ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ (30 ก.ย.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ได้แถลงข่าวผลการประชุม ครม. ทั้งๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมโพเดี่ยม ไว้เรียบร้อย เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจะพบสื่อทุกวันอังคารหลังการประชุม ครม.โดยวันนี้(30 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แถลงผลการประชุม เหมือนกับการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการแต่งตั้ง โดยนายสมชาย ได้หลบผู้สื่อข่าวออกจาก ที่ทำการชั่วคราว ทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานดอนเมือง ออกทางชั้นสองของอาคารประชุม ครม.) โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวทราบ
นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว แถลงว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนยังต้องทำหน้าที่แทนต่อไป เนื่องจากยังสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งไม่ได้ทั้งโฆษกฯและรองโฆษกฯทั้งหมด เพราะแม้แต่ตำแหน่งทางการเมืองของพรรคก็ยังไม่มีการแต่งตั้ง แต่เชื่อว่า จะทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯได้อีกครั้งเดียว
แหล่งข่าวใกล้ชิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากข่าวที่ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะมาดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้การประชุม ครม.จึงยังไม่สามารถแต่งตั้งทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯได้ เนื่องจาก ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม อดีต ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย ได้ขอถอนตัวจากการเป็น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า ก่อนหน้านี้เคยพูดไปแล้วว่า จะได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ และทุกสื่อก็เสนอข่าวไปอย่างนี้ แต่เมื่อจะมีการนำนายณัฐวุฒิ มาเป็นโฆษฏประจำสำนักนายกฯ ก็ยอมรับไม่ได้ ทำให้ทุกอย่างเสียขบวนไปหมด ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งทีมโฆษกทั้งหมด 4 คนแล้ว ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ และดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ และน.ส.วีรินทรทิรา นาทองบ่อจรัส เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า นายสมชาย ได้เคยทาบทามนายณัฐวุฒิไว้ตั้งแต่วันรับพระบรมราชโองการฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรู้ดีว่า เมื่อเข้ามาเป็น นายกรัฐมนตีจะต้องถูกเล่นงานในหลายเรื่อง จึงต้องการได้นายณัฐวุฒิเป็นตัวชน แต่ขณะเดียวกันนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กลับได้ติดต่อ ดร.ณหทัย มาเป็นโฆษกรัฐบาล โดยไม่ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และพยายามผลักดันมาตลอด แต่เมื่อเป็นเช่นนี้นายกรัฐมนตรีก็คงจะไปเคลียร์กับนายยงยุทธ
ทั้งนี้ก่อนที่จะมีการเซ็นคำสั่งใหม่เสนอเข้าที่สู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครใหม่ หรือจะตัดโควต้าส่วนนี้ไปเลย ซึ่ง ดร.ณหทัยได้ขอถอนตัวเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้ทันเข้าที่ประชุมครม.จึงได้มีการเลื่อน เสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวด้วยว่า ดร.ณหทัย อาจจะไปเป็นเลขานุการให้กับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังครม.มีมติแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ไปสอบถาม ดร.ณหทัย ไม่รับสายผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหาโฆษกรัฐบาลแล้ว ภายในพรรคพลังประชาชนเอง ยังเกิดปัญหาแย่งชิงตำแหน่งทางการเมืองกันอย่างหนัก ทั้งตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี จนเกิดปัญหาตกลงกันไม่ได้ทำให้ไม่สามารถนำรายชื่อเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม ครม.พรรคร่วมรัฐบาลต่างเสนอรายชื่อบุคคล ที่จะเข้ามาเป็นข้าราชการการเมือง และผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมครม.ไปแล้วดังนี้
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน เสนอตั้งนายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี เป็นที่ปรึกษาฯ และนายไพศาล ลือพืช เป็นเลขานุการรมว.แรงงาน นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯเสนอแต่งตั้ง พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย เป็นที่ปรึกษาฯ นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา เป็นเลขานุการฯ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เสนอแต่งตั้ง นายชาติชาย พุคยาภรณ์ เป็นเลขานุการฯ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เสนอแต่งตั้ง นางบุปฝา รอบรู้ เป็นที่ปรึกษาร ฯและนายอรรคพล สรสุชาติ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ เสนอแต่งตั้งนายสันต์ศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ เป็นที่ปรึกษาฯและนายอารมย์ ขำคมกุล เป็นเลขานุการฯ นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวฯเสนอตั้ง นายธรรมา ปิ่นกาญจนะ เป็นที่ปรึกษาฯ และ น.ส.อรุณี ปริศนานันทกุล เป็นเลขานุการฯ
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเกิดความ ไม่พอใจกันขึ้นในการแบ่งงานกระทรวงมหาดไทยว่า ยืนยันว่าการแบ่งงานในกระทรวงมหาดไทยไม่มีปัญหา มท.1 มท.3 ก็คุมคนละ 2 หน่วย ซึ่ มท.2 นั้นตนให้กำกับดูแลกรมพัฒนาชุมชน กรมบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้านครหลวง และกรุงเทพมหานคร ส่วนมท.3 ก็ 4 หน่วยงานเช่นเดียวกัน ยืนยันทุกหน่วยงานในกระทรวงหมาดไทยไม่มีเกรด เท่ากันหมด
ส่วนที่มีปัญหาว่า รัฐมนตรีที่เป็นคนในต่างจังหวัดแต่มาดูแลในกทม.อาจจะไม่เหมาะสมนั้น พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า คนเป็นนักการเมืองต้องทำงานในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งการปฏิบัติงานต้องทำให้ดี ทำให้คนชื่นชม ทำให้มีเกียรติ คนก็จะยกย่องนับถือ ยืนยันว่าทุกตำแหน่งได้รับมอบหมายอย่างเป็นธรรมแล้ว รัฐมนตรีแต่ละคนก็มีคุณภาพ
ด้านนายปรีชา เร่งสมบูรณ์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่มี พวกเราพร้อมเข้ามาทำงาน จะแบ่งงานอะไรให้ก็พร้อมทำงานหมด และการแบ่งงานรัฐมนตรีว่าการก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านแบ่งงานอะไรมา เราก็พร้อมที่จะทำในงานที่ท่านมอบหมายมาให้ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา สำหรับตนแล้วยืนยันว่า พอใจกับงานที่ได้รับมอบหมายมา
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าความขัดแย้ง แย่งชิงตำแหน่งกันในพรรคพลังประชาชนยังคงคุกรุ่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้ และยังมีการช่วงชิงอำนาจประลองกำลังในยกที่สอง ยกที่สามต่อไปอีก โดยขณะนี้เป็นเพียงยกที่สอง ที่มีเรื่องการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี เพื่อมาควบคุมและทำงานประกบกับรัฐมนตรีอีกชั้นหนึ่ง นับว่าเป็นตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญในการเข้าไปบริหารและจัดการกับเรื่องงบประมาณในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดังนั้น แต่ละฝ่ายพยายามที่จะส่งคนของตัวเองเข้าไปดำรงตำแหน่งเหล่านี้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
สำหรับยกที่สาม ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแบ่งงานในกระทรวงต่างๆ ให้รัฐมนตรีช่วยกับกำกับดูแล จะเห็นได้ว่าขณะนี้จะเกิดภาพรัฐมนตรีว่าการ หวงอำนาจและพยายามยึดกรมต่างๆ ที่เป็นเป็นกรมใหญ่และมีงบประมาณจำนวนมาก มากำกับดูแลเอง และแบ่งกรมเล็ก ที่ไม่มีโครงการใหญ่ๆ ให้กับรัฐมนตรีช่วยกำกับดูแล ดังนั้น จะเกิดภาพที่รัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยมีความขัดแย้งในเรื่องการแบ่งงาน ในกระทรวง อาจทำให้เรื่องนี้ต้องรุกลามไปถึงแดนไกล เพื่อให้คนลอนดอนได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้ายอีกครั้งก็เป็นได้
ศึกแย่งชิงตำแหน่ง อำนาจ และผลประโยชน์ในพรรคพลังประชาชน ก็คงไม่มีท่าทีสงบลง จนกว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้าสู่ภาวะทางการเมือง ต้องยุบสภา หรือยุบพรรค เพราะความหลากหลายและการแบ่งเป็นกลุ่ม แก๊งในพรรคยากจะประสาน สมกับเป็นครม.แกงโฮะ จริงๆ
นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว แถลงว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนยังต้องทำหน้าที่แทนต่อไป เนื่องจากยังสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งไม่ได้ทั้งโฆษกฯและรองโฆษกฯทั้งหมด เพราะแม้แต่ตำแหน่งทางการเมืองของพรรคก็ยังไม่มีการแต่งตั้ง แต่เชื่อว่า จะทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯได้อีกครั้งเดียว
แหล่งข่าวใกล้ชิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากข่าวที่ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะมาดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้การประชุม ครม.จึงยังไม่สามารถแต่งตั้งทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯได้ เนื่องจาก ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม อดีต ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย ได้ขอถอนตัวจากการเป็น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า ก่อนหน้านี้เคยพูดไปแล้วว่า จะได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ และทุกสื่อก็เสนอข่าวไปอย่างนี้ แต่เมื่อจะมีการนำนายณัฐวุฒิ มาเป็นโฆษฏประจำสำนักนายกฯ ก็ยอมรับไม่ได้ ทำให้ทุกอย่างเสียขบวนไปหมด ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งทีมโฆษกทั้งหมด 4 คนแล้ว ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ และดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ และน.ส.วีรินทรทิรา นาทองบ่อจรัส เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า นายสมชาย ได้เคยทาบทามนายณัฐวุฒิไว้ตั้งแต่วันรับพระบรมราชโองการฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรู้ดีว่า เมื่อเข้ามาเป็น นายกรัฐมนตีจะต้องถูกเล่นงานในหลายเรื่อง จึงต้องการได้นายณัฐวุฒิเป็นตัวชน แต่ขณะเดียวกันนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กลับได้ติดต่อ ดร.ณหทัย มาเป็นโฆษกรัฐบาล โดยไม่ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และพยายามผลักดันมาตลอด แต่เมื่อเป็นเช่นนี้นายกรัฐมนตรีก็คงจะไปเคลียร์กับนายยงยุทธ
ทั้งนี้ก่อนที่จะมีการเซ็นคำสั่งใหม่เสนอเข้าที่สู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครใหม่ หรือจะตัดโควต้าส่วนนี้ไปเลย ซึ่ง ดร.ณหทัยได้ขอถอนตัวเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้ทันเข้าที่ประชุมครม.จึงได้มีการเลื่อน เสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวด้วยว่า ดร.ณหทัย อาจจะไปเป็นเลขานุการให้กับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังครม.มีมติแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ไปสอบถาม ดร.ณหทัย ไม่รับสายผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหาโฆษกรัฐบาลแล้ว ภายในพรรคพลังประชาชนเอง ยังเกิดปัญหาแย่งชิงตำแหน่งทางการเมืองกันอย่างหนัก ทั้งตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี จนเกิดปัญหาตกลงกันไม่ได้ทำให้ไม่สามารถนำรายชื่อเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม ครม.พรรคร่วมรัฐบาลต่างเสนอรายชื่อบุคคล ที่จะเข้ามาเป็นข้าราชการการเมือง และผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมครม.ไปแล้วดังนี้
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน เสนอตั้งนายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี เป็นที่ปรึกษาฯ และนายไพศาล ลือพืช เป็นเลขานุการรมว.แรงงาน นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯเสนอแต่งตั้ง พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย เป็นที่ปรึกษาฯ นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา เป็นเลขานุการฯ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เสนอแต่งตั้ง นายชาติชาย พุคยาภรณ์ เป็นเลขานุการฯ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เสนอแต่งตั้ง นางบุปฝา รอบรู้ เป็นที่ปรึกษาร ฯและนายอรรคพล สรสุชาติ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ เสนอแต่งตั้งนายสันต์ศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ เป็นที่ปรึกษาฯและนายอารมย์ ขำคมกุล เป็นเลขานุการฯ นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวฯเสนอตั้ง นายธรรมา ปิ่นกาญจนะ เป็นที่ปรึกษาฯ และ น.ส.อรุณี ปริศนานันทกุล เป็นเลขานุการฯ
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเกิดความ ไม่พอใจกันขึ้นในการแบ่งงานกระทรวงมหาดไทยว่า ยืนยันว่าการแบ่งงานในกระทรวงมหาดไทยไม่มีปัญหา มท.1 มท.3 ก็คุมคนละ 2 หน่วย ซึ่ มท.2 นั้นตนให้กำกับดูแลกรมพัฒนาชุมชน กรมบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้านครหลวง และกรุงเทพมหานคร ส่วนมท.3 ก็ 4 หน่วยงานเช่นเดียวกัน ยืนยันทุกหน่วยงานในกระทรวงหมาดไทยไม่มีเกรด เท่ากันหมด
ส่วนที่มีปัญหาว่า รัฐมนตรีที่เป็นคนในต่างจังหวัดแต่มาดูแลในกทม.อาจจะไม่เหมาะสมนั้น พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า คนเป็นนักการเมืองต้องทำงานในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งการปฏิบัติงานต้องทำให้ดี ทำให้คนชื่นชม ทำให้มีเกียรติ คนก็จะยกย่องนับถือ ยืนยันว่าทุกตำแหน่งได้รับมอบหมายอย่างเป็นธรรมแล้ว รัฐมนตรีแต่ละคนก็มีคุณภาพ
ด้านนายปรีชา เร่งสมบูรณ์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่มี พวกเราพร้อมเข้ามาทำงาน จะแบ่งงานอะไรให้ก็พร้อมทำงานหมด และการแบ่งงานรัฐมนตรีว่าการก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านแบ่งงานอะไรมา เราก็พร้อมที่จะทำในงานที่ท่านมอบหมายมาให้ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา สำหรับตนแล้วยืนยันว่า พอใจกับงานที่ได้รับมอบหมายมา
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าความขัดแย้ง แย่งชิงตำแหน่งกันในพรรคพลังประชาชนยังคงคุกรุ่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้ และยังมีการช่วงชิงอำนาจประลองกำลังในยกที่สอง ยกที่สามต่อไปอีก โดยขณะนี้เป็นเพียงยกที่สอง ที่มีเรื่องการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี เพื่อมาควบคุมและทำงานประกบกับรัฐมนตรีอีกชั้นหนึ่ง นับว่าเป็นตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญในการเข้าไปบริหารและจัดการกับเรื่องงบประมาณในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดังนั้น แต่ละฝ่ายพยายามที่จะส่งคนของตัวเองเข้าไปดำรงตำแหน่งเหล่านี้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
สำหรับยกที่สาม ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแบ่งงานในกระทรวงต่างๆ ให้รัฐมนตรีช่วยกับกำกับดูแล จะเห็นได้ว่าขณะนี้จะเกิดภาพรัฐมนตรีว่าการ หวงอำนาจและพยายามยึดกรมต่างๆ ที่เป็นเป็นกรมใหญ่และมีงบประมาณจำนวนมาก มากำกับดูแลเอง และแบ่งกรมเล็ก ที่ไม่มีโครงการใหญ่ๆ ให้กับรัฐมนตรีช่วยกำกับดูแล ดังนั้น จะเกิดภาพที่รัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยมีความขัดแย้งในเรื่องการแบ่งงาน ในกระทรวง อาจทำให้เรื่องนี้ต้องรุกลามไปถึงแดนไกล เพื่อให้คนลอนดอนได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้ายอีกครั้งก็เป็นได้
ศึกแย่งชิงตำแหน่ง อำนาจ และผลประโยชน์ในพรรคพลังประชาชน ก็คงไม่มีท่าทีสงบลง จนกว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้าสู่ภาวะทางการเมือง ต้องยุบสภา หรือยุบพรรค เพราะความหลากหลายและการแบ่งเป็นกลุ่ม แก๊งในพรรคยากจะประสาน สมกับเป็นครม.แกงโฮะ จริงๆ