xs
xsm
sm
md
lg

ศาลพิพากษาประหารชีวิตอดีตกำนันดังจ้างวานฆ่านายกเล็กท่าศาลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ห้องพิจารณา 3 ชั้น 2 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์คณะผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นั่งบัลลังก์พิจารณาตัดสินคดีนายพอพันธ์ รัตนคช อดีตกำนันตำบลท่าศาลา ซึ่งเป็นอดีต ส.จ.เขต อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และเป็นอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 พร้อมพวกจำเลยรวม 8 คน ในคดีจ้างวานฆ่านายไพรัช จินดาฤกษ์ หรือ นายกน้อย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าศาลาเสียชีวิต
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 ในงานบำเพ็ญกุศลศพหลังที่ว่าการอำเภอท่าศาลา โดยคนร้ายได้บุกเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายไพรัช ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพดังกล่าว ในช่วงเวลาที่พระภิกษุสงฆ์กำลังทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพ
องค์คณะผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นเลขคดี 4 สำนวน ประกอบด้วยคดีดำที่ 5/48, 318/48, 348/48, 450/48 และคดีแดงที่ 165/51, 166/51, 167/51, 168/51 51 โดยอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมพงศ์ หรือแป๋ว สุวรรณมณี อายุ 30 ปี มือปืนชื่อดังเจ้าของฉายา "พงศ์ ถ้ำพรรณรา" อายุ 32 ปี นายพอพันธ์ หรือกำนันพอพันธ์ รัตนคช อายุ 51 ปี อดีตกำนันตำบลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และ อดีต ส.จ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
นายสมชาย คงชนะ อายุ 40 ปี นายสุทัศน์ กฤษกรี อายุ 37 ปี นายวุฒิชัย จินวรรณ อายุ 34 ปี นายพิงพันธ์ รัตนคช อายุ 24 ปี บุตรชายนายพอพันธ์ นายโอชา รัตนสุภา อายุ 39 ปี นางนภัสกร หรือปลา กฤษกรี อายุ 30 ปี เป็นจำเลยที่ 1-8 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
อัยการได้บรรยายฟ้องสรุปความได้ว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 ต.ค.48 ได้มีกลุ่มคนร้ายบุกยิงถล่มนายไพรัตน์ จินดาฤกษ์ อายุ 49 ปี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าศาลา อ.ท่าศาลา เสียชีวิต คางานศพนางนาค พรประสิทธิ์ ซึ่งตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 1 บ้านศาลาน้ำ ต.ท่าศาลา เขตเทศบาลตำบลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนสืบสวน จนมีพยานหลักฐานแน่ชัดว่า มีผู้ร่วมกระทำความผิดและก่อเหตุทั้งหมด 10 คน จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมมาได้ 8 คน โดยนายสมพงศ์ จำเลยที่ 1 เป็นคนขับรถปิกอัพให้มือปืน จำเลยที่ 2 คือนายพอพันธ์ หรือกำนันพอพันธ์ รัตนคช สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เขต อ.ท่าศาลา อดีตกำนันตำบลท่าศาลา เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจมากมาย เป็นผู้บงการและใช้จ้างวาน
จำเลยที่ 3 นายสมชายเป็นคนจัดหามือปืน นายสุทัศน์จำเลยที่ 4 เป็นคนติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ตายและชี้เป้า นายวุฒิชัย จำเลยที่ 5 เป็นคนวางแผน การหลบหนีและเตรียมสถานที่กบดานมือปืน นายพิงพันธ์ จำเลยที่ 6 บุตรชายของกำนันพอพันธ์ เป็นคนประสานงานและจัดหาป้ายทะเบียนรถปลอม เพื่อใช้สับเปลี่ยนระหว่างหลบหนี และนายโอชา จำเลยที่ 7 เป็นคนจัดหามือปืนร่วมกับนายสมชาย จำเลยที่ 3 นางนภัสกร จำเลยที่ 8 ซึ่งเป็นภรรยาของนายสุทัศน์
สำหรับนายชูศักดิ์ หรือหมึกหรือเอ นุ่มลืมคิด อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 2 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร เป็นมือปืนลำดับที่ 2 ในบัญชีมือปืนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนนายประไพหรือยิบหรือยิ้ม หงส์ทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 7 ต.นากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เป็นมือปืนลำดับต้นๆ ของกองปราบปราม โดยนายชูศักดิ์ หรือหมึก นั้นเพิ่งเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.รณพงศ์ ทรายแก้ว รอง ผบก.ศูนย์สืบสวน บชภ.8 และอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีตามลำดับนับสิบคดีรวมทั้งคดีนี้ด้วย
โดยพนักงานอัยการเป็นโจทย์นั้นได้ยื่นฟ้องในฐานความผิดต่อชีวิตเกี่ยวกับเอกสารความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยเหตุการณ์ในคดีได้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 13 ต.ค. 2548 จำเลยทั้ง8คนกับพวกได้ใช้อาวุธปืน.38 และลูกซองยาว และได้มีการร่วมกันฆ่านายไพรัช จินดากฤษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าศาลาเสียชีวิต โดยเหตุเกิด ที่บริเวณงานศพริมถนนสายศาลาน้ำ ม.1 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา นครศรีธรรมราช
โดยทั้งหมดได้มีการไตร่ตรองไว้ก่อน และจำเลยที่ 2 คือนายพอพันธ์ ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 คือนายสมพงศ์ และจำเลยที่ 3 - 8 ให้ร่วมกันฆ่านายไพรัช นายกเทศมนตรีตำบลท่าศาลา โดยถือว่ามีการไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจำเลยที่2ได้อ้างถึงความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่นกับนายไพรัช จินดาฤกษ์ นายสายัณ ยุติธรรม นายอภินันท์ เชาวลิตร นายวินัย สุทธิเดช และนายวุฒิศักดิ์ หรือ นิว ชูขาว
แต่ในการพิจารณาศาลได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 - 7 ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานได้ แต่พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้อย่างหนักแน่น ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 - 7 มีส่วนร่วมในการทำผิดในข้อหาอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง ประกอบกับจำเลยที่ 2 เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เกิดเหตุมานาน และมีเหตุโกรธแค้นขัดแย้งกับผู้ตายเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่นก่อให้จำเลยที่ 1 และที่ 6 กับพวกฆ่าผู้อื่น โดยจ้างจำเลยที่ 1 และที่ 3 - 7 กับพวก ซึ่งเป็นกลุ่มมือปืนเป็นเงิน 300,000 บาท สั่งการให้จำเลยที่ 3 - 7 วางแผนกระทำความผิด
จึงถือเป็นผู้จ้างวานในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยให้จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายโดยใช้อาวุธปืน รถยนต์และแผ่นทะเบียนปลอม จัดเตรียมในการทำความผิด โดยวางแผนล่วงหน้าร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 มาตรา 268 (4) 371 ประกอบมาตรา 63 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนวัตถุระเบิด ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 289 (4) มาตรา 84 ให้ประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5, 6, 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 86 ให้จำคุกแต่ละคนตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 รับสารภาพที่มีประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษจำคุกตลอดชีวิต และยกฟ้องจำเลยที่ 8 แต่ให้คุมขังไว้ในช่วงอุทรณ์
หลังศาลพิพากษายกฟ้อง จำเลยทั้งหมดโดยเฉพาะนายพอพันธ์ ถึงกับคอตกหน้าถอดสี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวลงไปควบคุมตัวไว้ในห้องควบคุมใต้ถุนศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดาคนใกล้ชิดที่ติดตามมา
ส่วนบรรดาญาติของนายไพรัช จินดาฤกษ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลท่าศาลา ได้แสดงอาการโล่งอก บางรายถึงขั้นน้ำตาซึมหลังจากศาลพิพากษาจบลง ส่วนญาติๆ และทนายความของนายพอพันธ์ รัตนคช ได้พยายามยื่นเรื่องขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลอุธรณ์ โดยเมื่อเวลา 16.20 น.ศาลอุทธรณ์ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว และนายพอพันธ์ พร้อมพวก จะต้องถูกควบคุมตัวยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตกเป็นนักโทษโดยทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น