เมื่อเวลา 10.45 น.วานนี้ พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ได้เข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสรุปปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องมีการระดมความคิดในการปรับปรุงระบบงานให้ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่ประเทศอินโดนีเซียจะเป็นสื่อกลางในการจัดให้มีการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น พล.ท.สุรพล กล่าวว่า เราไม่มีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องนี้ แต่การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการดำเนินการลักษณะนี้มาเป็นหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งเรา เพราะไม่ได้เป็นคนที่ดำเนินการจัดให้มีการเจรจา อย่างไรก็ตาม การชวนกันไปพูดคุยกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากมีผลออกมาที่เป็นสาระ เป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องแจ้งเพื่อดำเนินการ เพื่อให้เข้าสู่ระบบ แต่นี่ยังไม่มีการแจ้งอะไร เป็นเพียงการไปเก็บข้อมูลธรรมดา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาครัฐ
พล.ท.สุรพล กล่าวด้วยว่า สมช.จะมีการประชุมคณะกรรมการ สมช.ชุดใหญ่ ขณะนี้เรากำลังเก็บข้อมูล ลงไปพูดจาพบปะประเมินจากเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุด และต่อไปก็จะมีการทบทวน เพราะเราก็ได้มีการทำงานมาหลายปีแล้ว ถ้าได้มีการตกผลึกร่วมกัน ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่า ใครทำอะไรบ้าง นำไปสู่เป้าหมายสันติสุขมากน้อยแค่ไหน อะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง ใครอยู่ตรงไหน จัดที่อยู่ให้ชัดเจน ความสับสนก็น่าจะลดน้อยลง
เมื่อถามว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา พอจะรู้แล้วหรือยังปัญหาเกิดจากอะไร พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ความจริงถ้าดูปัญหาให้ถึงที่สุด เกิดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้เปลี่ยนระบบเจ้าเมืองมาเป็นมณฑล จะมาตัดแค่ช่วงสั้นๆไม่ได้ เพราะปัญหามันเกิดมายาวนาน และที่เกิดความรุนแรงจริงๆ ตั้งแต่ปี 2500 ขึ้นมา
"ช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงระบอบประเทศมุสลิมในภูมิภาคได้เป็นเอกราช ทุกคนก็เรียกร้องว่า คนมุสลิมน่าได้ปกครองตนเอง และมีการเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ ขึ้นมา เมื่อกลุ่มหนึ่งทำไม่สำเร็จ ก็มีอีกกลุ่มขึ้นมา ในลักษณะการแสวงโชค ทำให้เกิดซับซ้อนหลายกลุ่มอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเรามาเรียบเรียงตั้งสติกันให้ดี และต่อไปถ้าการเมืองมันนิ่ง น่าจะเดินได้ดีพอสมควร แต่ที่ยังเดินไม่ได้ เพราะมีความพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง การทำด้วยหลักเหตุ และผล หรือแจกแจงเป็นระบบเจ้าหน้าที่จึงทำได้ยากลำบาก ซึ่งเรื่องการเมืองไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง แต่เมื่อการมาเรียงร้อยอะไรให้เป็นเหตุเป็นผล มันไปเข้าทางของเกมการเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยกล้าพูด ระดมความคิดกันอย่างเปิดเผย ซึ่งการเมืองไม่ใช่เป็นเหตุ แต่การเมืองเป็นปัจจัยที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าแสดงท่าที" เลขาฯสมช.กล่าว และว่า ที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อยู่นิ่ง มีการเดินเกม สร้างเกมใหม่ๆ อยู่เรื่อย ถึงเราจะจัดกระบวนถูก เขาก็แก้เกมเรา เราก็ต้องตามแก้เกมเขา
เมื่อถามว่า ในฐานะสมช.เป็นฝ่ายคุมนโยบาย จะมีการปรับนโยบาย และเสนอแนวทางที่เป็นทางออกที่ดีต่อประเทศอย่างไรบ้าง เลขาฯ สมช. กล่าวว่า เรื่องการเมืองภายใน ไม่ใช่หน้าที่ สมช.โดยตรง วันนี้ก็ได้หารือเรื่องนี้กับนายกฯ ด้วย และแน่นอนนายกฯ มีความเข้าใจที่ดี ท่านเป็นผู้ที่รับฟังทุกฝ่าย คิดด้วยเหตุด้วยผล และเข้าใจกฎเกณฑ์หลักการ คิดว่าต่อไปงานจะเดินไปด้วยความราบรื่น
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาเป็นรองนายกฯ ดูแลในเรื่องนี้ คิดว่าจะราบรื่นขึ้นหรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า เรื่องการเมือง ตนไม่ทราบ
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เลขาฯ สมช.มารายงานเรื่องแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป เพราะเดิมตนไม่ได้ใกล้ชิดงานด้านความมั่นคง แต่พอเป็นนายกฯ รับผิดชอบเรื่องนี้ เขาจึงมาอธิบายขยายความให้ฟังเพื่อหยิบไปใช้ โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งนายกฯ ถือเป็นประธานโดยตำแหน่งของ สมช.
อย่างไรก็ตาม การทำงานต้องทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องรอให้เข้าไปทำก่อน ต้องมีการปรึกษาหารือกัน เพราะงานเรื่องนี้เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน
ส่วนกรณีที่ประเทศอินโดนีเซียจะเป็นสื่อกลางในการจัดให้มีการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น พล.ท.สุรพล กล่าวว่า เราไม่มีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องนี้ แต่การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการดำเนินการลักษณะนี้มาเป็นหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งเรา เพราะไม่ได้เป็นคนที่ดำเนินการจัดให้มีการเจรจา อย่างไรก็ตาม การชวนกันไปพูดคุยกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากมีผลออกมาที่เป็นสาระ เป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องแจ้งเพื่อดำเนินการ เพื่อให้เข้าสู่ระบบ แต่นี่ยังไม่มีการแจ้งอะไร เป็นเพียงการไปเก็บข้อมูลธรรมดา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาครัฐ
พล.ท.สุรพล กล่าวด้วยว่า สมช.จะมีการประชุมคณะกรรมการ สมช.ชุดใหญ่ ขณะนี้เรากำลังเก็บข้อมูล ลงไปพูดจาพบปะประเมินจากเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุด และต่อไปก็จะมีการทบทวน เพราะเราก็ได้มีการทำงานมาหลายปีแล้ว ถ้าได้มีการตกผลึกร่วมกัน ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่า ใครทำอะไรบ้าง นำไปสู่เป้าหมายสันติสุขมากน้อยแค่ไหน อะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง ใครอยู่ตรงไหน จัดที่อยู่ให้ชัดเจน ความสับสนก็น่าจะลดน้อยลง
เมื่อถามว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา พอจะรู้แล้วหรือยังปัญหาเกิดจากอะไร พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ความจริงถ้าดูปัญหาให้ถึงที่สุด เกิดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้เปลี่ยนระบบเจ้าเมืองมาเป็นมณฑล จะมาตัดแค่ช่วงสั้นๆไม่ได้ เพราะปัญหามันเกิดมายาวนาน และที่เกิดความรุนแรงจริงๆ ตั้งแต่ปี 2500 ขึ้นมา
"ช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงระบอบประเทศมุสลิมในภูมิภาคได้เป็นเอกราช ทุกคนก็เรียกร้องว่า คนมุสลิมน่าได้ปกครองตนเอง และมีการเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ ขึ้นมา เมื่อกลุ่มหนึ่งทำไม่สำเร็จ ก็มีอีกกลุ่มขึ้นมา ในลักษณะการแสวงโชค ทำให้เกิดซับซ้อนหลายกลุ่มอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเรามาเรียบเรียงตั้งสติกันให้ดี และต่อไปถ้าการเมืองมันนิ่ง น่าจะเดินได้ดีพอสมควร แต่ที่ยังเดินไม่ได้ เพราะมีความพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง การทำด้วยหลักเหตุ และผล หรือแจกแจงเป็นระบบเจ้าหน้าที่จึงทำได้ยากลำบาก ซึ่งเรื่องการเมืองไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง แต่เมื่อการมาเรียงร้อยอะไรให้เป็นเหตุเป็นผล มันไปเข้าทางของเกมการเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยกล้าพูด ระดมความคิดกันอย่างเปิดเผย ซึ่งการเมืองไม่ใช่เป็นเหตุ แต่การเมืองเป็นปัจจัยที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าแสดงท่าที" เลขาฯสมช.กล่าว และว่า ที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อยู่นิ่ง มีการเดินเกม สร้างเกมใหม่ๆ อยู่เรื่อย ถึงเราจะจัดกระบวนถูก เขาก็แก้เกมเรา เราก็ต้องตามแก้เกมเขา
เมื่อถามว่า ในฐานะสมช.เป็นฝ่ายคุมนโยบาย จะมีการปรับนโยบาย และเสนอแนวทางที่เป็นทางออกที่ดีต่อประเทศอย่างไรบ้าง เลขาฯ สมช. กล่าวว่า เรื่องการเมืองภายใน ไม่ใช่หน้าที่ สมช.โดยตรง วันนี้ก็ได้หารือเรื่องนี้กับนายกฯ ด้วย และแน่นอนนายกฯ มีความเข้าใจที่ดี ท่านเป็นผู้ที่รับฟังทุกฝ่าย คิดด้วยเหตุด้วยผล และเข้าใจกฎเกณฑ์หลักการ คิดว่าต่อไปงานจะเดินไปด้วยความราบรื่น
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาเป็นรองนายกฯ ดูแลในเรื่องนี้ คิดว่าจะราบรื่นขึ้นหรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า เรื่องการเมือง ตนไม่ทราบ
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เลขาฯ สมช.มารายงานเรื่องแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป เพราะเดิมตนไม่ได้ใกล้ชิดงานด้านความมั่นคง แต่พอเป็นนายกฯ รับผิดชอบเรื่องนี้ เขาจึงมาอธิบายขยายความให้ฟังเพื่อหยิบไปใช้ โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งนายกฯ ถือเป็นประธานโดยตำแหน่งของ สมช.
อย่างไรก็ตาม การทำงานต้องทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องรอให้เข้าไปทำก่อน ต้องมีการปรึกษาหารือกัน เพราะงานเรื่องนี้เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน
