xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง “ส.ทักษิณ” ยิง “เออร์วิน วันสเลย์”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
พิพากษายกฟ้อง ส.ทักษิณ ร่วมกับพวกยิง “ไมเคิล เออร์วิน หรือเอร์วิน วันสเลย์” ผู้ตรวจบัญชีโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย จ.นครสวรรค์ ศาลชี้ไม่มีประจักษ์พยาน ญาติกอดกันกลมหลั่งน้ำตายินดี

วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ด.2404/2546 ที่พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพิเชษฐ์ แก้วสามดวง หรือ ส.ทักษิณ มือปืน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 7 ส.ค.46 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2542 เวลากลางวัน จำเลยกับพวก ได้ฆ่านายไมเคิล เออร์วิน หรือเอร์วิน วันสเลย์ หรือนายไมค์ เวนส์ เลย์ อายุ 58 ปี หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชีของบริษัท เซ้าท์สารทร แพลนเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบพบการทุจริตของโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เหตุเกิดที่บริเวณถนนทางเข้าโรงงานน้ำตาลฯ ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 288, 371 และพ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 โดยคดีนี้ประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โอนคดีมาพิจารณาที่ศาลอาญา ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นที่ยุติว่า วันและเวลาเกิดเหตุ ผู้ตายและคณะโดยสารรถตู้ไปร่วมประชุมคณะผู้บริหารโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย เมื่อไปถึงถนนทางเข้าโรงงาน นายสมชาย ใจห้าว (จำเลยที่ ศาล จ.นครสวรรค์ มีคำพิพากษาแล้วให้จำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ แล้วมีการใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.ยิงผู้ตาย) กับพวกร่วมกัน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถตู้แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย

คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกระทำความผิดกับนายสมชายหรือไม่ ซึ่งโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นหน้าจำเลย มีเพียงบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของนายสมชายที่เป็นผู้กระทำความผิด ยอมรับว่า นายสมชายเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ พานายพิเชษฐ์ไปยิง ซึ่งถือเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิด ในส่วนที่พยานแวดล้อม นายฉลอง พินผ่อง พนักงานโรงงานน้ำตาลฯ ซึ่งเบิกความว่านายสมชาย เอารถมาจอดบริเวณวัดหนองโพ และนายสมชายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปนั้น นายฉลองเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่ถูกกันไว้เป็นพยานด้วย ดังนั้น ศาลจึงต้องรับฟังคำให้การและคำเบิกความด้วยระมัดระวัง ขณะที่พยานโจทก์ ที่นั่งอยู่คณะรถตู้ เบิกความในคดีที่ฟ้องกรรมการบริหารโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย จ้างวานฆ่านายไมเคิล ผู้ตายว่า วันเกิดเหตุขณะนั่งรถเข้าโรงงานมีรถจักรยานยนต์ขี่ประกบและมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่พยานเห็นเพียงด้านหลังขณะที่รถจักรยานยนต์กำลังขี่แซงขึ้นไป นอกจากนี้ พยานโจทก์ยังให้การขัดกันเกี่ยวกับเวลาที่เกิดเหตุว่า ผู้ตายถูกยิงเวลาใกล้เที่ยง แต่ขณะที่นายฉลองเบิกความว่านายสมชายนำรถมาคืนให้เวลา 10.00 น. พยานโจทก์จึงยังมีความสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

ภายหลังศาลมีคำพิพากษา มารดาและญาติของพิเชษฐ์ จำเลยที่เดินทางมาร่วมฟังพิพากษากว่า 20 คน ต่างกับสวมกอดกันร้องไห้ด้วยความยินดี ส่วนทางฝ่ายโจทก์ไม่มีญาติเข้าร่วมฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.49 ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ และนายอดัม เออร์วิน วันสเลย์ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญพรรณ สุทธิวิริวรรณ, นายสมโชค สุทธิวิริวรรณ น้องชาย, นายประดิษฐ์ ศิริวิริยะกุล และนายสมพงษ์ บัวสกุล หรือพงษ์ ปากพนัง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานจ้างวานฆ่า และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.289 (4) และฐานเป็นผู้ให้การช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกผู้อื่นกระทำผิด ตาม ม.26 และโดยให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 และให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 2 และ 4 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.289 (4) และ ม.83 สำหรับจำเลยที่ 3 พิพากษาให้ยกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น