ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (25 ก.ย.) นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานรับผิดชอบ คดียุบพรรคการเมือง เรียกประชุมคณะทำงาน 11 คน เพื่อพิจารณาสำนวนคดี ยุบพรรคพลังประชาชน กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53 กรณีแจกเงินให้กลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ช่วยเหลือให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน โดยคดีนี้ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ได้มีคำพิพากษา ตามคำวินิจฉัยของ กกต. ให้ใบแดงนายยงยุทธ และเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี
ภายหลังการประชุม นายจุลสิงห์ กล่าวว่า เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะทำงานฯเพื่อร่วมกันพิจารณา ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ฝ่ายเลขานุการคณะทำงาน สรุปมาจากสำนวนพยานหลักฐานของ กกต. ซึ่งเบื้องต้นที่ประชุม เห็นว่า ต้องพิจารณาข้อกฎหมาย อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะให้เวลา 7 วันในการตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อนที่จะนัดประชุมคณะทำงานอีกครั้ง 2 ต.ค.นี้
แหล่งข่าวคณะทำงานอัยการ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนคดียุบพรรคพลังประชาชน ที่เป็นมูลเหตุแห่งการกระทำผิดกฎมายเลือกตั้ง มีความชัดเจนอยู่แล้ว ตามสำนวนฟ้องและคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้ส่งเอกสารทั้งหมดประกอบเข้ามาในสำนวนคดียุบพรรคที่มอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่แม้คำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไว้โดยบรรยายถึงพฤติการณ์กระทำผิดของนายยงยุทธ เชื่อมโยงในฐานะกรรมการบริหารด้วย แต่ก็ยังมีประเด็นปลีกย่อยเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนครบถ้วนหากจะมีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมือง
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนยุ่งยากเพราะพยานหลักฐานในสำนวน กกต.และข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฎีกามีความชัดเจน ทำให้เชื่อมั่นว่าคณะทำงานอัยการจะสามารถมีความเห็นเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ได้ภายใน 30 วันตามกฎหมาย ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 10 ต.ค.นี้ และเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องให้ตั้งคณะทำงานร่วม กกต.- ละมัชฌิมาธิปไตย แต่อย่างใด
ภายหลังการประชุม นายจุลสิงห์ กล่าวว่า เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะทำงานฯเพื่อร่วมกันพิจารณา ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ฝ่ายเลขานุการคณะทำงาน สรุปมาจากสำนวนพยานหลักฐานของ กกต. ซึ่งเบื้องต้นที่ประชุม เห็นว่า ต้องพิจารณาข้อกฎหมาย อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะให้เวลา 7 วันในการตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อนที่จะนัดประชุมคณะทำงานอีกครั้ง 2 ต.ค.นี้
แหล่งข่าวคณะทำงานอัยการ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนคดียุบพรรคพลังประชาชน ที่เป็นมูลเหตุแห่งการกระทำผิดกฎมายเลือกตั้ง มีความชัดเจนอยู่แล้ว ตามสำนวนฟ้องและคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้ส่งเอกสารทั้งหมดประกอบเข้ามาในสำนวนคดียุบพรรคที่มอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่แม้คำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไว้โดยบรรยายถึงพฤติการณ์กระทำผิดของนายยงยุทธ เชื่อมโยงในฐานะกรรมการบริหารด้วย แต่ก็ยังมีประเด็นปลีกย่อยเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนครบถ้วนหากจะมีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมือง
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนยุ่งยากเพราะพยานหลักฐานในสำนวน กกต.และข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฎีกามีความชัดเจน ทำให้เชื่อมั่นว่าคณะทำงานอัยการจะสามารถมีความเห็นเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ได้ภายใน 30 วันตามกฎหมาย ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 10 ต.ค.นี้ และเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องให้ตั้งคณะทำงานร่วม กกต.- ละมัชฌิมาธิปไตย แต่อย่างใด