ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิตสาวใหญ่ใจเหี้ยมโหด จ้างวานฆ่าสามีหวังเพียงเงินประกัน 2 ล้านบาท ส่วนทีมฆ่าโดนคุกหัวโตยกแก๊ง
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.3140/2551 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ฟ้องนางไข่ สุขสัมพันธ์ อายุ 53 ปี, น.ส.อรนุช หรือนุช หล้าจันทร์, นายมาโนช หรือขาว ภูมิถภาวร, นายพงษ์ศักดิ์ หรือศักดิ์ หงษ์เงิน, นายกวี หรือตี๋ วัดเฉย และนายแสวง หรือแดง ผาคำ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน ใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 22 ส.ค.51 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า ต้นเดือน เม.ย 51 วันและเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยที่ 1 ได้ใช้ จ้างวาน ให้จำเลยที่ 3 ทำการฆ่านายแสวง บุญมี อายุ 56 ปี หัวหน้าคนงานบริษัท ชิโนไท เป็นอดีตสามีของจำเลยที่ 1 เพื่อหวังเงินประกันชีวิตของผู้ตายจำนวน 2 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 29 พ.ค.51 เวลากลางคืน จำเลยที่ 2-6 ร่วมกันฆ่านายแสวง บุญมี โดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามที่จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้าง โดยจำเลยได้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยให้จำเลยที่ 2 ทำการนัดแนะหลอกพานายแสวงผู้ตายให้ไปพบจำเลยที่ 2 ที่ร้านอาหารตะวันแดงสาดแสงเดือน ถ.พัฒนาการ เขตคลองตัน กทม. จากนั้นจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 ร่วมกันบังคับนำตัวผู้ตายขึ้นรถยนต์แท็กซี่ หมายเลขทะเบียน ทน-8915 กทม. โดยจำเลยที่ 3, 5 และ 6 ร่วมกันทุบ ชกต่อย ใช้ถุงดำคลุมศีรษะของผู้ตายไว้เพื่อให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ก่อนที่จำเลยที่ 5 จะใช้มีดคัตเตอร์แทงกระทุ้งที่ลำตัวของผู้ตาย จากนั้นจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 นำร่างของผู้ตายลงจากรถไปวางนอนไว้ที่ริมถนนโดยให้จำเลยที่ 4 ขับรถยนต์แท็กซี่ทับผู้ตายที่บริเวณลำตัวเพื่ออำพรางสาเหตุการตายว่าเป็นอุบัติเหตุจราจร นอกจากนี้จำเลยที่ 3, 5 และ 6 ร่วมกันลักทรัพย์เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย ราคา 4,000 บาท และเงินสด 15,000 บาทของผู้ตายไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
ศาลพิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพนักงานสอบสวนและพยานปากอื่นเบิกความในทำนองเดียวกันว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทไทยประกันชีวิต ให้แก่นายแสวง ผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ได้รับประโยชน์ จำนวน 2 ล้านบาท และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 3 ให้ฆ่า นายแสวง เพื่อหวังได้รับเงินประกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางแผน ให้จำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 เช่ารถแท็กซี่ไปรับนายแสวงไปฆ่าอันเป็นร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โจทก์ยังมีพยานที่เป็นคนขับรถพาจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 ไปรับเงินว่าจ้างจากจำเลยที่ 1 เบิกความด้วยว่า ได้ขับรถแท็กซี่พาจำเลยที่ 3-6 ไปที่ จ.สุโขทัย เพื่อไปรับเงินค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 ประกอบกับจำเลยที่ 3-6 ให้การรับสารภาพ จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 กระทำผิดตามฟ้อง นอกจากนี้ จำเลยที่ 3, 5 และ 6 ยังได้ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เอาโทรศัพท์ และเงินสด 15,000 บาท ของผู้ตายไปด้วย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มี นางละเอียด ภูมิถาวร ภรรยาจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 เบิกความในทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 1 ได้ไปหาจำเลยที่ 3 ที่บ้านพัก เพื่อใช้ให้จำเลยที่ 3 ไปฆ่านายแสวงโดยจะให้ค่าจ้างจำนวน 3 แสนบาท ประกอบกับคำเบิกความของคนขับแท็กซี่ที่พาจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 ไปรับเงินจากจำเลยที่ 1 และพยานที่เป็นพนักงานบริษัทประกันชีวิต ที่ระบุว่า จำเลยที่ 1 ได้พานายแสวงผู้ตายไปทำประกันชีวิตก่อนเกิดเหตุ อันเป็นการเบิกความที่สอดคล้องกันในสาระสำคัญ เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางแผนและจ้างวาน ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าไม่เคยจ้างวาน และไม่รู้จักกับจำเลยที่ 3 นั้นเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ให้ตัวเองพ้นผิด เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 จ้างวานให้จำเลยที่ 3 กับพวกไปฆ่า นายแสวง จริงตามฟ้อง
ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นโจทก์ไม่มีพยานที่ยืนยันได้ว่าเกี่ยวข้องกับการร่วมกันฆ่านายแสวง ประกอบกับจำเลยที่ 2 เบิกความว่าไม่ทราบมาก่อนว่าจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 จะไปนำตัวนายแสวง ไปฆ่า เพราะขณะกำลังจะขึ้นรถแท็กซี่ไปด้วย กลับถูกจำเลยที่ 3 ดึงไว้ไม่ให้ขึ้นรถ จนมาทราบภายหลังว่านายแสวงถูกฆ่า จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.289 อนุ ม.4 ประกอบ ม. 84 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 3, 5, 6 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต และความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ลงโทษจำคุก 2 ปี คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุก 25 ปี และความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ลงโทษจำคุก 1 ปี รวมจำเลยจำเลยที่ 3, 5 และ 6 เป็นเวลา 26 ปี จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 4 ไว้มีกำหนด 25 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ริบของกลางมีดคัตเตอร์ และให้จำเลยที่ 3, 5 และ 6 ร่วมกันชดใช้โทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 15,000 บาท ให้แก่ทายาทของนายแสวงผู้ตาย