xs
xsm
sm
md
lg

ทรงย้ำครม.ทำตามปฏิญาณเพื่อบ้านเมือง-ประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท"ครม.สมชาย 1" เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ทรงเน้นย้ำให้ ครม.ทำให้ได้อย่างที่ปฏิญาณ เพื่อให้บ้านเมือง และประชาชนได้รับความเจริญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ด้าน"สมชาย" เรียกประชุมครม.วันนี้ เพื่อถกนโยบายรัฐบาล ตั้ง ขรก.การเมือง ยอมรับผิดฝาผิดตัว "อภิสิทธิ์"ระบุนายกฯ ตั้ง ครม. เหมือนจงใจซ้ำเติมประชาชน จี้เร่งแก้ 5 ปัญหาสำคัญ ด้านหมอดูฟันธง รัฐบาลอายุไม่เกิน 3 เดือน

เมื่อเวลา 17.02 น.วานนี้ (25ก.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่แก่คณะรัฐมนตรีด้วย
"ข้าพเจ้ายินดี ที่คณะรัฐมนตรี ที่จะเข้ารับหน้าที่ต่อไปนี้ และก็ขอให้ได้ปฏิบัติตามที่ได้ปฏิญาณไว้ว่า จะทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติในงานนี้ที่ได้รับให้ได้ผล ได้ประโยชน์ ซึ่งในสมัยนี้ก็ไม่ใช่ง่ายที่จะปฏิบัติงานรัฐบาล เพื่อที่จะให้บ้านเมืองมีความเจริญ แล้วก็ให้ประชาชนได้รับความเจริญ
ก็ขอให้ท่านได้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ปฏิญาณไว้ เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมือง ให้สำเร็จโดยแท้ ก็ขอให้ท่านมีกำลังทั้งกาย ทั้งใจที่จะปฏิบัติงานนี้ซึ่งก็ไม่ใช่ง่าย ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติด้วยความเข้มแข็ง แล้วก็ได้ความสำเร็จ ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายสมบูรณ์เพื่อปฏิบัติงานนี้ซึ่งไม่ใช่ง่าย ก็ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานที่ได้ตั้งไว้แก่ตัว โดยที่ได้ปฏิญาณตนด้วยเข้มแข็งอย่างนี้"

**ประชุมครม.นัดแรกวันนี้
ต่อมา เวลา19.25 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แถลงภายหลังนำครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่าจากนี้ไปจะเร่งปฏิบัติหน้าที่ โดยจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน ซึ่งรัฐบาลได้จัดทำร่างนโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ (26ก.ย.) จะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อหารือเรื่องจัดทำนโยบาย โดยจะการตั้งคณะกรรมการที่มีตนเองเป็นประธาน มีรองนายกฯ และเลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่าจะเสร็จภายใน 2-3 วัน และไม่เกินวันที่ 8 ต.ค. หรือใกล้เคียงจะสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้
นอกจากนี้ ในการประชุม ครม.จะมีการหารือเรื่องเร่งด่วนอีก 2-3 เรื่อง เช่น เรื่องการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม การแต่งตั้งข้าราชการเมืองบางตำแหน่ง และการแบ่งงานรองนายกฯด้วย
นายสมชาย กล่าวว่า ในการประชุมครม. จะมีการแจ้งเรื่องการใช้งบประมาณ เพราะช่วงเดือน ก.ย.อยู่ในช่วงปลายปีงบประมาณ และยังมีปัญหาการใช้งบประมาณเหลื่อมปี จึงจะแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ ครม.รับทราบ
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกำหนดการที่นายกรัฐมนตรีไทย จะเดินทางไปร่วมประชุมองค์การสหประชาติ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า วันนี้ ตนจะเข้ากระทรวง จึงจะทราบรายละเอียดว่าจะไปหรือไม่ ขณะนี้ข่าวยังสดอยู่ รอให้ข่าวแห้งก่อน

**บ้านนายกฯ สงบหลังหมดเวลาวิ่งเต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวานนี้ ที่บ้านพักนายสมชาย ในหมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ ถนนแจ้งวัฒนะ เงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากช่วงการจัดทำบัญชีรายชื่อ ครม. ที่มีนักการเมืองเข้าออกคึกคัก วานนี้ มีเพียงคณะบุคคลเข้าอวยพรประปราย ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการทหาร ที่นำกระเช้าดอกไม้มาอวยพร หลังทราบว่านายสมชาย ถ่างควบรมว.กลาโหม อีกตำแหน่งหนึ่ง
นอกจากนี้ก็มี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เข้าพบเพื่อนำร่างนโยบายรัฐบาลมาให้ตรวจสอบ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันนี้ ( 26 ก.ย. จากนี้ก็มี พล.ต.ท.พีระพันธุ์ เปรมภูติ อดีตเลขาธิการ ปปง. เข้าพบประมาณ 1 ชม.
กระทั่งเวลา 13.50 น. นายสมชาย จึงออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ก่อนเดินทางไปที่ท่าอากาศยานกองบิน 6 ในเวลา 14.30 น. เพื่อร่วมถ่ายรูปกับ ครม.ใหม่ และเดินทางไปเข้าเฝ้า เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในเวลา 17.00 น.
ทั้งนี้ นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาก่อนการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ว่า ผู้ที่จัดทำร่างได้นำตัวอย่างมาให้ดูแล้ว แต่เป็นเพียงเบื้องต้น เพราะนโยบายต้องทำร่วมกันทั้ง 6 พรรคร่วมรัฐบาล และในการประชุมครม.วันนี้ (26 ก.ย.) จะแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ ถึงการจัดทำนโยบาย และจะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งมาตรวจชำระในขั้นสุดท้าย ว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ โดยตั้งเป็นคณะกรรมการที่เป็นทางการ หลังจากนั้นจะแจ้งไปยังสภาฯ ว่าพร้อมจะแถลง ส่วนตัวพอใจแล้ว ซึ่งการจัดทำนโยบายครั้งนี้ ยอมรับว่าได้นำรูปแบบเดิมมาดูประกอบ เพราะเดิมตนก็เป็นประธานจัดทำร่างนโยบาย สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงท้วงติงว่า ครม.ที่ตั้งขึ้นนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่พูดว่า จะคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด แต่เป็น ครม.ต่างตอบแทน นายสมชาย กล่าวว่า ก็บอกแล้วว่า ขอให้เขาลองทำงานดู ตนจะกำกับดูแล คอยติดตามการทำงานของครม.ทั้งหมด เมื่อถามว่า ตำแหน่งสำคัญๆ เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ จะให้มาดูแลงานด้านใด นายสมชาย กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ได้แบ่งงานให้กับรองนายกฯ รอถวายสัตย์ฯก่อน จากนั้นจะแบ่งงานตามความเหมาะสม ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ท่านเคยเป็นนายกฯ รองนายกฯ มีประสบการณ์สูง คิดว่าคงจะช่วยรัฐบาลทำงาน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นได้ในระดับที่ดี

***"สมชาย" รู้ ครม.ผิดฝาผิดตัว
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าการตั้งครม.ครั้งนี้ ผิดฝาผิดตัวหลายตำแหน่ง เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นายสมชาย กล่าวว่า ก็โอเค บางทีอาจจะคิดว่าผิดฝาผิดตัว แต่ถ้าทำงานไปแล้วอาจจะคิดว่าดีกว่าก็ได้ เมื่อถามว่า การตั้งครม.ครั้งนี้ เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้ นายสมชาย กล่าวว่า การเลือกตั้งใครจะไปรู้ว่าเกิดเร็วๆนี้ หรือเมื่อไร เมื่อถามว่า การตั้ง พล.อ.ชวลิต เพื่อรองรับพรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องพรรคการเมือง ขอให้ท่านมาร่วม เพราะครม.จะต้องมีผู้ที่มีประสบการณ์ มีอะไรต่ออะไร ให้ดี

**ไม่ท้อถอยแม้มีปัญหาภายในพรรค
ส่วนปัญหาความไม่พอใจจากกลุ่มต่างๆในพรรคจะจัดการอย่างไรนั้น นายสมชายตอบว่า การจัดครม.แต่ละครั้งไม่มีใครได้ 100 เปอร์เซ็นต์ บางคนอาจดีใจ แต่บางคนอาจไม่สบายใจ แต่ในทางการเมืองมันก็เป็นอะไรที่ต้องเดินไป พรรคก็ต้องเดินไป การบริหารบ้านเมืองก็ต้องเดินไป ตนจะไม่เอาเรื่องนี้มาบั่นทอนการทำงาน เชื่อว่าทุกท่านจะเข้าใจดี ตนจะพยายามจัดการทุกเรื่อง เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำ คิดว่าอะไรๆ ก็ต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล งานก็ต้องทำไป ท้อถอยไม่ได้
เมื่อถามว่า การตั้งครม.ครั้งนี้ เมื่อนับจำนวนแล้วปรากฎว่าภาคเหนือได้รับมากที่สุด นายสมชาย ตอบว่า "ผมไม่ได้คำนึงถึงว่าได้มาก น้อย แต่ดูที่ความเหมาะสม ก็มีที่อาจจะถูกมองว่าตรงนั้นได้มาก ได้น้อย แต่บางครั้งเราให้คนนี้ไม่ได้ ก็บอกว่าคราวหน้านะ ก็พูดไป มันก็มีเหลื่อมล้ำกันไป เวลาจัดก็อย่างนี้ มันก็ไม่ได้ดั่งใจ" เมื่อถามกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งฉายาว่า" ครม.พี่เมีย" นายสมชาย หัวเราะก่อนตอบว่า "ครม.สมชาย1" ดีกว่า

**ไม่รีบเร่งประเมินผลงาน รมต.
เมื่อถามว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นรมว.คลัง ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น จะแก้ปัญหาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวให้ท่านพยายามทำงานให้เกิดความเชื่อมั่น ตนจะกำชับท่าน ส่วนที่เลือกนายโอฬาร ไชยประวัติ มานั่งรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ เพราะ คิดว่าท่านจะช่วยได้ จะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องให้แสดงออกมา สำหรับ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตั้ง รมว.เพียงคนเดียว ทั้งที่มีงานเยอะ เพราะช่วงที่ตนเป็นรมว.ศึกษาฯ ได้ทำงานพื้นฐานไว้มาก เมื่อดูแล้วก็สามารถทำงานคนเดียวไปก่อนได้
เมื่อถามว่า นายศรีเมือง เจริญศิริ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา จะทำงานได้จริงหรือนายสมชาย กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงก็มีอยู่เยอะ เรียกมาใช้งานได้ ตอนที่ตนไป ก็มีคนบอกว่าตนไม่ใช่นักการศึกษา แต่ก็ทำได้
ส่วนที่หลายภาคส่วนออกมาประสานเสียงยี้ กับ ครม.ชุดนี้ ก็บอกแล้วว่า วิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่เป็นไร แต่ขอให้ลองทำงานดูก่อน เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีความเหมาะสมที่จะนั่งรมว.สาธารณสุข อย่างไร นายสมชาย ตอบว่า ก็ลองให้ท่านทำดู ทำไปแล้วอาจจะคิดว่าเหมาะก็ได้ เมื่อถามว่า จะให้เวลารัฐมนตรีพิสูจน์ฝีมือนานเท่าไร ถึงจะประเมินผลได้ นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้เวลา จะไปบังคับทีเดียวไม่ได้

**ควบรมว.กลาโหมแบบไม่มีคำตอบ
เมื่อถามว่า นายกฯ ควบรมว.กลาโหม ด้วยเพราะอะไร นายสมชาย ตอบว่า เพราะต้องมีรมว.กลาโหมคนหนึ่ง เมื่อถามว่าในพรรคก็มีนายทหาร คนนอกก็มีให้เลือกเยอะทำไมต้องควบเอง นายสมชาย กล่าวว่า ก็ลองดูแบบนี้ ตั้งไปอย่างนี้แล้ว เมื่อถามว่า จะปรับปรุงทีมงานอย่างไร เพราะมีแต่ ตท. 10 เต็มไปหมด นายสมชาย ตอบว่า ตอนนี้ชุดนั้นก็หมดไปแล้ว เดี๋ยวเข้าไปดูใหม่ ตนยังไม่ได้คิดว่าเป็นใคร เพราะไม่ใช่คนที่อยู่ในวงการทหาร ก็คงจะไปปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อถามว่า จะขับเคลื่อนนโยบายด้านความมั่นคงอย่างไร นายกฯ ตอบว่า ความมั่นคงก็ประกอบจากหลายส่วน ทหาร ตำรวจ สมช. ก็ดูให้ประสานงานสอดคล้องกัน เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาประชาชนผิดหวัง เพราะเมื่อประเทศมีวิกฤต ฝ่ายความมั่นคงกลับเฉย ไม่ออกมาช่วยคลี่คลาย นายสมชาย กล่าวว่า เราต้องช่วยกันทุกฝ่าย ก็พยายามทำความเข้าใจว่างานของบ้านเมือง ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายเดียว

**ภาพหมู่ ครม.ชาย 1 ไร้ฉากไทยคู่ฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในการถ่ายภาพหมู่ของ ครม.สมชาย 1 ถือครั้งแรกที่ไม่มีตึกไทยคู่ฟ้าเป็นฉากหลัง แต่เป็นอาคารรับรองของสนามบิน กองบัญชาการกองทัพอากาศ บน. 6 โดยมีการปูพรมสีน้ำเงิน ซึ่งการถ่ายภาพใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก่อนขึ้นเครื่อง ซี 130 ที่กองทัพอากาศจัดให้ เพื่อเดินทางไปลงที่สนามบินบ่อฝ้าย จ.ประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ การบันทึกภาพครั้งนี้ ไม่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ร่วมอยู่ด้วย โดย ร.ต.อ.เฉลิม แจ้งว่าขอเดินทางไปเองโดยรถยนต์ส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า ร.ต.อ.เฉลิม กลัวการขึ้นเครื่องบิน

**"วรวัจน์" ละเมอจะอยู่ครบ 4 ปี
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจ แม้ครม.ชุดนี้จะไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปที่ทำเนียบรัฐบาล โดยงานเร่งด่วนที่ต้องทำเป็นงานแรกคือ จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และจะจัดยุทธศาสตร์งานด้านวัฒนธรรม ให้เชื่อมโยงกับงานด้านการท่องเที่ยว และการศึกษา ทั้งนี้ เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่จนครบวาระ 4 ปี แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่นานก็ตาม

**"ท็อป" ไม่สนคำครหาใดๆทั้งสิ้น
นายวราวฺธ ศิลปอาชา รมช.คมนาคม กล่าวว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เชื่อว่าสามารถทำงานได้ และไม่กดดันที่มีข้อครหาว่าได้เป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นลูกชายนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย โดยจะให้เวลาและผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ และพร้อมที่จะขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่หลายๆ คน ส่วนการแบ่งงานขึ้นอยู่กับ รมว.คมนาคม

**"บ้านริมน้ำ" ยังไม่หายอารมณ์ค้าง
นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงความเห็นของส.ส.ในกลุ่มบ้านริมน้ำ ที่ยังคงมีความไม่พอใจ ที่ส.ส.ในกลุ่มไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่า การที่ตนและพรรคพวกออกมาเรียกร้อง ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคนที่เป็นส.ส. แต่เมื่อเรียกร้องแล้วไม่เป็นผล ต่อจากนี้ไปก็จะขอทำหน้าที่ส.ส.ต่อไป เพราะเราถูกเลือกมาโดยประชาชน
"เรามองว่าคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีในสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องทำงานเป็น ต้องเสียสละ ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เราอยากได้รัฐมนตรีที่ผู้แทนฯ สามารถประสานได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ (มาตรา 266) เป็นอุปสรรคในการประสานงานระหว่าง ส.ส. กับส่วนราชการในประเด็นของการแทรกแซงส่วนราชการ เราเห็นว่าคนที่จะประสานงานได้ดีที่สุด คือรัฐมนตรี หากรัฐมนตรีบางคนเรามองเห็นว่าไม่น่าจะทำหน้าที่ได้ เราขอเสนอคนที่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นคนในพรรค และเป็นส.ส. เราอยากได้รัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส. เพราะส.ส.รู้ถึงความลำบากของประชาชนมากว่านายทุน"
นายรณฤทธิชัย กล่าวว่า ต่อจากนี้ ส.ส.ในพรรคจะช่วยกันตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคน หากใครทำงานมีประสิทธิภาพ เราจะสนับสนุน แต่ถ้าใครไม่มีผลงาน หรือผลงานไม่เข้าตา ก็ต้องพิจารณาตัวเอง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นรัฐมนตรีคนไหนพิจารณาตัวเองสักที ซึ่งหากรัฐมนตรีในส่วนของพรรคคนใดไม่มีผลงาน คงต้องมีการพูดคุยกันภายในพรรค ซึ่งเราคงให้เวลาสักเดือนสองเดือน ก่อนจะประเมินผล
ส่วนการที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่มีตำแหน่งในครม.ชุดนี้ ก็คงไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน และคงไม่มีผลอะไร เพราะคนที่มาเป็นรัฐมนตรี คงทำงานไปตามอำนาจหน้าที่ ที่แต่ละคนมีอยู่
"การที่นายสุวิทย์ พยายามอยู่ในกลุ่มทุนมากเกินไป ทำให้มองเห็นว่า ความชอบธรรมต่อคนที่เป็นตัวแทนของประชาชนมันขาดความชอบธรรม ผมเชื่อว่าการเสนอชื่อรัฐมนตรีทุกพรรคคงทำเหมือนกัน คือการเชิญ ส.ส.ทุกคนมาประชุม เพราะผู้แทนเป็นผู้กำหนดจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ใช่การเอานายทุนไปกำหนด ต้องเอาผู้แทนกำหนด การที่พรรคเพื่อแผ่นดินได้โควต้ารัฐมนตรีมาจากจำนวนผู้แทน การเสนอรายชื่อรัฐมนตรี จะต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์จากส.ส. การไม่เรียกประชุม แล้วเสนอชื่อรัฐมนตรี ถามว่าถือเป็นมติของพรรคตรงไหน" นายรณฤทธิชัยกล่าว

**กลุ่มโคราชหวั่นถูกชิงพื้นที่
นายสมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มโคราชได้ออกมาปฎิเสธกระแสข่าวที่ว่า กลุ่มโคราชไม่พอใจที่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเลย เพียงแต่ไม่สบายใจและเป็นห่วงว่า การที่ไม่มีตัวแทนของกลุ่มเข้าไปเป็นรัฐมนตรี จะส่งผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่อาจต้องเสียที่นั่งส.ส.ไป เพราะพรรคคู่แข่งมีรัฐมนตรีถึง 2 คน
"กลุ่มโคราช ไม่ได้อึดอัด หรือไม่พอใจ เพียงแต่อยากให้ผู้ใหญ่ได้ทบทวน และเห็นความสำคัญของกลุ่มโคราชในพื้นที่ด้วย ยืนยันว่าทางกลุ่มจะไม่ย้ายไปไหน จะปักหลักต่อสู้ร่วมกับพรรคพลังประชาชนต่อไป" นายสมชายกล่าว
ส่วนเรื่องที่หลายกลุ่มในพรรคแสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายกฯต้องรีบออกมาทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม เพราะสมาชิกทุกคนก็เป็นห่วงปัญหาภายในพรรค โดยเฉพาะขณะนี้อยู่ในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาสำนวนยุบพรรค ดังนั้นจึงต้องสร้างความเป็นเอกภาพ และหากพรรคถูกยุบจริง สมาชิกก็จะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างพรรคใหม่ด้วยกัน
นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามารับตำแหน่งรองนายกฯ อีกครั้งว่า เมื่อเชิญให้เข้ามาร่วมครม.แล้ว ก็ต้องให้เกียรติ เพราะพล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ควรจะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ อย่ามองเป็นเพียงลูกบอล ที่โยนไปโยนมาในสนามเท่านั้น คนที่มีความรู้ความสามารถ ยอมเสียสละเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมืองอย่างนี้ หาได้ยาก

**จวก "ครม.ขี้ข้า" ซ้ำเติมประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมครม.เงา ว่าการแต่งตั้งครม.ของนายสมชาย นับเป็นการสูญเสียโอกาสครั้งใหญ่ เพราะยังไปเอาคนเดิมๆในรัฐบาลชุดเก่าที่ไม่มีผลงาน ประชาชนไม่ยอมรับ บางคนทำงานมาแล้วและมีปัญหา ก็ยังเอากลับมาร่วมครม.อีก นอกจากนี้ ในการจัดตั้งรัฐบาล ก็มีแต่ภาพการแก่งแย่ง ต่อรอง วิ่งเต้น โดยไม่คำนึงถึงการเข้ามาแก้ปัญหาอย่างแท้จริง จึงไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ และยังซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชน ที่กำลังมองหาความหวังที่จะออกจากวิกฤติต่างๆที่เป็นอยู่ในขณะนี้

**จี้แก้ปัญหาสำคัญ 5 ข้อ
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ มีข้อเสนอ 5 ข้อ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ที่ต้องรอการส่งสัญญาณอย่างรวดเร็วจากรัฐบาล คือ
1.ปัญหาน้ำท่วมและภัยพิบัติ ที่รัฐบาลจะต้องระดมความช่วยเหลือเฉพาะหน้าอย่างต่อเนื่อง และมาตรการเชิงป้องกันในระยะยาวด้วย และควรผลักดันให้มีการจัดทำระบบประกันภัยพืชผล
2. เรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของประชาชน รัฐบาลต้องส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกลับมา คือปัญหาการทำงานระหว่างกระทรวงการคลัง กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีการแต่งตั้ง และแทรกแซงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ ธปท. และตลาดทุน ซึ่งขัดแย้งกับหลักธรรมาภิบาล รัฐบาลใหม่จึงควรรื้อสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งการฟื้นฟูการท่องเที่ยว รับมือกับตลาดส่งออก ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในโลกและราคาน้ำมัน
3.ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลต้องเลิกปล่อยให้เป็นภาระของตำรวจ และทหารเท่านั้น แต่ต้องจัดระบบการแก้ปัญหาที่เป็นเอกภาพ โดยมีกฎหมาย หน่วยงาน และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบชัดเจน
4.ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง รัฐบาลต้องเลิกความคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง แต่ควรสนับสนุนการแก้ไขเพื่อปฏิรูปการเมือง หรือทำให้รัฐธรรมนูญ มีความเป็นประชาธิปไตย โดยนายกฯ ต้องเลิกพูดว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ปล่อยให้พรรคของตัวเองเดินหน้าสร้างปมความขัดแย้งในเรื่องนี้ อีกทั้งรัฐบาลต้องสนับสนุน และอำนวยความสะดวกต่อการทำงานของกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระให้เกิดความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับคดีที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอัยการสูงสุด ต้องมีความรวดเร็ว และชัดเจนว่าจะมีความจริงจังกับเรื่องนี้ ในส่วนสื่อของรัฐนั้น ต้องไม่มีลักษณะของการปลุกระดม สร้างความขัดแย้งหรือความเกลียดชัง และต้องไม่ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง
5. การบริหารราชการของรัฐบาล ต้องเป็นระบบอย่างแท้จริง และคำนึงถึงระยะยาวอย่างชัดเจนมากขึ้น รวมถึงต้องสร้างความซื่อสัตย์ ธรรมาธิบาล และความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศ เพราะจะเป็นแนวทางที่สำคัญที่สุด ในการทำให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างราบรื่น และวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ สังคมจะคลี่คลายได้

**ฟันธงรัฐบาลอยู่ไม่เกิน3เดือน
นายลักษณ์ เลขานิเทศ หมอดูได้วิเคราะห์อายุรัฐบาล"สมชาย1" ว่า ตามหลักโหราศาสตร์นั้นดวงเมืองอยู่ในลักคณาราศีเมษ ที่ผ่านมามีดาวมาทำมุมร้ายกับดวงเมือง คือดาวพฤหัส อันหมายถึงระบบตุลาการ กฎหมาย การบริหาราชการ พระสงฆ์ เศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี 49 ดาวพฤหัสโคจรทับดวงเมืองจนเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น รัฐประหาร การกำเนิดของรัฐธรรมนูญฉบับคมช. การเมืองมีปัญหา บุคคลสำคัญหรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะสิ้นบุญ ตอนนี้ดาวพฤหัสโคจรวิปริตหมายความว่า ก่อนหน้านั้นโคจรถอยหลัง คือโคจรช้ากว่าโลก และเมื่อวันที่12 ก.ย. ตอนนั้นดาวพฤหัสโคจรช้ากว่าโลก หากตอนนั้นมีการเลือกนายกฯจริง ก็มีปัญหาตามมา แต่ยังดีที่มีการเลื่อนมาเลือกนายกฯในวันที่16 ก.ย. ก็ถือว่าดีขึ้น ตามหลักโหราศาสตร์ และดวงเมือง เพราะตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.เป็นต้นมา ดาวพฤหัสเริ่มโคจรเดินหน้าบ้างแล้ว แม้ยังไม่เสถียรมั่นคงมากนัก เพราะเพิ่งเริ่มต้น เท่ากับว่ารัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทำงาน และยังไม่มั่นคงนัก แต่กำลังจะเริ่มคงที่ในช่วงหลังวันออกพรรษา โดยหลังวันที่ 4 ธ.ค. และตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป ดาวพฤหัสจะโคจรผ่านราศีธนู ไปสู่ราศีมังกร ในรอบสิบสองปี และอยู่ในมุมเสื่อมของวงการการเมือง มันจะทำให้รัฐบาลอ่อนแรงลงไป และอยู่ไม่ยืดโดยมีเหตุมาจากรัฐธรรมนูญนั่นเอง
ผลที่ตามมาคือ จะส่งผลกับนักการเมืองที่ต้องอ่อนแรงลงไปอีก 1 ปี ฉะนั้นในช่วงเวลาดังกล่าว นายสมชาย ควรยุบสภา และช่วงนั้นก็น่าจะเสนอการทำประชาพิจารณ์ แก้รัฐธรรมนูญไปด้วยกัน เพื่อให้รัฐบาลต่อไปทำงานอย่างไม่มีปัญหา ตอนนั้น ตนฟันธงว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังอยู่ ไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็จะมีปัญหาในการบริหารบ้านเมือง ฉะนั้น ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยวิธีประชาพิจารณ์ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด มันถึงจะนำไปสู่การเมืองใหม่และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งลงได้ อย่างไรก็ตาม นายลักษณ์ ฟันธงว่า รัฐบาลนายสมชาย จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน.
กำลังโหลดความคิดเห็น