xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ขอLTFเว้นเกณฑ์50ล.-โอดขายยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- บลจ.น้องใหม่ครวญ ผ่อนเกณฑ์ระดมเงินเข้ากองทุน LTF 50 ล้านบาทใน 2 ปี หลังเม็ดเงินไม่กระเตือง เหตุนักลงทุนหวั่นเกิดความยุ่งยากในอนาคต "วรรธนะ"เผยเบื้องต้น ก.ล.ต.เห็นด้วยระดับหนึ่ง แต่ติดเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจสูงเกินไป ด้าน"ซิมิโก้"เผยลิมิตขนาดกองทุน จะทำให้ลูกค้าเสียโอกาส เนื่องจากแต่ละกองมีนโยบายการลงทุนไม่เหมือนกัน ซึ่งนักลงทุนเลือกแล้ว

นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า การที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) กำลังจะครบรอบบัญชี 2 ปีในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 แต่ยังมีขนาดกองทุนไม่ถึงเกณฑ์ 50 ล้านบาทตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดไว้นั้น เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันแล้วระหว่างสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) และสำนักงานก.ล.ต.) ว่าน่าจะมีการดำเนินการยกเลิกเกณฑ์ดังกล่าวได้สำหรับทุกกองทุน
ทั้งนี้ จากการหารือดังกล่าว ทางก.ล.ต.เองยังแสดงความเห็นด้วยว่า น่าจะทำการยกเลิกเกณฑ์ดังกล่าวได้ แต่ยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นภาระที่สูงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนที่มีขนาดใหญ่กว่า ทำให้ต้องมีการพิจารณอีกครั้ง
“ผมได้คุยกับทางก.ล.ต.แล้วเข้าก็เห็นด้วยในระดับหนึ่ง โดยเมื่อเดือนที่แล้วทางสมาคมบลจ.เองได้เสนอในเรื่องนี้ไปเหมือนกัน และไม่ใช่แค่กองแอลทีเอฟเท่านั้น มันจะเกือบทุกกองเลยที่จะยกเลิก”นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะ กล่าวอีกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเดินงานนั้น ถึงแม้จะดูสูงกว่ากองทุนที่มีขนาดใหญ่แต่ บริษัทเองยังสามารถแบกรับเรื่องนี้ได้ และไม่เคยจะปัดความรับผิดชอบไปให้นักลงทุน เพราะจะทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนที่บริษัทจัดการอยู่แย่ลง จนเป็นเหตุให้นักลงทุนสนใจลงทุนกับกองทุนของบริษัทน้อยลงได้
นอกจากนี้ หากเป็นการลงทุนในหุ้นแล้วพอร์ตการลงทุนระดับ 5-6 ล้านบาทก็น่าจะยังสามารถดำเนินการได้ เหมือนกับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นโดยตรง ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ที่ผ่านมาบริษัทจะเป็นผู้แบกภาระไว้อยู่แล้ว โดยบริษัทยืนยันว่าจะไม่ทำการใดๆ ที่ไม่สุจริต เพราะคงจะไม่ทำให้บริษัทมีฐานะดีขึ้นจากจำนวนเงินในพอร์ตดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากยังไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวได้ทันภายในปลายปีนี้ ทางบริษัทคงจะต้องดำเนินการยุบกองทุนดังกล่าวไปก่อน
นายวรรธนะ กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทประสบปัญหาในการขายหน่วยลงทุนในกองทุน LTF ถึงแม้จะมีผลการดำเนินงานดีก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าเมื่อกองทุนถูกยุบจะมีปัญหาต่อสิทธิ์ทางภาษีที่ใช้ไป ซึ่งตามจริงแล้วไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด เพราะสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ และกองที่สับเปลี่ยนก็ยังเป็นกองทุน LTF เหมือนกันอีกด้วย
ทั้งนี้ หากต้องยุบกองทุน LTF ในสิ้นปีนี้ ทางบริษัทได้เตรียมที่จะนำกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) แบบผสม ที่ลงทุนในตราสารทุนและตราหนี้มาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากทางก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสถานการณ์ก่อนนำออกขาย
“กองนี้เป็นแบบผสมและได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ต้องดูจังหวะก่อน เพราะว่าถ้าขายได้น้อยแค่ 6-7 ล้านมันจะบริหารกองลำบาก เพราะมันมีการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งถ้ามันต่ำกว่า 10 ล้านมันจะน้อยไป ไม่เหมือนการลงทุนในหุ้น”นายวรรธนะกล่าว
นายกิตติโชค จิตต์สดศรี กรรมการผู้จัดการ บลจ.ซีมิโก้ กล่าวว่า เห็นด้วยเช่นกัน ที่จะเสนอให้สำนักงาน ก.ล.ต. ผ่อนปรนการหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้กองทุนแอลทีเอฟ ต้องระดมทุนให้ได้เกิน 50 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากปัจจุบัน หลายกองทุนที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปแล้ว มีเงินลงทุนยังไม่เข้าเกณฑ์ รวมถึงกองทุนแอลทีเอฟภายใต้การบริหารของบริษัทด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาที่เหลือในระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนด ถือเป็นเรื่องยากพอสมควร สำหรับ บลจ.น้องใหม่ ที่จะระดมทุนให้ได้ตามเกณฑ์ 50 ล้านบาท เพราะด้วยฐานลูกค้าที่มีจำนวนน้อย รวมถึงความผันผวนของตลาดหุ้นในปัจจุบัน ซึ่งหากกองทุนไม่สามารถระดมทุนได้เต็มจำนวนตามเกณฑ์แล้วต้องปิดกองทุนไปนั้น ถือเป็นการเสียโอกาสสำหรับผู้ลงทุน เพราะแต่ละกองทุนมีนโยบายลงทุนไม่เหมือนกัน ซึ่งนักลงทุนได้เลือกแล้วว่ากองทุนดังกล่าว เหมาะความเสี่ยงของตนเอง ขณะเดียวกัน กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ต้องการสนับสนุนให้เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้น หากผ่อนปรนได้ น่าจะเป็นผลดี
สำหรับบลจ. ซีมีโก้ มีกองทุนแอลทีเอฟภายใต้การบริหารจำนวน 1 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิดเอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว โดยกองทุนมีกลยุทธในการบริหารพอร์ตการลงทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านราคา เพื่อที่จะพยายามให้เกิดการรักษาระดับ NAV ไว้ ไม่ให้ต่ำกว่า 80% ของ NAV ที่เคยขึ้นไปสูงที่สุดตั้งแต่จัดตั้งกองทุนก่อนหักค่าใช้จ่าย แต่อย่างไรก็ตาม มิได้เป็นการรับประกันว่าผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนขั้นต่ำร้อยละ 80 ของเงินลงทุน หรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยสูงสุดของกองทุน
โดยปัจจุบัน กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2551 อยู่ที่ 21.81 ล้านบาท และมูลค่าหน่วยลงทุน 8.7474 บาท ทั้งนี้ บริษัทจัดการกำหนดการขายคืนเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกระหว่างวันที่ 2 -16 มกราคม และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 2 -16 กรกฎาคมของทุกปี สำหรับงวดแรกจะเปิดการขายคืน วันที่ 2 -16 มกราคม 2551
กำลังโหลดความคิดเห็น