นางชาลอต โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการรุกตลาดทีวีดาวเทียมในช่วงแรกคือช่องบันเทิง มีเดียแชนแนล 20 จะร่วมมือกับ 3 พันธมิตรหลักคือ ช่อง 7 ซึ่งบริษัทฯเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์คอนเท้นต์ทั้งหมด 2.บริษัท เอ็มพิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในเครือเมเจอร์ฯ ซึ่งจะเป็นผู้ป้อนคอนเท้นต์หลักทางด้านบันเทิง และ 3. บริษัท เท็น ทีวี จำกัด ผู้มีไลเซ่นส์ทีวีดาวเทียม 8 ช่อง เป็นผู้ทำตลาดให้ในส่วนของการติดต่อกับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีหรือโอเปอรเตอร์ เพื่อนำช่องบันเทิงดังกล่าวนี้ไปลงในเคเบิล เพื่อเป็นการขยายตลาดมากขึ้น
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการโฆษณาในช่วง 1 ปีแรกซึ่งจะเริ่มออนแอร์วันที่ 1 ตุลาคมศกนี้ ประมาณ 80-100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สามารถขายโฆษณาได้แล้วประมาณ 40 ล้านบาท มีลูกค้า 4 รายใหญ่ เช่น รถยนต์มิตซูบิชิ ผ่านการขายทางเอเจนซี่ โดยมีระยะเวลานาน 6 เดือน ส่วนรายได้อีกทางคือเก็บจากโอเปอเรเตอร์มากน้อยจะขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก โดยลงทุนด้านอุปกรณ์มากกว่า 100 ล้านบาท นอกนั้นเป็นค่าลิขสิทธิ์ ประมาณปีละ 70 ล้านบาท
เหตุผลหลักที่ลงทุนด้านทีวีดาวเทียมนี้มาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1.ตลาดโฆษณาต้องการหาสื่อใหม่ๆมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ทีไอทีวีปิดตัวลงไปทำให้เม็ดเงินหายไปมาก 2.พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 อนุญาตให้มีโฆษณาทางเคเบิลทีวีได้ 6 นาทีต่อชั่วโมง และ 3.มีการวัดเรตติ้งรายการทางเคเบิลทีวีได้แล้ว
"ธุรกิจนี้เป็นตลาดที่ใหญ่มากและเข้าถึงคนหมู่มากและระดับท้องถิ่นด้วย แต่ที่น่าสนใจคือโมเดลธุรกิจนี้ในปัจจุบันที่ทำกันอยู่ยังไม่เต็มที่นัก ผู้ประกอบธุรกิจเคเบิลยังมีโมเดลเฉพาะการเก็บค่าสมาชิกเพียงอย่างดียวประมาณ 7 พันล้านบาทต่อปี ด้วยฐานผู้ชมมากกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน ซึ่งเอเจนซี่เองก็สนใจกับสื่อนี้มากขึ้น"
นางชาลอตกล่าวต่อว่า เคเบิลทีวีดาวเทียมน่าจะเป็นสื่อทางเลือกใหม่ เพราะมีค่าโฆษณาแค่หลักพันบาทต่อนาที ขณะที่ฟรีทีวีเป็นหลักหมื่นบาทหรือแสนบาท มันต่างกันมาก แต่เราก็ยังเน้นฟรีทีวีเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเคเบิลเป็นโอกาสใหม่เท่านั้นเอง ปีหน้ายังเสนอรายการใหม่ให้กับช่องฟรีทีวีอื่นเหมือนเดิมด้วย และฟรีทีวียังเป็นรายได้หลัก ส่วนอนาคตก็จะเพิ่มเคเบิลทีวีอีก 2 ช่อง คือ ไลฟ์สไตล์และข่าว
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีทองของเคเบิลทีวีเพราะมีผู้ประกอบการใหม่จำนวนมาก แต่ว่ามีประสบการณ์ธุรกิจบันเทิงเข้ามาลงทุนมากขึ้น ก่อนหน้านี้มีฐานผู้ชมเคเบิลทีวี 10 ล้านคน ค่าสมาชิกต่อเดือนต่อครัวเรือนเฉลี่ยที่ 250 บาท แต่เมื่อถึงจุดเปลี่ยน เคเบิลโฆษณาได้ มีคอนเท้นต์มากขึ้น คาดว่ามูลค่าน่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่า เป็นมากกว่า 15,000-4,000 ล้านบาท โดยสมาคมฯคาดว่า จำนวนผู้ชมเคเบิลทีวีขณะนี้มีประมาณ 15% จากจำนวน 19 ล้านครัวเรือนที่รับชมฟรีทีวี คาดว่าภายใน 3-5 ปีจะเพิ่มเป็น 60% หรือ 11 ล้านครัวเรือนจาก 19 ล้านครัวเรือน
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการโฆษณาในช่วง 1 ปีแรกซึ่งจะเริ่มออนแอร์วันที่ 1 ตุลาคมศกนี้ ประมาณ 80-100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สามารถขายโฆษณาได้แล้วประมาณ 40 ล้านบาท มีลูกค้า 4 รายใหญ่ เช่น รถยนต์มิตซูบิชิ ผ่านการขายทางเอเจนซี่ โดยมีระยะเวลานาน 6 เดือน ส่วนรายได้อีกทางคือเก็บจากโอเปอเรเตอร์มากน้อยจะขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก โดยลงทุนด้านอุปกรณ์มากกว่า 100 ล้านบาท นอกนั้นเป็นค่าลิขสิทธิ์ ประมาณปีละ 70 ล้านบาท
เหตุผลหลักที่ลงทุนด้านทีวีดาวเทียมนี้มาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1.ตลาดโฆษณาต้องการหาสื่อใหม่ๆมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ทีไอทีวีปิดตัวลงไปทำให้เม็ดเงินหายไปมาก 2.พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 อนุญาตให้มีโฆษณาทางเคเบิลทีวีได้ 6 นาทีต่อชั่วโมง และ 3.มีการวัดเรตติ้งรายการทางเคเบิลทีวีได้แล้ว
"ธุรกิจนี้เป็นตลาดที่ใหญ่มากและเข้าถึงคนหมู่มากและระดับท้องถิ่นด้วย แต่ที่น่าสนใจคือโมเดลธุรกิจนี้ในปัจจุบันที่ทำกันอยู่ยังไม่เต็มที่นัก ผู้ประกอบธุรกิจเคเบิลยังมีโมเดลเฉพาะการเก็บค่าสมาชิกเพียงอย่างดียวประมาณ 7 พันล้านบาทต่อปี ด้วยฐานผู้ชมมากกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน ซึ่งเอเจนซี่เองก็สนใจกับสื่อนี้มากขึ้น"
นางชาลอตกล่าวต่อว่า เคเบิลทีวีดาวเทียมน่าจะเป็นสื่อทางเลือกใหม่ เพราะมีค่าโฆษณาแค่หลักพันบาทต่อนาที ขณะที่ฟรีทีวีเป็นหลักหมื่นบาทหรือแสนบาท มันต่างกันมาก แต่เราก็ยังเน้นฟรีทีวีเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเคเบิลเป็นโอกาสใหม่เท่านั้นเอง ปีหน้ายังเสนอรายการใหม่ให้กับช่องฟรีทีวีอื่นเหมือนเดิมด้วย และฟรีทีวียังเป็นรายได้หลัก ส่วนอนาคตก็จะเพิ่มเคเบิลทีวีอีก 2 ช่อง คือ ไลฟ์สไตล์และข่าว
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีทองของเคเบิลทีวีเพราะมีผู้ประกอบการใหม่จำนวนมาก แต่ว่ามีประสบการณ์ธุรกิจบันเทิงเข้ามาลงทุนมากขึ้น ก่อนหน้านี้มีฐานผู้ชมเคเบิลทีวี 10 ล้านคน ค่าสมาชิกต่อเดือนต่อครัวเรือนเฉลี่ยที่ 250 บาท แต่เมื่อถึงจุดเปลี่ยน เคเบิลโฆษณาได้ มีคอนเท้นต์มากขึ้น คาดว่ามูลค่าน่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่า เป็นมากกว่า 15,000-4,000 ล้านบาท โดยสมาคมฯคาดว่า จำนวนผู้ชมเคเบิลทีวีขณะนี้มีประมาณ 15% จากจำนวน 19 ล้านครัวเรือนที่รับชมฟรีทีวี คาดว่าภายใน 3-5 ปีจะเพิ่มเป็น 60% หรือ 11 ล้านครัวเรือนจาก 19 ล้านครัวเรือน