xs
xsm
sm
md
lg

"รังสรรค์"เจอคุก 25 ปีจ้างวานฆ่า"ประมาณ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ศาลพิพากษาจำคุก "รังสรรค์ ต่อสุวรรณ" และพวก 25 ปี ศาลชี้หลักฐานยันจ้างวานฆ่า "ประมาณ ชันซื่อ" พยานจำเลยฟังไม่ขึ้น ขณะที่ "จำเลย" ยื่นประกัน สู้ต่อชั้นอุทธรณ์ หลังสู้คดีในศาลชั้นต้นมานานร่วม 15 ปี

วานนี้ (29 ก.ย.) เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีลอบสังหาร นายประมาณ ชันซื่อ อดีตประธานศาลฎีกา ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมพร หรือหมา เดชานุภาพ ชาว จ.นครสวรรค์ นายเณร มหาวิไล อาชีพค้าไม้ นายอภิชิต อังศุธรางกูร หรือเล็ก สตูล นักธุรกิจและผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐภาคใต้(ขณะนั้น)และนายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ นักธุรกิจ และสถาปนิกชื่อดัง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 – 4 ตามลำดับในความผิดฐานใช้ จ้าง วาน และก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าคนตาย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า โจทก์มีพยานปาก นายบรรเจิด นายประทุม และนายบำรุง ประจักษ์พยานเบิกความไปในทำนองเดียวกันว่า เมื่อปี 2536 ได้รับการติดต่อให้ไปยิงนายประมาณ โดยจะให้เงินจำนวน 1 ล้านบาท โดนนายบรรเจิด ได้ติดต่อให้จำเลยที่ 1-2 จัดหามือปืน เมื่อได้มือปืนแล้ว นายบรรเจิด ได้แจ้งกลับไปยังจำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 ได้กำชับให้ทำงานให้เสร็จภายใน 3 สัปดาห์ และได้มีการมอบเงินค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 จำนวน 200,000 บาท จำเลยที่ 1 นำไปมอบให้จำเลยที่ 2 จำนวน 100,000 บาท และจำเลยที่ 2 ได้นำเงินไปมอบให้กับนายประทุม จำนวน 80,000 บาท
 
ภายหลังนายประทุม เปลี่ยนใจเพราะทราบว่านายประมาณ เป็นประธานศาลฎีกา จึงนำเรื่องที่จำเลยที่ 1-2 จ้างฆ่านายประมาณ ไปปรึกษากับ พ.ต.ท.ประพันธ์ เนียรภาค สารวัตรสอบสวน สภ.อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พาไปพบ พ.ต.อ.รังสรรค์ ชำนาญหมอ รอง ผบก.ภูธรภาค 9 เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ เหตุเกิดหลายท้องที่ โดยเมื่อวันที่ พ.ค. 36 พ.ต.ท.ประพันธ์ ได้เล่าเรื่องให้ พล.ต.ต.ล้วน ปานรศทิพ ผบก.ป.ว่าเมื่อปลายเดือน ก.พ.36 จำเลยที่ 1 และ 2 ที่อยู่ จ.นครสวรรค์ มาติดต่อนายประทุม ให้ช่วยหามือปืนรับจ้างสังหารนายประมาณ เมื่อไปสอบถามนายประมาณได้ความว่า น่าจะมีเหตุการณ์จ้างวาน ดังกล่าวจริง มีเหตุรวม 6 ประเด็น

1. คดีพิพาทก่อสร้างคอนโดมิเนียม ที่ พัทยา 2. ข้อพิพาทการทวงเงินค่าออกแบบห้างสรรพสินค้า เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ จำนวน 200 ล้านบาท 3. คดีฟ้องหมิ่นประมาทระหว่างจำเลยที่ 4 กับตระกูลเตชะไพบูลย์ เจ้าของห้างเวิลด์ เทรด ฯ 4. การสั่งย้ายนางยินดี ต่อสุวรรณ ภรรยาจำเลยที่ 4 จากอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ 5. ความขัดแย้งในวิกฤติตุลาการ และ 6. ความขัดแย้งการก่อสร้างอาคารศาลฎีกาหลังใหม่มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท

ส่วนจำเลยที่ 3 โจทก์มีนายบรรเจิด พยานเบิกความว่า เมื่อเดือน ต.ค.35 จำเลยที่ 3 นัดให้ไปพบที่บ้านพักหลัง บริษัท การบินไทย ให้ช่วยหามือปืน และต่อมาจำเลยที่ 3 ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้ โดยพยานพาจำเลยที่ 1 ไปพบจำเลยที่ 3 และไปรับประทานอาหารที่ร้านเพลิน ถนนวิภาวดี เมื่อปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 1-2 ว่านายบรรเจิด ไม่เคยรู้จักกับนายประมาณมาก่อน จึงไม่มีเหตุผลที่ทั้ง สาม จะว่าจ้างมือปืนไปฆ่านายประมาณ ตามลำพัง เชื่อว่ามีผู้บงการอีกทอดหนึ่ง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 จ้างวานให้นายบรรเจิด จัดหามือปืนฆ่านายประมาณ

สำหรับจำเลยที่ 4 นายบรรเจิด เบิกความว่า หลังจากพบจำเลยที่ 3 เมื่อเดือน ต.ค.35 แล้ว ต่อมาไปพบที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือน ธ.ค.35 อีกครั้ง แจ้งให้ทราบว่าหามือปืนได้แล้ว และจำเลยที่ 3 บอกว่าจะให้ไปฆ่านายประมาณ โดยพยานไม่ได้ถามว่าเหตุใดจึงจ้างให้ฆ่าแต่เข้าใจว่า จำเลยที่ 3 ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับนายประมาณ แต่มีผู้ใช้มาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งขณะขับรถไปดูบ้านนายประมาณ พยานถามจำเลยที่ 3 ว่า งานนี้จำเลยที่ 4 สามีของนางยินดี ซึ่งมีความสนิทสนมกับจำเลยที่ 3 สั่งให้ไปฆ่าใช่หรือไม่ จำเลยที่ 3 บอกว่าใช่ ซึ่งเรื่องนี้ นายประมาณ ได้เบิกความว่า การปฏิบัติราชการของพยานในบางเรื่อง อาจทำให้จำเลยที่ 4 สูญเสียผลประโยชน์ โดยเมื่อพยานเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ดูแลเรื่องการก่อสร้างอาคารศาลฎีกาหลังใหม่ โดยจำเลยที่ 4 มีบทบาทสูงในการออกแบบ ซึ่งคาดว่าจะได้เป็นผู้ก่อสร้าง ซึ่งมีงบประมาณสูง 3,000 ล้านบาท แต่ในเรื่องการก่อสร้างไม่ได้ดำเนินการ เพราะเห็นว่างบประมาณที่ได้รับมาดังกล่าว ควรนำไปให้ต่างจังหวัดที่ขาดแคลน ส่วนศาลฎีกาเดิมให้ปรับปรุงซ่อมแซม

ขณะที่นางสุกัญญา สุรภักดี พยานโจทก์อีกปากเบิกความว่าได้ทำธุรกิจกับจำเลยที่ 4 และระหว่างปี 2530-2531 เห็นจำเลยที่ 4 เขียนแบบสร้างอาคารศาลฎีกา แต่เมื่อ ครม.ไม่อนุมัติแบบแปลนจำเลยที่ 4 มีความโกรธมาก โดยขณะที่นางยินดี ภรรยาจำเลยที่ 4 อยู่ที่สำนักงานได้พูดเสียงดัง ด่าผู้ที่คัดค้านการออกแบบ

ศาลเห็นว่าพยานโจทก์ทุกปากเบิกความสนับสนุนคำเบิกความนายประมาณและพยานโจทก์ส่วนใหญ่เป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในคดี ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ดังนั้นพยานแวดล้อมที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 4 มีสาเหตุโกรธเคืองและกระทำการมุ่งทำลายนายประมาณอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจำเลยที่ 1-4และนายบรรเจิดยังมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยมีการใช้ จ้างวานกันเป็นทอดๆจึงเชื่อว่าจำเลยที่ 4 บงการฆ่านายประมาณ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 4 ที่ว่าไม่มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3 ที่จะจ้างวานใช้ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-4 ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อนมีความผิดตามมาตรา 289 (4) ซึ่งความผิดนั้นมีโทษประหารชีวิต แต่เมื่อความผิดไม่ได้ทำลงเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำผู้ใช้จึงต้องระวางโทษเพียง 1ใน 3 ของโทษประหารชีวิตคือกึ่งหนึ่งของโทษจำคุก 50 ปี จึงให้จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 25 ปี แต่จำเลยที่ 1-2ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี เห็นควรลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1และ2 ไว้คนละ 16 ปี 8 เดือน

ภายหลังนางยินดี ต่อสุวรรณ ภรรยานายรังสรรค์ จำเลยที่ 4 ใช้ตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลภาษีอากรกลางมูลค่า 1.22 ล้านบาทยื่นคำร้องขอประกันตัวขณะที่นายสมพร จำเลยที่ 1 ญาติได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินจ.นครสวรรค์ ราคาประมาณ 1.5 ล้านบาทขอประกันตัว ส่วนจำเลยที่ 3 นายอภิชิตจำเลยที่ 3 ญาติยื่นเงินสด 4 ล้านบาทขอประกันศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้วอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 1,3 และ 4 ส่วนจำเลยที่ 2 เนื่องจากวันนี้นายประกันไม่ได้เดินทางมาศาลจึงไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวแต่อย่างใด จึงถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ด้านนายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความกล่าวว่า จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์คดีภายใน 30 วันโดยยืนยันว่าจำเลยทั้งสี่ ไม่ได้กระทำความผิด โดยจะขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ผู้สื่อข่าวรายว่าภรรยา บุตรสาวและกลุ่มเพื่อนมาให้กำลังใจ นายรังสรรค์ เต็มห้องพิจารณาคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น