ผู้จัดการรายวัน- “ประชา”ยอมรับเป้าลงทุนปีนี้วืดเหลือ 5 แสนลบ.ลดจากปีที่แล้ว 1 แสนล.เหตุวิกฤติการเงินสหรัฐฯ ปัญหาการเมืองภายใน ลั่นขอเวลาพิสูจน์ฝีมือหลังคนมองเป็นรมต.ผิดฝาผิดตัว เล็งขอพลังงานชัดเจนอี 85 พร้อมเร่งเดินหน้าเหล็กต้นน้ำ วงในเผย 2 ที่เหมาะสมตั้งโรงถลุง
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าปัจจัยจาก วิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกา การเมืองในประเทศมีผลกระทบต่อการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ให้ลดต่ำลงได้ดังนั้นภาพรวมการลงทุนผ่านบีโอไอปี 2551 คงจะอยู่ในช่วงไม่เกิน 5 แสนล้านบาทหรือลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดการขอรับส่งเสริมฯทั้งสิ้น 6 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับโครงการส่งเสริมฯเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงที่จะผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้ โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้กำหนดพื้นที่แล้วแต่ยังไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ ส่วนโครงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์จะยังเดินหน้าต่อไปที่ขณะนี้เริ่มมีการลงทุนแล้วแต่คงจะต้องประสานกับกระทรวงพลังงานถึงความชัดเจนในการส่งเสริมการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์อี 85 เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนอีโคคาร์ว่าท้ายสุดแล้วไทยมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องมีอี 85
“ รัฐบาลชุดนี้อาจจะผิดฝาผิดตัวป้าง แต่ถ้าเราตั้งใจมาทำงานก็ขอโอกาส ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผมยืนยันว่าจะบริหารอย่างเต็มที่ ซึ่งงานสำคัญคือการเร่งการลงทุนโดยอาจจะดึงนายสุวิทย์ คุณกิตติมาเป็นที่ปรึกษาในเรื่องนี้เพราะท่านมีคนรู้จักมากในต่างประเทศ”รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
นายดำริ สุโขธนัง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาวะการลงทุนผ่านบีโอไอปีนี้ 8 เดือนมีเงินลงทุนแล้ว 2.9 แสนล้านบาทและ 2-3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่การเมืองมีปัญหาจึงทำให้บอร์ดบีโอไอรวมไปถึงคณะอนุกรรมการบีโอไอต้องหยุดชะงักไปทำให้มีโครงการค้างพิจารณาประมาณ 1 แสนล้านบาทหากรัฐบาลตั้งบอร์ดบีโอไอมาพิจารณาและเมื่อรวมกับโครงการที่รอการส่งเสริมฯตามแผนจนถึงสิ้นปีก็จะทำให้มีเม็ดเงินที่รอการส่งเสริมฯอีกประมาณ 2 แสนล้านบาทรวมแล้วทั้งปีคงอยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านบาทได้
เผย2ที่เหมาะสร้างโรงถลุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการมอบนโยบายนั้นนายประชาได้สอบถามถึงพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างโครงการเหล็กต้นน้ำ ทางผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้เสนอข้อมูลว่า โรงถลุงเหล็กต้นน้ำจะใช้พื้นที่อย่างน้อย 5,000 ไร่โดยพื้นที่เหมาะสมสุดคือ อ.ประทิว จ.ชุมพร เพราะเป็นทะเลน้ำลึกเหมาะกับการสร้างท่าเรือเพื่อขนสินแร่เหล็กแต่มีปัญหาคือที่เป็นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) รองลงมาเป็นที่ต.กุยเหนือ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งข้อดีที่มีเอกสารสิทธิ์แต่ติดว่าอยู่ใกล้บ่อนอกที่เคยถูกต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมาแล้ว
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าปัจจัยจาก วิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกา การเมืองในประเทศมีผลกระทบต่อการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ให้ลดต่ำลงได้ดังนั้นภาพรวมการลงทุนผ่านบีโอไอปี 2551 คงจะอยู่ในช่วงไม่เกิน 5 แสนล้านบาทหรือลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดการขอรับส่งเสริมฯทั้งสิ้น 6 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับโครงการส่งเสริมฯเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงที่จะผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้ โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้กำหนดพื้นที่แล้วแต่ยังไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ ส่วนโครงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์จะยังเดินหน้าต่อไปที่ขณะนี้เริ่มมีการลงทุนแล้วแต่คงจะต้องประสานกับกระทรวงพลังงานถึงความชัดเจนในการส่งเสริมการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์อี 85 เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนอีโคคาร์ว่าท้ายสุดแล้วไทยมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องมีอี 85
“ รัฐบาลชุดนี้อาจจะผิดฝาผิดตัวป้าง แต่ถ้าเราตั้งใจมาทำงานก็ขอโอกาส ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผมยืนยันว่าจะบริหารอย่างเต็มที่ ซึ่งงานสำคัญคือการเร่งการลงทุนโดยอาจจะดึงนายสุวิทย์ คุณกิตติมาเป็นที่ปรึกษาในเรื่องนี้เพราะท่านมีคนรู้จักมากในต่างประเทศ”รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
นายดำริ สุโขธนัง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาวะการลงทุนผ่านบีโอไอปีนี้ 8 เดือนมีเงินลงทุนแล้ว 2.9 แสนล้านบาทและ 2-3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่การเมืองมีปัญหาจึงทำให้บอร์ดบีโอไอรวมไปถึงคณะอนุกรรมการบีโอไอต้องหยุดชะงักไปทำให้มีโครงการค้างพิจารณาประมาณ 1 แสนล้านบาทหากรัฐบาลตั้งบอร์ดบีโอไอมาพิจารณาและเมื่อรวมกับโครงการที่รอการส่งเสริมฯตามแผนจนถึงสิ้นปีก็จะทำให้มีเม็ดเงินที่รอการส่งเสริมฯอีกประมาณ 2 แสนล้านบาทรวมแล้วทั้งปีคงอยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านบาทได้
เผย2ที่เหมาะสร้างโรงถลุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการมอบนโยบายนั้นนายประชาได้สอบถามถึงพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างโครงการเหล็กต้นน้ำ ทางผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้เสนอข้อมูลว่า โรงถลุงเหล็กต้นน้ำจะใช้พื้นที่อย่างน้อย 5,000 ไร่โดยพื้นที่เหมาะสมสุดคือ อ.ประทิว จ.ชุมพร เพราะเป็นทะเลน้ำลึกเหมาะกับการสร้างท่าเรือเพื่อขนสินแร่เหล็กแต่มีปัญหาคือที่เป็นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) รองลงมาเป็นที่ต.กุยเหนือ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งข้อดีที่มีเอกสารสิทธิ์แต่ติดว่าอยู่ใกล้บ่อนอกที่เคยถูกต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมาแล้ว