ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้มีคำพิพากษายกคำร้องของ กกต.ในคดีที่เป็นโจทย์ร้องขอให้ศาลฎีกาฯพิจารณาสั่งให้เลือกตั้งใหม่ใน เขต 3 จ.สุรินทร์ ภายหลังที่ กกต.พบว่าการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ในเขตดังกล่าวปรากฏว่า นายเลิศศักดิ์ ทัศนเศรษฐ์ นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา ได้รับการเลือกตั้งนั้น มีผู้มาร้องคัดค้านว่า การเลือกตั้งดังกล่าวมีการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมโดยการแจกวีซีดี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และติดรูปผู้สมัคร พร้อมเงินแจกให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตดังกล่าวเพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครทั้ง 3 คน
ซึ่งกรณีการแจกวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ และมีข้อความว่า ทักษิณ รักไทย-เปิดใจ ทักษิณ 1 ปีที่หายไป มีเนื้อหาลักษณะจูงใจให้ประชาชนสงสารและเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรียกร้องขอคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครพรรคพลังประชาชน และเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ในเวลา 07.00-08.00 น.นายเหลื่อม หิ้งงาม สมาชิก อบต.สังขละ ได้นำเงิน 1,500 บาท ให้นางถวิล ซื้อเสียงเพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าว เพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครทั้ง 3 คน ซึ่งแม้ว่าในการสอบสวนของกกต. ไม่ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านหรือ ส.ส.ทั้ง 3 คนเป็นผู้ก่อหรือสนับสนุน ให้ผู้อื่นกระทำหรือสนับสนุนให้ทำ แต่ทำให้การเลือกตั้งในเขตดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านทั้ง 3 มิได้สุจริตและเที่ยงธรรมจึงขอให้ศาลพิจารณาสั่งให้เลือกตั้งใหม่แทนสส.ทั้ง 3 คน
ทั้งนี้คำพิพากษายกคำร้องของศาลฎีกา ระบุว่า มีประเด็นข้อเท็จจริง ให้ศาลพิจารณาใน 2ประเด็นคือ 1. กรณีวีซีดีตามคำร้องเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ตีเป็นเงินได้เพื่อจูงใจหรือไม่ เห็นว่า แผ่นวีซีดี ไม่ได้เป็นทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันคำนวนเป็นเงินได้เพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัคร หรือจูงใจให้งดเว้นการลงคะแนนให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ตามนัยแห่งมาตรา 53 วรรคหนึ่ง ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.ฯที่เจตนารมณ์มุ่งประสงค์ควบคุมการใช้สิทธิ ลงคะแนนให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หากแต่สาระสำคัญของแผ่นวีซีดี ที่แจกจ่ายอยู่ที่มีเนื้อหาในลักษณะเป็นการจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความรู้สึกสงสารและเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผู้คัดค้านก็รับว่า ภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค พรรคพลังประชาชนที่มีสมาชิกของพรรคไทยรักไทย ได้มาร่วมกันก่อตั้งพรรคใหม่และนำนโยบายของพรรคเดิมมาปรับปรุงเป็นนโยบาย ของพรรคใหม่ อันเป็นข้อบ่งชี้แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันที่สืบเนื่องเชื่อมโยงกันระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ที่ทั้ง 3 คนสังกัดอยู่
เป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกแสดงว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 3 มีเจตนาจะใช้เนื้อหาตามที่ปรากฏในวีซีดีเท่านั้นจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับผู้คัดค้านทั้ง 3 แต่หาได้มีเจตนาจะใช้มูลค่าแห่งแผ่นวีซีดีจูงใจประชาชนให้เลือกทั้ง 3 ไม่ ดังนั้น การแจกวีซีดีก็เสมือนกับการแจกแผ่นพับโฆษณาหาเสียงนั่นเอง สาระสำคัญแห่งการกระทำหาได้แตกต่างกันไม่ เมื่อผู้สมัครมีสิทธิที่จะแจกแผ่นพับในการหาเสียง ผู้สมัครก็ชอบก็จะแจกวีซีดีได้เช่นกัน เพียงแต่วีซีดีเป็นสื่อ หรือเครื่องมือที่แปลี่ยนไปตามยุคสมัย การแจกวีซีดีจึงมิใช่เป็นการแจกทรัพย์สินอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามนัยแห่งมาตรา 53 วรรค 1 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. “
2.กรณีนายเหลื่อม ให้เงินนางถวิลนั้น นางถวิลระบุว่า นายเหลื่อมมาหาตน เพียงคนเดียวและให้เงินและบอกให้เลือกผู้คัดค้านทั้ง 3 คนโดยนายเหลื่อมยังให้ นางถวิลแบ่งเงินให้นายสุนทร สามีของนางถวิล และคนงานของสามีนางถวิลอีก 3 คนด้วยคนละ 300 บาท ต่อมานายสุนทรกลับมาจากงานไม่ยอมรับเงินจากนางถวิล นางถวิลจึงเก็บรักษาเงินจำนวนดังกล่าวไว้ และนายสุนทรและคนงานคือนายสมภพ จึงเดินทางมาร้องคัดค้านผู้สมัครทั้ง 3 คน
จากการไต่สวนศาลเห็นว่าคำเบิกความของนางถวิล และคำให้การของสามี นางถวิลและคนงานต่างไม่รู้เรื่องในการรับเงินดังกล่าวทำให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือ ของพยานดังกล่าวไม่มั่นคง จึงไม่มีเหตุควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังที่กล่าวจริง ประกอบกับเรื่องดังกล่าวง่ายต่อการกล่าวอ้างและอาจเป็นช่องทางให้ร้องเรียนกลั่นแกล้งกันได้ การรับฟังพยานหลักฐานว่ามีการกระทำดังกล่าวจริงหรือไม่ จึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังตามสมควร เมื่อผู้ร้องไม่มีพยาน และหลักฐานมาสนับสนุน จึงเห็นควรให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยกคำร้องร้องนี้เป็นคำร้องแรกที่ศาลฎีกา ที่กกต. ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่งเลือกตั้งใหม่ซึ่งหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา ส.ส.ทั้ง 3 คนก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม
อย่างไรก็ตามขณะนี้เหลืออีก 5 สำนวน 3 จังหวัด ที่กกต.รอว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาตามที่ได้เสนอเรื่องไปหรือไม่ ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ 1.นายประสิทธิ ตั้งศรีเกียรติกุล เขต 3 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง ) 2.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ เขต 3 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง รอศาล) สมุทรปราการ 3.นายจิรพันธ์ ลิ้มสกุลศิริรัตน์ เขต 2 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง) 4.นายนที สุทินเผือก หรือ กรุง ศรีวิไล เขต 2 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง) ร้อยเอ็ด 5.นาย นพดล พลซื่อ เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน (ใบแดง)
ซึ่งกรณีการแจกวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ และมีข้อความว่า ทักษิณ รักไทย-เปิดใจ ทักษิณ 1 ปีที่หายไป มีเนื้อหาลักษณะจูงใจให้ประชาชนสงสารและเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรียกร้องขอคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครพรรคพลังประชาชน และเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ในเวลา 07.00-08.00 น.นายเหลื่อม หิ้งงาม สมาชิก อบต.สังขละ ได้นำเงิน 1,500 บาท ให้นางถวิล ซื้อเสียงเพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าว เพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครทั้ง 3 คน ซึ่งแม้ว่าในการสอบสวนของกกต. ไม่ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านหรือ ส.ส.ทั้ง 3 คนเป็นผู้ก่อหรือสนับสนุน ให้ผู้อื่นกระทำหรือสนับสนุนให้ทำ แต่ทำให้การเลือกตั้งในเขตดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านทั้ง 3 มิได้สุจริตและเที่ยงธรรมจึงขอให้ศาลพิจารณาสั่งให้เลือกตั้งใหม่แทนสส.ทั้ง 3 คน
ทั้งนี้คำพิพากษายกคำร้องของศาลฎีกา ระบุว่า มีประเด็นข้อเท็จจริง ให้ศาลพิจารณาใน 2ประเด็นคือ 1. กรณีวีซีดีตามคำร้องเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ตีเป็นเงินได้เพื่อจูงใจหรือไม่ เห็นว่า แผ่นวีซีดี ไม่ได้เป็นทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันคำนวนเป็นเงินได้เพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัคร หรือจูงใจให้งดเว้นการลงคะแนนให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ตามนัยแห่งมาตรา 53 วรรคหนึ่ง ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.ฯที่เจตนารมณ์มุ่งประสงค์ควบคุมการใช้สิทธิ ลงคะแนนให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หากแต่สาระสำคัญของแผ่นวีซีดี ที่แจกจ่ายอยู่ที่มีเนื้อหาในลักษณะเป็นการจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความรู้สึกสงสารและเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผู้คัดค้านก็รับว่า ภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค พรรคพลังประชาชนที่มีสมาชิกของพรรคไทยรักไทย ได้มาร่วมกันก่อตั้งพรรคใหม่และนำนโยบายของพรรคเดิมมาปรับปรุงเป็นนโยบาย ของพรรคใหม่ อันเป็นข้อบ่งชี้แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันที่สืบเนื่องเชื่อมโยงกันระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ที่ทั้ง 3 คนสังกัดอยู่
เป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกแสดงว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 3 มีเจตนาจะใช้เนื้อหาตามที่ปรากฏในวีซีดีเท่านั้นจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับผู้คัดค้านทั้ง 3 แต่หาได้มีเจตนาจะใช้มูลค่าแห่งแผ่นวีซีดีจูงใจประชาชนให้เลือกทั้ง 3 ไม่ ดังนั้น การแจกวีซีดีก็เสมือนกับการแจกแผ่นพับโฆษณาหาเสียงนั่นเอง สาระสำคัญแห่งการกระทำหาได้แตกต่างกันไม่ เมื่อผู้สมัครมีสิทธิที่จะแจกแผ่นพับในการหาเสียง ผู้สมัครก็ชอบก็จะแจกวีซีดีได้เช่นกัน เพียงแต่วีซีดีเป็นสื่อ หรือเครื่องมือที่แปลี่ยนไปตามยุคสมัย การแจกวีซีดีจึงมิใช่เป็นการแจกทรัพย์สินอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามนัยแห่งมาตรา 53 วรรค 1 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. “
2.กรณีนายเหลื่อม ให้เงินนางถวิลนั้น นางถวิลระบุว่า นายเหลื่อมมาหาตน เพียงคนเดียวและให้เงินและบอกให้เลือกผู้คัดค้านทั้ง 3 คนโดยนายเหลื่อมยังให้ นางถวิลแบ่งเงินให้นายสุนทร สามีของนางถวิล และคนงานของสามีนางถวิลอีก 3 คนด้วยคนละ 300 บาท ต่อมานายสุนทรกลับมาจากงานไม่ยอมรับเงินจากนางถวิล นางถวิลจึงเก็บรักษาเงินจำนวนดังกล่าวไว้ และนายสุนทรและคนงานคือนายสมภพ จึงเดินทางมาร้องคัดค้านผู้สมัครทั้ง 3 คน
จากการไต่สวนศาลเห็นว่าคำเบิกความของนางถวิล และคำให้การของสามี นางถวิลและคนงานต่างไม่รู้เรื่องในการรับเงินดังกล่าวทำให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือ ของพยานดังกล่าวไม่มั่นคง จึงไม่มีเหตุควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังที่กล่าวจริง ประกอบกับเรื่องดังกล่าวง่ายต่อการกล่าวอ้างและอาจเป็นช่องทางให้ร้องเรียนกลั่นแกล้งกันได้ การรับฟังพยานหลักฐานว่ามีการกระทำดังกล่าวจริงหรือไม่ จึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังตามสมควร เมื่อผู้ร้องไม่มีพยาน และหลักฐานมาสนับสนุน จึงเห็นควรให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยกคำร้องร้องนี้เป็นคำร้องแรกที่ศาลฎีกา ที่กกต. ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่งเลือกตั้งใหม่ซึ่งหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา ส.ส.ทั้ง 3 คนก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม
อย่างไรก็ตามขณะนี้เหลืออีก 5 สำนวน 3 จังหวัด ที่กกต.รอว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาตามที่ได้เสนอเรื่องไปหรือไม่ ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ 1.นายประสิทธิ ตั้งศรีเกียรติกุล เขต 3 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง ) 2.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ เขต 3 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง รอศาล) สมุทรปราการ 3.นายจิรพันธ์ ลิ้มสกุลศิริรัตน์ เขต 2 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง) 4.นายนที สุทินเผือก หรือ กรุง ศรีวิไล เขต 2 พรรคพลังประชาชน (ใบเหลือง) ร้อยเอ็ด 5.นาย นพดล พลซื่อ เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน (ใบแดง)