"สมัครหอกหัก" อย่างหนาตราช้างเรียกพี่ยังกอดเก้าอี้นายกฯแน่น ย้ำไม่ออก ลั่นมาตามกฎหมายต้องไปตามกฎหมาย เผยเตรียมเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 1 ทุ่มคืนนี้
ร้อนใจเทียวไล้เทียวขื่อเข้าเฝ้าฯ
ความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในวันเสาร์ที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกของวันที่ 29 ส.ค. ในเวลาประมาณ 23.00 น. นายสมัครได้เดินทางไปยัง จ.ประจวบคีรีขันธ์เพื่อขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้พักค้างแรมที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาในเช้าวันที่ 30 ส.ค. นายกฯ จึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ มาที่กองบัญชากองทัพอากาศ กองบิน 6 ในเวลา 11.00 น. ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก
จากนั้นเวลา 13.30 น. นายสมัครได้เดินทางออกจากบ้านพักมายังสวนอัมพรเพื่อร่วมรับเสด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในการพระราชทานธงสัญลักษณ์โครงการ “จากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี”
จากนั้นนายสมัคร ได้เดินทางด้วยรถบัสเพื่อร่วมพิธีที่รัชมังคลากีฬาสถาน และได้กล่าวในพิธีการว่า หากการเมืองมีความขัดแย้งกันก็ตั้งวงคุยกันได้ ในฐานะคนไทยด้วยกัน ธงจะเป็นสัญลักษณ์ ให้แต่ละเขตแต่ละอำเภอนำไปเฉลิมฉลอง เช่น ในกรุงเทพมี 50 เขต ก็อยู่ได้เขตละ 2 วัน จังหวัดไหนถ้ามี 20 อำเภอ จะอยู่ได้ 5 วัน แต่ละอำเภอจะลงไป อบต.
วันนี้เป็นวันที่ผมไม่เคยเห็นตั้งแต่เกิดมา นายกฯ อบจ. 7,000 กว่าคน แต่งเครื่องแบบปกติขาวมาจากทั่วประเทศไปเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ผมก็เดินยกมือไหว้ทั้งหมด ขอบคุณที่เขามาตามที่สัญญาไว้ ที่มาทำพิธี และวันนี้เกิดขึ้นได้แล้ว ใครจะมาทำลายลงไปคงจะยาก ย้ำอีกไม่ถอย ไม่ถอดใจ ไม่ลาออก
“จริงๆ แล้วจะอยู่จนงานเลิก แต่บังเอิญได้กราบบังคมทูลขอเฝ้าเพื่อรายงานเรื่องสถานการณ์ในบ้านเมือง โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าในเวลา 17.00 น. วันนี้จะต้องออกจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้ เพื่อไปให้ทันเวลาเฝ้า เพราะเจ้านายโปรดมาให้เฝ้าแล้วไม่ควรจะผิดพลาด ขออภัยทุกคน แต่รัฐมนตรีทั้ง 20 กระทรวงจะมาอยู่ที่นี่กับท่านด้วย นายกฯ อบต. 7,200 กว่าราย จะเปลี่ยนเสื้อมาร่วมอยู่ด้วย จะฉลองด้วยการเดิน มาร์ชชิ่ง ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เราได้มาถึงวันนี้ ขอบคุณพี่น้องทุกคน ทุกฝ่ายที่มาจากทั่วประเทศ มายืนยันว่าบ้านเมืองของเรานั้นยังอยู่กันมีความสุขเหมือนเดิม ไม่ว่าใครจะมาคิดอ่านทำลายอย่างไรคงเป็นไปไม่ได้
“ถ้ามีกฎบัตรกฎหมายรองรับก็คงจะสู้กันได้ในสภา แต่ไม่มีกฎบัตรกฎหมายก็ต้องขออภัย ผมนั้นก็ยอมทุกอย่าง นุ่มนวลทุกอย่าง ทำอะไรนุ่มนวล เขาก็บอกรัฐบาลไม่มีน้ำยา ทำอะไรให้เสร็จตามหมายศาล เขาก็บอกรัฐบาลใจร้าย ทำร้าย มันโดนทั้งขึ้นทั้งล่องล่ะครับ วันนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสำออย มาร้องทุกข์ แต่มายืนยันกับท่านทั้งหลาย บอกเพื่อนพี่น้องทั้งประเทศว่า ผมนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังจะทำหน้าที่อยู่ต่อไป ผมอยู่ในสถานะตามกฎหมาย ผมไม่มีวันลาออกตามคำข่มขู่ ผมมาผมมีวาระตามสถานะ อยู่ไม่ได้ต้องกฎหมายไม่ให้อยู่ ไม่ใช่ใครมาข่มขู่บีบบังคับ
“ทั้งหมดนั้นพี่น้องทั้งประเทศได้โปรดช่วยกันดูแลด้วย สถานการณ์ก็ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว ทุกคนได้เข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอย่างไร วันนี้ก็มาขอยืนยัน ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งสถานการณ์ของบ้านเมืองไป ผมไม่มีวันถอดใจ ไม่มีวันถอย ผมจะอยู่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า รักษาบ้านเมืองนี้ไว้เป็นชิ้นเดียว และอยู่สงบสุขเหมือนที่เคยเป็นมานับร้อยๆ ปี ขออนุญาตผมได้ไปเข้าเฝ้าฯ เจ้านาย ลาก่อนนะครับ”นายสมัครกล่าว
จากนั้นเวลา 16.50 น. นายสมัครเดินทางมาถึงกองบินขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.)เพื่อทำการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า จากชุดขาวปกติเป็นชุดสูท ก่อนขึ้นรถต่อไปยังฝ่ายการช่างฝูงบิน 601 บน. 6 เพื่อขึ้นเครื่องบินเล็กของ ขส.ทบ. เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยไปพร้อมกับคนสนิทเพียงคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัครได้สั่งการให้ทางกองทัพเตรียมเครื่องบิน รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ ไว้ในหลายจุด โดยเฉพาะที่ ขส.ทบ. และ พล.ม.2 นอกจากนี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจไปจอดรอที่รัชมังคลากีฬาสถานด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ นายสมัครได้มีการประสานงานให้นายสมัครเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ที่วังไกลกังวน อ.หัวหิน ในเวลา 19.00 น.คืนนี้ หลังจากที่เมื่อเช้าที่ผ่านมา นายสมัครได้เดินทางไป อ.หัวหินแล้ว แต่ยังไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายสมัครได้เรียกสมาชิกพรรคพลังประชาชนมาร่วมประชุมหารือ ณ ที่ทำการพรรค ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในเวลา 9.30 น. วันที่ 31 ส.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมร่วม 2 สภาฯ ในช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. โดยนายสมัครได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภาเพื่อขอเปิดประชุมร่วมโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 179 แล้ว
ประชุม ครม.2 ก.ย.ยังปักหลักกองทัพไทย
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สวนอัมพร นายจุลยุทธ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมครม.ในวันที่ 2 ก.ย. ว่า คงจะใช้สถานที่กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนวาระการประชุม ครม.ทางสำนักเลขาธิการ ครม.จะใช้โรงพิมพ์สำนักเลขาธิการ ครม.ที่ซังฮี้ เป็นที่ผลิตเอกสารและรับเรื่องราวที่จะเข้า ครม. หากกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ มีเรื่องที่จะเข้า ครม. ก็ไปส่งที่ดังกล่าว ขณะที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ จะใช้ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์ อาจจะขลุกขลักในเรื่องที่ต้องเท้าความเรื่องเดิม ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนเราจะใช้วิธีตั้งเรื่องขึ้นมาเลย
สำหรับเอกสารสำคัญที่อยู่ในทำเนียบฯ นั้น เท่าที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปดูตึกสำนักงานปลัดฯ สำนักเลขาธิการ ครม. ไม่ได้รับผลกระทบ ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ดูแลอย่างดี อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์การชุมนุมในทำเนียบฯ ยืดเยื้อ ก็มีความเป็นห่วงเรื่องของงาน เพราะเวลานี้ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเรื่องการประสานงานกับกระทรวงต่างๆ ข้าราชการส่วนใหญ่เท่าที่ทราบก็อยู่บ้าน ยกเว้นผู้บริหาร ถ้ามีงานด่วนก็จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรมประชาสัมพันธ์ แต่จะใช้วิธีการติดต่อกันทางโทรศัพท์เป็นหลัก
“อนงค์วรรณ”ชี้ถึงทางตันจริงๆ ค่อยยุบสภา
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค. ได้ไปร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ที่บ้านนาย บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย สถานการณ์ตอนนี้น่าเป็นห่วง ส่วนตัวเห็นว่าต้องทำไปตามวิถีทางประชาธิปไตยก่อน
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอแนะให้นายกฯ หรือไม่ นางอนงค์วรรณตอบว่า ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งอะไรที่รุนแรง ห่วงเรื่องนี้อย่างเดียว ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นช่องทางของสภา เพราะทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ลองให้เขาพูดคุยเสนอทางออก คิดว่าจะมีทางออกที่ดี น่าจะเอามาปรับผสมผสานกันได้
เมื่อถามว่า หากมีการกดดันให้นายกฯ ยุบสภาจะทำอย่างไร นางอนงค์วรรณตอบว่า เนื่องจากตนไม่ได้เป็น ส.ส. จึงมีความเห็นเรื่องนี้ลำบาก แต่ ส.ส.ได้รับการเลือกตั้งมาด้วยความยากลำบาก ทุกคนคงอยากจะแก้ไขปัญหาให้ถึงที่สุดก่อนที่จะถึงเวลานั้น สำหรับการยุบสภาไม่ถึงกับเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่เป็นทางออกทางประชาธิปไตยทางหนึ่งถ้ามันตันจริงๆ