดว่า นายกฯ สวมหมวก 2 ใบ ซึ่งในฝ่ายบริหาร เราเข้าใจว่าคำว่าของสภาฯ หมายความว่า เวลาเสนอร่างหรืออะไร ไม่ใช่เสนอในนามคณะรัฐมนตรี รัฐบาลไม่เกี่ยว แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเราเป็นระบบรัฐสภาไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ดังนั้น ระบบรัฐสภาเสียงข้างมากในสภาฯ โยงอยู่กับฝ่ายบริหาร ซึ่งนายกฯต้องดูแลว่า ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะผลักดันเรื่อง ส.ส.ร. ก็ต้องไม่ให้การตัดสินใจของสมาชิกสภาฯ ไปกระทบกับการเรื่อการตั้งส.ส.ร. โดยเฉพาะในส่วนของท่านเอง
"ถ้าร่างกฎหมายของหมอเหวง ผ่าน เรื่องส.ส.ร.ก็ล้ม ความขัดแย้งในสังคมก็คงจะเกิด ปัญหา ก็คือฉบับของหมอเหวง กับคณะ แม้ว่าจะมีบางประเด็นซึ่งสังคมเห็นด้วย เพราะอาจจะนำเอาบางส่วนของรัฐธรรมนูญปี 40 ที่เราคิดว่าดีกว่าปี 50 เข้ามา แต่ขณะเดียวกันไปตรงกับสิ่งที่ประชาชนจำนวนหนึ่งเขาต่อต้าน คือ การแก้แล้วช่วยคดีคน ซึ่งผมคิดว่าถ้าเราตกลงเดินหน้าเรื่องส.ส.ร.ร่วมกัน ก็ต้องดูแลว่าส.ส.ร.เดินหน้าได้ ถ้ารัฐบาลไปผ่านร่างนี้ ก็แปลว่า ไม่เอาเรื่อง ส.ส.ร. และเท่ากับว่ารัฐบาลไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำให้เกิด ส.ส.ร.ขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามความรับผิดชอบของรัฐบาลด้วย เพราะเขียนไว้ ในนโยบาย " นายอภิสิทธิ์กล่าว
ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการประชุมร่วมหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคในวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะถูกดึงเข้าไปอยู่ในเกมด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะตนบอกแล้วว่าเรื่อง ส.ส.ร. ถ้าจะแก้ปัญหาได้ทุกพรรคต้องร่วมลงนาม และทุกพรรคจะร่วมลงนามก็ต่อเมื่อทุกพรรคมั่นใจว่าเป็นส.ส.ร. ที่มีความเป็นกลางอย่างแท้จริง ถ้าคิดจะใช้เสียงข้างมากลาก ตนก็ไม่ร่วมด้วย เพราะตนไม่มี หน้าที่ไปเป็นเครื่องมือของใครที่จะมาบิดเบือนกระบวนการ ดังนั้น ถ้าไม่ฟังเสียงข้างน้อย ไม่ฟังเสียงวุฒิสภาเลยก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งนี้ ตนให้เกียรติทุกคน เพราะถือว่าเมื่อประธานสภาฯ ยื่นมือเข้ามาขอความร่วมมือ ตนก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้วเราก็ให้เกียรติกัน แต่ถ้าท่านไม่รักษาเกียรติของท่าน มีความคิดแอบแฝงเราก็ไม่ร่วมด้วยเท่านั้นเอง ไม่มีปัญหา ซึ่งการไม่ร่วมด้วยคือไม่ลงนามเสนอ เพราะถ้าหากออกแบบส.ส.ร.ชนิดที่เรียกว่ารัฐบาลจับวางคนในส.ส.ร.ได้ ตนก็ไม่เอา ซึ่งตนพูดไปแล้วในที่ประชุม 4 ฝ่าย
**ปชป.ขู่ไม่สังฆกรรม ส.ส.ร.3
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากนายกฯ ไม่สามารถคุมสถานการณ์ภายในพรรคได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบรรจุร่างรัฐธรรมนูญฉบับ หมอเหวง ซึ่งลูกพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาแสดงความขัดแย้งเกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนบางกลุ่มจะคว่ำ และบางกลุ่มจะสนับสนุน ขณะเดียวกันได้มีนักการเมืองหลายกลุ่มภายในพรรคพลังประชาชน ที่มีการจัดเตรียมฝูงชนเข้ามาในกทม.เพื่อเข้ามาให้การสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร.ในสัมดาห์หน้า ทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองเกิดความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่จะทำให้สถานการณ์ลุกลาม เพราะอาจะเกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
" ถ้าหากนายกฯ ไม่จริงใจ และไม่สามารถควบคุม ส.ส.ในพรรคได้ ก็เสี่ยงที่กระบวนการตั้ง ส.ส.ร.3 อาจจะถูกเสียงข้างมากกำหนดให้ขาดความเป็นกลาง ในการสรรหา และถ้าหากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถสร้างความมั่นใจในส่วนนี้ได้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะทบทวนบาทในการเข้าร่วม ส.ส.ร.3 และการประชุม 4 ฝ่าย หากนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมและคำพูดที่ไม่สามารถสร้างความมั่นใจในการปฏิรูปการเมืองได้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะถอนตัวออกมา" นพ.บุรณัชย์กล่าว
**จับตาองครักษ์พิทักษ์"สมชาย"
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการกรณีสมาชิกพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เตรียมองค์รักษ์พิทักษ์นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในการแถลงนโยบาย ในวันที่ 7-9 ต.ค.นี้ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะทราบดีอยู่แล้วนายสมชาย แตกต่างจากนายสมัคร สุนทเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถตอบโต้ทางการเมืองได้ในสภา เหมือนนายสมัคร และนายสมชาย มีคนอยู่เบื้องหลัง ที่เป็นตู้เอทีเอ็ม ที่มีคนคอยเติมเงิน สำหรับการประท้วง จึงเกิดการจัดองค์รักษ์นายสมชาย
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะอภิปรายในกรอบของระยะเวลา และระเบียบการประชุมอย่างเคร่งครัด โดยพรรคประชาธิปัตย์จะอภิปรายถึงความผิดพลาด ล้มเหลวย้อนหลังและพาดพิงความล้มเหลวในการบริหาราชการแผ่นดินของนายสมัครด้วย รวมถึงตัวบุคคล เพราะครม.ของนายสมชายส่วนหนึ่ง ยังเป็นบุคคลเดิมๆของรัฐบาลนาย สมัคร ซึ่งมีตำหนิ นอกจากนี้ ตนยังห่วงว่าจะมีความวุ่นวายอาจจะเกิดขึ้น เพราะการอภิปรายมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ซึ่งจะมีส.ส.หน้าเดิมที่รุกขึ้นมาโฆษณาตัวเอง โดยการประท้วงและตัดเกมทำลายสมาธิผู้อภิปราย ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ปล่อยให้ส.ส.กลุ่มนี้ ลุกขึ้นประท้วงอย่างไร้สาระ และเกเรเหมือนการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา
ส่วนที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะเสียงข้างมาก ระบุว่าจะให้มีการฟรีโหวตนั้น ได้เรียนนายกฯไปว่า หากปล่อยฟรีโหวต แล้วร่าง ของหมอเหวงผ่านไป อย่างนั้นข้อเสนอเรื่อง ส.ส.ร. ก็ล้มหมด
ดังนั้น นายกฯ ต้องคิดว่า คำแถลงนโยบายสนับสนุนเรื่องส.ส.ร. ท่านก็มีหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค ไปดูแลในการทำหน้าที่ของสมาชิกในสภาฯ ว่า จะสนับสนุน ส.ส.ร. หรือไม่ ซึ่งการพยายามอ้างว่า เป็นเรื่องของสภาฯนั้นไม่ใช่ เพราะการหารือของ 4 ฝ่ายได้พูดชัดว่า นายกฯ สวมหมวก 2 ใบ ซึ่งในฝ่ายบริหาร เราเข้าใจว่าคำว่าของสภาฯ หมายความว่า เวลาเสนอร่างหรืออะไร ไม่ใช่เสนอในนามคณะรัฐมนตรี รัฐบาลไม่เกี่ยว แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเราเป็นระบบรัฐสภาไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ดังนั้น ระบบรัฐสภาเสียงข้างมากในสภาฯ โยงอยู่กับฝ่ายบริหาร ซึ่งนายกฯต้องดูแลว่า ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะผลักดันเรื่อง ส.ส.ร. ก็ต้องไม่ให้การตัดสินใจของสมาชิกสภาฯ ไปกระทบกับการเรื่อการตั้งส.ส.ร. โดยเฉพาะในส่วนของท่านเอง
"ถ้าร่างกฎหมายของหมอเหวง ผ่าน เรื่องส.ส.ร.ก็ล้ม ความขัดแย้งในสังคมก็คงจะเกิด ปัญหา ก็คือฉบับของหมอเหวง กับคณะ แม้ว่าจะมีบางประเด็นซึ่งสังคมเห็นด้วย เพราะอาจจะนำเอาบางส่วนของรัฐธรรมนูญปี 40 ที่เราคิดว่าดีกว่าปี 50 เข้ามา แต่ขณะเดียวกันไปตรงกับสิ่งที่ประชาชนจำนวนหนึ่งเขาต่อต้าน คือ การแก้แล้วช่วยคดีคน ซึ่งผมคิดว่าถ้าเราตกลงเดินหน้าเรื่องส.ส.ร.ร่วมกัน ก็ต้องดูแลว่าส.ส.ร.เดินหน้าได้ ถ้ารัฐบาลไปผ่านร่างนี้ ก็แปลว่า ไม่เอาเรื่อง ส.ส.ร. และเท่ากับว่ารัฐบาลไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำให้เกิด ส.ส.ร.ขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามความรับผิดชอบของรัฐบาลด้วย เพราะเขียนไว้ ในนโยบาย " นายอภิสิทธิ์กล่าว
ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการประชุมร่วมหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคในวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะถูกดึงเข้าไปอยู่ในเกมด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะตนบอกแล้วว่าเรื่อง ส.ส.ร. ถ้าจะแก้ปัญหาได้ทุกพรรคต้องร่วมลงนาม และทุกพรรคจะร่วมลงนามก็ต่อเมื่อทุกพรรคมั่นใจว่าเป็นส.ส.ร. ที่มีความเป็นกลางอย่างแท้จริง ถ้าคิดจะใช้เสียงข้างมากลาก ตนก็ไม่ร่วมด้วย เพราะตนไม่มี หน้าที่ไปเป็นเครื่องมือของใครที่จะมาบิดเบือนกระบวนการ ดังนั้น ถ้าไม่ฟังเสียงข้างน้อย ไม่ฟังเสียงวุฒิสภาเลยก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งนี้ ตนให้เกียรติทุกคน เพราะถือว่าเมื่อประธานสภาฯ ยื่นมือเข้ามาขอความร่วมมือ ตนก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้วเราก็ให้เกียรติกัน แต่ถ้าท่านไม่รักษาเกียรติของท่าน มีความคิดแอบแฝงเราก็ไม่ร่วมด้วยเท่านั้นเอง ไม่มีปัญหา ซึ่งการไม่ร่วมด้วยคือไม่ลงนามเสนอ เพราะถ้าหากออกแบบส.ส.ร.ชนิดที่เรียกว่ารัฐบาลจับวางคนในส.ส.ร.ได้ ตนก็ไม่เอา ซึ่งตนพูดไปแล้วในที่ประชุม 4 ฝ่าย
**ปชป.ขู่ไม่สังฆกรรม ส.ส.ร.3
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากนายกฯ ไม่สามารถคุมสถานการณ์ภายในพรรคได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบรรจุร่างรัฐธรรมนูญฉบับ หมอเหวง ซึ่งลูกพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาแสดงความขัดแย้งเกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนบางกลุ่มจะคว่ำ และบางกลุ่มจะสนับสนุน ขณะเดียวกันได้มีนักการเมืองหลายกลุ่มภายในพรรคพลังประชาชน ที่มีการจัดเตรียมฝูงชนเข้ามาในกทม.เพื่อเข้ามาให้การสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร.ในสัมดาห์หน้า ทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองเกิดความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่จะทำให้สถานการณ์ลุกลาม เพราะอาจะเกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
" ถ้าหากนายกฯ ไม่จริงใจ และไม่สามารถควบคุม ส.ส.ในพรรคได้ ก็เสี่ยงที่กระบวนการตั้ง ส.ส.ร.3 อาจจะถูกเสียงข้างมากกำหนดให้ขาดความเป็นกลาง ในการสรรหา และถ้าหากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถสร้างความมั่นใจในส่วนนี้ได้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะทบทวนบาทในการเข้าร่วม ส.ส.ร.3 และการประชุม 4 ฝ่าย หากนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมและคำพูดที่ไม่สามารถสร้างความมั่นใจในการปฏิรูปการเมืองได้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะถอนตัวออกมา" นพ.บุรณัชย์กล่าว
**จับตาองครักษ์พิทักษ์"สมชาย"
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการกรณีสมาชิกพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เตรียมองค์รักษ์พิทักษ์นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในการแถลงนโยบาย ในวันที่ 7-9 ต.ค.นี้ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะทราบดีอยู่แล้วนายสมชาย แตกต่างจากนายสมัคร สุนทเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถตอบโต้ทางการเมืองได้ในสภา เหมือนนายสมัคร และนายสมชาย มีคนอยู่เบื้องหลัง ที่เป็นตู้เอทีเอ็ม ที่มีคนคอยเติมเงิน สำหรับการประท้วง จึงเกิดการจัดองค์รักษ์นายสมชาย
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะอภิปรายในกรอบของระยะเวลา และระเบียบการประชุมอย่างเคร่งครัด โดยพรรคประชาธิปัตย์จะอภิปรายถึงความผิดพลาด ล้มเหลวย้อนหลังและพาดพิงความล้มเหลวในการบริหาราชการแผ่นดินของนายสมัครด้วย รวมถึงตัวบุคคล เพราะครม.ของนายสมชายส่วนหนึ่ง ยังเป็นบุคคลเดิมๆของรัฐบาลนาย สมัคร ซึ่งมีตำหนิ นอกจากนี้ ตนยังห่วงว่าจะมีความวุ่นวายอาจจะเกิดขึ้น เพราะการอภิปรายมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ซึ่งจะมีส.ส.หน้าเดิมที่รุกขึ้นมาโฆษณาตัวเอง โดยการประท้วงและตัดเกมทำลายสมาธิผู้อภิปราย ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ปล่อยให้ส.ส.กลุ่มนี้ ลุกขึ้นประท้วงอย่างไร้สาระ และเกเรเหมือนการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา