00 ภายในพรรค “พลังแม้ว” เวลานี้ ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็น่าออกมาในลักษณะสับสนอลหม่าน มีการไล่ตี ไล่ชก แอบแทงข้างหลังหรือเหยียบข้ามศพคนอื่นเพื่อให้ตนเองเอาตัวรอดและหาประโยชน์ให้มากที่สุด ก่อนที่เรือผุๆลำนี้จะจมลงสู่ก้นทะเลในไม่ช้า
00 อาการตบะแตกของ “มหากุเทพ” ที่ออกมาเผารังตัวเองจนวอดวาย ยืนแลกหมัดกับกลุ่ม “อีสานพัฒนา” กันนัวเนีย ฐานเปิดโปง “แก๊งสี่คน” กระทบชิ่งไปถึงลูกพี่เรียงตัว เห็นบรรยากาศแบบนั้นแล้วก็ได้แต่สมเพชเวทนา
00 ล่าสุด ฟังจากปากของอัยการใหญ่เจ้าของสำนวนยุบพรรค ทั้ง ชาติไทย-มัชฌิมาฯ ไม่ว่าจะมีขบวนการ “ยื้อ” ให้ทอดเวลาให้นานออกไปแค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะคนที่ “ตัวไม่ยาว” ทุ่มทุนเต็มที่แต่ในเมื่อถูกแรงกดดัน ถูกสอบถามจากสังคมทุกวัน มันก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญจนได้ ขณะที่คิวต่อไปก็จะเป็น”พลังแม้ว” ก็เลี่ยงไม่พ้น และนาทีนี้สำนวนได้อยู่ในมือของ “ทั่นรองฯ”ว่าจะบริหารความสมดุลนี้ได้อย่างไรไม่ให้มากดทับตัวเองจนอาจไม่ได้นั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่งหรือไม่
00 ในสภาพขั้วการเมือง “เปราะบาง” ยิ่งต้องคิดให้หนักและประเมินกันวันต่อวัน แต่ในที่สุดแล้วรับรองว่ามันก็ต้องเดินหน้าตามตารางเวลา แม้ไม่รู้ว่า “ทีมยื้อ” จะทำงานได้ผลหรือไม่ก็ตามรู้แต่ว่าภายในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคมนี้จะได้เห็นกันจะจะว่าอัยการจะมีเหตุผลชี้แจงกับสังคมอย่างไรหากเสนอตั้งกรรมการร่วมพิจารณาสำนวนยุบ “พลังประชาชน”
00 เพราะก่อนหน้านี้บอกว่าหลักฐานของกกต.เสนอให้ยุบพรรคชาติไทย-มัชฌิมาฯแน่นหนาจึงส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปจะเห็นว่า “ไม่เอกฉันท์” แต่กรณีของพรรคพลังประชาชนมติเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 แค่นี้ก็น่าจะเป็นคำตอบได้อีกทางหนึ่งแล้ว เชื่อว่าภายในวันศุกร์หน้าคงได้ลุ้นเสียวกันมั่งละ
00 เมื่อสองสามวันก่อนได้ฟังความเห็นของนักวิชาการบางคนแล้วรู้สึกขำไม่ออกกับแนวทาง “ปฏิรูปการเมืองใหม่” เสนอว่าไม่ควรให้ “พันธมิตรฯ” เข้ามาร่วม อ้างว่ามีส่วนได้เสีย โดยลืมนึกไปว่าพันธมิตรฯก็คือประชาชนที่รวมตัวกันแล้วกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ตรวจสอบ ขับไล่นักการเมืองขี้โกงให้ออกไป
00 แต่พอมีคนขานรับและถึงเวลาต้องกำหนดกติกาใหม่ตามที่ประชาชนภายใต้ชื่อพันธมิตรฯ กลับมีนักวิชาการบางพวกมาชี้หน้าว่าต้องกันคนพวกนี้ออกไป อ้างว่ามีส่วนได้เสีย
00 ถ้าบอกว่านักการเมืองหรือรัฐบาลมีส่วนได้เสียไม่ต้องให้มาร่วมร่างกติกา อย่างนี้ไม่มีใครเถียง แต่ถ้ามากีดกันไม่ให้พันธมิตรฯไม่ให้มายุ่งแล้ว ถือว่ามันเกินไปและฉวยโอกาส เพราะพวกเขาสู้มาแทบเป็นแทบตาย เสียสละทุกอย่าง แต่พอถึงเวลาสำคัญกลับบอกว่าให้ออกไปห่างๆ พิลึกจริงๆ !!
ก้อนกรวด
00 อาการตบะแตกของ “มหากุเทพ” ที่ออกมาเผารังตัวเองจนวอดวาย ยืนแลกหมัดกับกลุ่ม “อีสานพัฒนา” กันนัวเนีย ฐานเปิดโปง “แก๊งสี่คน” กระทบชิ่งไปถึงลูกพี่เรียงตัว เห็นบรรยากาศแบบนั้นแล้วก็ได้แต่สมเพชเวทนา
00 ล่าสุด ฟังจากปากของอัยการใหญ่เจ้าของสำนวนยุบพรรค ทั้ง ชาติไทย-มัชฌิมาฯ ไม่ว่าจะมีขบวนการ “ยื้อ” ให้ทอดเวลาให้นานออกไปแค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะคนที่ “ตัวไม่ยาว” ทุ่มทุนเต็มที่แต่ในเมื่อถูกแรงกดดัน ถูกสอบถามจากสังคมทุกวัน มันก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญจนได้ ขณะที่คิวต่อไปก็จะเป็น”พลังแม้ว” ก็เลี่ยงไม่พ้น และนาทีนี้สำนวนได้อยู่ในมือของ “ทั่นรองฯ”ว่าจะบริหารความสมดุลนี้ได้อย่างไรไม่ให้มากดทับตัวเองจนอาจไม่ได้นั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่งหรือไม่
00 ในสภาพขั้วการเมือง “เปราะบาง” ยิ่งต้องคิดให้หนักและประเมินกันวันต่อวัน แต่ในที่สุดแล้วรับรองว่ามันก็ต้องเดินหน้าตามตารางเวลา แม้ไม่รู้ว่า “ทีมยื้อ” จะทำงานได้ผลหรือไม่ก็ตามรู้แต่ว่าภายในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคมนี้จะได้เห็นกันจะจะว่าอัยการจะมีเหตุผลชี้แจงกับสังคมอย่างไรหากเสนอตั้งกรรมการร่วมพิจารณาสำนวนยุบ “พลังประชาชน”
00 เพราะก่อนหน้านี้บอกว่าหลักฐานของกกต.เสนอให้ยุบพรรคชาติไทย-มัชฌิมาฯแน่นหนาจึงส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปจะเห็นว่า “ไม่เอกฉันท์” แต่กรณีของพรรคพลังประชาชนมติเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 แค่นี้ก็น่าจะเป็นคำตอบได้อีกทางหนึ่งแล้ว เชื่อว่าภายในวันศุกร์หน้าคงได้ลุ้นเสียวกันมั่งละ
00 เมื่อสองสามวันก่อนได้ฟังความเห็นของนักวิชาการบางคนแล้วรู้สึกขำไม่ออกกับแนวทาง “ปฏิรูปการเมืองใหม่” เสนอว่าไม่ควรให้ “พันธมิตรฯ” เข้ามาร่วม อ้างว่ามีส่วนได้เสีย โดยลืมนึกไปว่าพันธมิตรฯก็คือประชาชนที่รวมตัวกันแล้วกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ตรวจสอบ ขับไล่นักการเมืองขี้โกงให้ออกไป
00 แต่พอมีคนขานรับและถึงเวลาต้องกำหนดกติกาใหม่ตามที่ประชาชนภายใต้ชื่อพันธมิตรฯ กลับมีนักวิชาการบางพวกมาชี้หน้าว่าต้องกันคนพวกนี้ออกไป อ้างว่ามีส่วนได้เสีย
00 ถ้าบอกว่านักการเมืองหรือรัฐบาลมีส่วนได้เสียไม่ต้องให้มาร่วมร่างกติกา อย่างนี้ไม่มีใครเถียง แต่ถ้ามากีดกันไม่ให้พันธมิตรฯไม่ให้มายุ่งแล้ว ถือว่ามันเกินไปและฉวยโอกาส เพราะพวกเขาสู้มาแทบเป็นแทบตาย เสียสละทุกอย่าง แต่พอถึงเวลาสำคัญกลับบอกว่าให้ออกไปห่างๆ พิลึกจริงๆ !!
ก้อนกรวด
