ศาลฎีกาพิพากษายืนประหารหนุ่มแม่ฮ่องสอน ค้ายาบ้าแสนเม็ด อ้างถูกหลอกลวง นำเงินรักษาพ่อกับปู่ ฟังไม่ขึ้น ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งอดีตนายทหารยศพันตรี ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกตลอดชีวิต อีก 2 คน โดนจำอีกคนละ 50 ปี ส่วนอีกคดีศาลฎีกาสั่งจำคุกตลอดชีวิตพ่อค้ายาบ้า 2 ล้านเม็ด
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.วัชรินทร์ ตั้งสกุล อายุ 59 ปี อดีตนายทหารการเงิน สังกัดกรมการบินทหารบก นายสาม เล่ายี่ปา อายุ 33 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน นายสมบูรณ์ หรือหมึก เนตรท้วม อายุ 53 ปี ชาว จ.ชัยนาท นายกิตติศักดิ์ หรือ แพ็ท ดีพัฒนาเจริญ อายุ 33 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน และ นายอานนท์ หรือ เตี้ย เจริญประกอบ อายุ 53 ปี ชาว จ.ราชบุรี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับในความผิดฐานมีเมตแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2545 จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันมียาบ้าชนิดสีส้มจำนวน 1 แสนเม็ด มูลค่า 5 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติก บรรจุอยู่ในลังแป้งเด็กยี่ห้อหนึ่ง ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ปลอมตัวล่อซื้อจับกุมได้พร้อมยาบ้าของกลาง รถยนต์หลายคัน และโทรศัพท์มือถือ หลายเครื่องที่บริเวณปากทางเข้าวัดเกาะเกรียง หมู่5 ต.บางคูลัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 และ 5 ให้การรับสารภาพ ระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้ประหารจำเลยที่ 1, 3, 4 และ 5 อย่างไรก็ตาม ในชั้นจับกุม และ ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 และ 5 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอย่างยิ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 3 และ 5 ไว้คนละ 50 ปี ต่อมาจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 4 ยื่นฎีกาเพียงคนเดียว
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยรอบคอบแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของยาบ้า และเป็นผู้กำหนดให้จำเลยที่ 3 ติดต่อหาผู้ซื้อ โดยให้จำเลยที่ 2 ขนของกลางยาบ้า จาก จ.เชียงใหม่ มาให้จำเลยที่ 1 กับพวกนำไปเก็บไว้ แล้วจำเลยที่ 4 และ 5 ก็เดินทางมาสมทบ ทั้งนี้ มีจำเลยที่ 1 และ 2 ไปตรวจรับเงินจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าล่อซื้อ
พฤติการณ์เช่นนี้บ่งชี้ว่า จำเลยเป็นตัวการสำคัญในการค้ายาเสพติด ซึ่งมีจำนวนมาก มูลค่าหลายล้านบาท ไม่ใช่ผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ชีวิตที่จะถูกเหล่ามิฉาชีพล่อลวงตามข้อต่อสู้ และข้ออ้างของจำเลยที่ 4 ที่อ้างว่า ต้องการเงินมารักษาพ่อและปู่ที่ป่วยหนักนั้น เห็นว่า แม้จะเป็นความจริง แต่ก็ไม่อาจนำมาเป็นข้อแก้ตัวอันควร โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดและภยันตรายที่ก่อแก่สังคม ที่จะเกิดขึ้น ฎีกาจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนให้ประหารชีวิต
วันเดียวกันนี้ ศาลอาญา ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาให้จำคุกตลอดชีวิต นายฉมัง กันทวงศ์ อายุ 46 ปี ชาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จำเลยในคดีมียาบ้าชนิดสีส้มปนเขียวจำนวน 1,890,000 เม็ด มูลค่า 50 ล้านบาท โดยซุกซ่อนไว้ใต้พื้นรถกระบะ 6 ล้อ ซึ่งข้างบนบรรทุกกระเทียมแห้งปกปิดไว้เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นจับกุมได้ในที่สุด