เลขาฯ สมช.ซัดการเมืองเป็นเหตุไฟใต้ไม่มอด ชี้เหตุยืดเยื้อมานานตั้งแต่ปี 2500 โบ้ยปัญหาพันธมิตรฯ ไม่ใช่หน้าที่ สมช.ชี้การเมืองต้องแก้กันเอง อ้างหน้าที่ ขรก.ทำตามหน้าที่ แต่เวทีการเมืองต้องชิงสร้างภาพ ขณะที่นายกฯเตรียมปรับแนวทางดับไฟใต้
วันนี้ (24 ก.ย.) นายสุรพล เผื่อนอัยการ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กล่าวภายหลังการเดินทางเข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีว่า มาสรุปงาน สมช.รวมถึงเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นการเร่งด่วน เพื่อทบทวนความเข้าใจให้ตรงกัน สิ่งเป็นที่ปัญหาเร่งด่วนอย่างที่ทราบ คือ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องมีการระดมความคิดกันในการปรับปรุงระบบงานให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่า สมช.ได้ติดตามกรณีที่ประเทศอินโดจีนเป็นสื่อกลางในการจัดให้มีการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสุรพล กล่าวว่า เราไม่มีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องนี้ แต่การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการดำเนินการลักษณะนี้มาเป็นหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งเรา เพราะไม่ได้เป็นคนที่ดำเนินการจัดให้มีการเจรจา ธรรมดาคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นคนไทย การรู้จักกับผู้ใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นธรรมดา การชวนกันไปพูดคุยกันก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากมีผลออกมาที่เป็นสาระ เป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องแจ้งเพื่อดำเนินการเพื่อให้เข้าสู่ระบบ แต่นี้ยังไม่มีการแจ้งอะไร เป็นเพียงการไปเก็บข้อมูลธรรมดา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาครัฐ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า คนที่จัดมีการหารือครั้งนี้เป็นถึงอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 นั้น เลขาฯ สมช.กล่าวว่า แน่นอนถ้าไม่เป็นถึงอดีตผู้บังคับบัญชาก็คงไม่เชิญไปคุยด้วย เรื่องการพูดคุยไม่ใช่ของเสียหาย เพียงแต่ไม่มีข้อผูกพันอะไร และไม่ได้เป็นไปตามทิศทางที่เราได้วางแผนไว้ให้ไปเจรจา เดินเกมอะไรไม่มี เมื่อถามต่อว่า อย่างนี้จะมีผลในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาหรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า จะมีผลต่อเมื่อมีข้อมูลที่มีน้ำหนัก ที่ทำให้เราต้องปรับนโยบายต่างๆ ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่มีอะไร ยังไม่มีการติดต่อมา
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวตรงนี้ สมช.ได้วิเคราะห์อะไรหรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า สมช.จะมีการประชุมคณะกรรมการ สมช.ชุดใหญ่ ขณะนี้เรากำลังเก็บข้อมูล ลงไปพูดจาพบปะประเมินจากเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุด และต่อไปก็จะมีการทบทวน เพราะเราก็ได้มีการทำงานมาหลายปีแล้ว เมื่อถามต่อว่า คิดว่าจะใช้โอกาสนี้นำไปสู่แนวทางในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า คิดว่าถ้าได้มีการตกผลึกร่วมกันก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่า ใครทำอะไรบ้างนำไปสู่เป้าหมายสันติสุขมากน้อยแค่ไหน อะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง ใครอยู่ตรงไหน จัดที่อยู่ให้ชัดเจน ความสับสนก็น่าจะลดน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งข้อมูลของ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เสนอจะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างหรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า ที่เสนอเป็นเรื่องเป็นราวยังไม่มี เท่าที่ติดตามจากการอ่านข่าว ความจริงเรื่องภาคใต้ยังไม่ได้รวบรวมให้เป็นระบบกันอย่างกระจ่างชัดเสียที ที่พูดไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำงาน ทุกท่านทำงานแต่อาจจะมองเฉพาะเหตุการณ์ขณะนั้น และรวบรวมข้อมูลในขณะนั้น เราจึงจะปรับข้อมูลตั้งแต่ 2500 มาให้มีความต่อเนื่อง และมากำหนดกันใหม่ ที่ทำๆ กันอยู่ควรจะมาปรับลำดับอะไรก่อนอะไรหลัง มันน่าจะดีขึ้น
เมื่อถามว่า 4-5 ปีที่มาพอจะรู้แล้วหรือยังปัญหาเกิดจากอะไร นายสุรพล กล่าวว่า ความจริงถ้าดูปัญหาให้ถึงที่สุดเกิดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้เปลี่ยนระบบเจ้าเมืองมาเป็นมณฑล จะมาตัดแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ได้ เพราะปัญหามันเกิดมายาวนาน และที่เกิดความรุนแรงจริงๆ ตั้งแต่ปี 2500 ขึ้นมา
“เพราะช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงระบอบประเทศมุสลิมในภูมิภาคได้เป็นเอกราช ทุกคนก็เรียกร้องว่า คนมุสลิมน่าได้ปกครองตนเอง และมีการเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ ขึ้นมา เมื่อกลุ่มหนึ่งทำไม่สำเร็จก็มีอีกกลุ่มขึ้นมา ในลักษณะการแสวงโชค ทำให้เกิดซับซ้อนหลายกลุ่มอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเรามาเรียบเรียงตั้งสติกันให้ดี และต่อไปถ้าการเมืองมันนิ่งมาว่าเดินได้ดีพอสมควร แต่ที่ยังเดินไม่ได้เพราะมีความพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง การทำด้วยหลักเหตุและผล หรือแจกแจงเป็นระบบเจ้าหน้าที่จึงทำได้ยากลำบาก ซึ่งเรื่องการเมืองไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง แต่เมื่อการมาเรียงร้อยอะไรให้เป็นเหตุเป็นผล มันไปเข้าทางของเกมการเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยกล้าพูด ระดมความคิดกันอย่างเปิดเผย ซึ่งการเมืองไม่ใช่เป็นเหตุ แต่การเมืองเป็นปัจจัยที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าแสดงท่าที” เลขาฯ สมช.กล่าว
เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้มีคนที่เสียชีวิตมากขึ้น นายสุรพล กล่าวว่า แน่นอนปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2500 ถึงให้เรียงระบบความคิดให้ถูกต้องปัญหาก็ไม่ได้หมดไปในทันที ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อยู่เรื่อย เขาก็มีการเดินสร้างเกมใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ถึงเราจะจัดกระบวนถูก เขาก็แก้เกมเรา เราก็แก้เกมเขา
เมื่อถามว่า ในฐานะ สมช.เป็นฝ่ายคุมนโยบาย จากสถานการณ์ และเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะปรับนโยบายและเสนอแนวทางที่เป็นทางออกที่ดีของประเทศอย่างไรบ้าง เลขาฯสมช. กล่าวว่า เรื่องการเมืองภายในไม่ใช่หน้าที่ สมช.โดยตรง วันนี้ก็ได้หารือเรื่องนี้กับนายกฯด้วย และแน่นอนนายกฯ มีความเข้าใจที่ดี ท่านเป็นผู้ที่รับฟังทุกฝ่าย คิดด้วยเหตุด้วยผล และเข้าใจกฎเกณฑ์หลักการ คิดว่าต่อไปงานจะเดินไปด้วยความราบรื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องพันธมิตรฯ ได้มีการพูดคุยหรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ไม่พูด ท่านรู้ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ถ้าไปเอาข้าราชการมาแก้ไขปัญหาการเมือง เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า ข้าราชการเป็นคนของพรรคนี้พรรคนั้น เราไม่ทำ เมื่อถามว่า สมช.เป็นฝ่ายคุมนโยบายทำไมไม่หาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีให้กับรัฐบาล นายสุรพล กล่าวว่า ก็มี ตนชอบใช้ภาษาทหาร เพราะมีเพื่อนชอบถามเรื่อยว่า เรื่องการเมืองจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทำไมไม่แก้ ซึ่งตนก็บอกว่า มันเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง เป็นธรรมชาติ ในการที่จะต่อสู้กัน เพื่อชิงความได้เปรียบ สร้างภาพลักษณ์ความชอบ ตนก็ได้สรุปให้เขาฟังว่า ข้าราชการทำงานด้วยเหตุด้วยผล แต่เวทีทางการเมืองเป็นเรื่องของการสร้างภาพ มากกว่าเรื่องของความเป็นจริง และถ้าเราไปบังคับเขาก็หาว่าเป็นเผด็จการ ข้าราชการเป็นฝ่ายพรรคโน้นพรรคนี้ เราไม่ทำในจุดนั้น
เมื่อถามว่า สมช.ยังไม่มีที่อยู่ยังไม่มีเลย จะทำงานยังไง นายสุรพล กล่าวว่า ใช่ครับ ความมั่นคงในที่ตั้งไม่มี แต่ว่าเราทำงานด้วยความคิด เราไม่ใช่หน่วยปฏิบัติ คนก็มีอยู่นิดเดียว เรารวมกลุ่มกันอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ไม่เหมือนหน่วยกำลัง ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีปืน เมื่อถามว่า สมช.ไม่คิดหาทางออกให้รัฐบาลบ้างหรือ ถ้ามองว่าการเมืองแก้ด้วยการเมืองมันก็ไม่สำเร็จ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ขอให้ไปถามคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ ตรงนั้นเป็นที่ระดมความคิดทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องของเอกสารที่หลายคนคิดว่าไม่มีเอกสารจะทำงานไม่ได้ สมช.ไม่เป็นหน่วยลึกลับ เป็นหน่วยประสานนโยบาย ไม่มีความลับ นโยบายเป็นเรื่องที่ต้องรอจังหวะว่า ตอนไหนจะขับเคลื่อนก็มีแค่นั้นเอง และการแก้ไขปัญหาในระยะยาวการเมืองต้องนำแน่นอน
“ถ้าเขารู้สึกว่าเขาพึงพอใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ในประเทศไทย มากกว่าอยู่ที่อื่น ถ้าเราพิสูจน์ตรงนี้ได้ ในที่สุดเขาอยู่กับเราแน่นอน มันต้องใช้เวลา”
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาช่วยในรัฐบาลดูแลในเรื่องของความมั่นคง แก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดบชายแดนภาคใต้ คิดว่าจะราบรื่นขึ้นหรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า เรื่องการเมือง ตนไม่ทราบ
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เข้าพบว่า ไม่ได้ห่วงอะไร เลขาฯ สมช.มารายงานเรื่องแผนงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติที่จะดำเนินการต่อไป เพราะเดิม ตนเองไม่ได้ใกล้ชิดงานด้านความมั่นคง ไม่ได้รับผิดชอบ แต่พอเป็นนายกฯรับผิดชอบเรื่องนี้ จึงมาอธิบายขยายความให้ฟัง เพื่อหยิบไปใช้ โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ตนให้ความสนใจ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับปรุง เป็นเรื่องที่เราต้องทำ ต้องแก้ และนายกฯ ถือเป็นประธานโดยตำแหน่งของสมช. อย่างไรก็ตามการทำงานต้องทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ต้องรอให้เข้าไปทำก่อน ต้องมีการปรึกษาหารือกัน เพราะงานเรื่องนี้เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน
วันนี้ (24 ก.ย.) นายสุรพล เผื่อนอัยการ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กล่าวภายหลังการเดินทางเข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีว่า มาสรุปงาน สมช.รวมถึงเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นการเร่งด่วน เพื่อทบทวนความเข้าใจให้ตรงกัน สิ่งเป็นที่ปัญหาเร่งด่วนอย่างที่ทราบ คือ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องมีการระดมความคิดกันในการปรับปรุงระบบงานให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่า สมช.ได้ติดตามกรณีที่ประเทศอินโดจีนเป็นสื่อกลางในการจัดให้มีการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสุรพล กล่าวว่า เราไม่มีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องนี้ แต่การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการดำเนินการลักษณะนี้มาเป็นหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งเรา เพราะไม่ได้เป็นคนที่ดำเนินการจัดให้มีการเจรจา ธรรมดาคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นคนไทย การรู้จักกับผู้ใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นธรรมดา การชวนกันไปพูดคุยกันก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากมีผลออกมาที่เป็นสาระ เป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องแจ้งเพื่อดำเนินการเพื่อให้เข้าสู่ระบบ แต่นี้ยังไม่มีการแจ้งอะไร เป็นเพียงการไปเก็บข้อมูลธรรมดา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาครัฐ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า คนที่จัดมีการหารือครั้งนี้เป็นถึงอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 นั้น เลขาฯ สมช.กล่าวว่า แน่นอนถ้าไม่เป็นถึงอดีตผู้บังคับบัญชาก็คงไม่เชิญไปคุยด้วย เรื่องการพูดคุยไม่ใช่ของเสียหาย เพียงแต่ไม่มีข้อผูกพันอะไร และไม่ได้เป็นไปตามทิศทางที่เราได้วางแผนไว้ให้ไปเจรจา เดินเกมอะไรไม่มี เมื่อถามต่อว่า อย่างนี้จะมีผลในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาหรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า จะมีผลต่อเมื่อมีข้อมูลที่มีน้ำหนัก ที่ทำให้เราต้องปรับนโยบายต่างๆ ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่มีอะไร ยังไม่มีการติดต่อมา
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวตรงนี้ สมช.ได้วิเคราะห์อะไรหรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า สมช.จะมีการประชุมคณะกรรมการ สมช.ชุดใหญ่ ขณะนี้เรากำลังเก็บข้อมูล ลงไปพูดจาพบปะประเมินจากเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุด และต่อไปก็จะมีการทบทวน เพราะเราก็ได้มีการทำงานมาหลายปีแล้ว เมื่อถามต่อว่า คิดว่าจะใช้โอกาสนี้นำไปสู่แนวทางในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า คิดว่าถ้าได้มีการตกผลึกร่วมกันก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่า ใครทำอะไรบ้างนำไปสู่เป้าหมายสันติสุขมากน้อยแค่ไหน อะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง ใครอยู่ตรงไหน จัดที่อยู่ให้ชัดเจน ความสับสนก็น่าจะลดน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งข้อมูลของ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เสนอจะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างหรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า ที่เสนอเป็นเรื่องเป็นราวยังไม่มี เท่าที่ติดตามจากการอ่านข่าว ความจริงเรื่องภาคใต้ยังไม่ได้รวบรวมให้เป็นระบบกันอย่างกระจ่างชัดเสียที ที่พูดไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำงาน ทุกท่านทำงานแต่อาจจะมองเฉพาะเหตุการณ์ขณะนั้น และรวบรวมข้อมูลในขณะนั้น เราจึงจะปรับข้อมูลตั้งแต่ 2500 มาให้มีความต่อเนื่อง และมากำหนดกันใหม่ ที่ทำๆ กันอยู่ควรจะมาปรับลำดับอะไรก่อนอะไรหลัง มันน่าจะดีขึ้น
เมื่อถามว่า 4-5 ปีที่มาพอจะรู้แล้วหรือยังปัญหาเกิดจากอะไร นายสุรพล กล่าวว่า ความจริงถ้าดูปัญหาให้ถึงที่สุดเกิดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้เปลี่ยนระบบเจ้าเมืองมาเป็นมณฑล จะมาตัดแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ได้ เพราะปัญหามันเกิดมายาวนาน และที่เกิดความรุนแรงจริงๆ ตั้งแต่ปี 2500 ขึ้นมา
“เพราะช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงระบอบประเทศมุสลิมในภูมิภาคได้เป็นเอกราช ทุกคนก็เรียกร้องว่า คนมุสลิมน่าได้ปกครองตนเอง และมีการเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ ขึ้นมา เมื่อกลุ่มหนึ่งทำไม่สำเร็จก็มีอีกกลุ่มขึ้นมา ในลักษณะการแสวงโชค ทำให้เกิดซับซ้อนหลายกลุ่มอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเรามาเรียบเรียงตั้งสติกันให้ดี และต่อไปถ้าการเมืองมันนิ่งมาว่าเดินได้ดีพอสมควร แต่ที่ยังเดินไม่ได้เพราะมีความพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง การทำด้วยหลักเหตุและผล หรือแจกแจงเป็นระบบเจ้าหน้าที่จึงทำได้ยากลำบาก ซึ่งเรื่องการเมืองไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง แต่เมื่อการมาเรียงร้อยอะไรให้เป็นเหตุเป็นผล มันไปเข้าทางของเกมการเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยกล้าพูด ระดมความคิดกันอย่างเปิดเผย ซึ่งการเมืองไม่ใช่เป็นเหตุ แต่การเมืองเป็นปัจจัยที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าแสดงท่าที” เลขาฯ สมช.กล่าว
เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้มีคนที่เสียชีวิตมากขึ้น นายสุรพล กล่าวว่า แน่นอนปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2500 ถึงให้เรียงระบบความคิดให้ถูกต้องปัญหาก็ไม่ได้หมดไปในทันที ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อยู่เรื่อย เขาก็มีการเดินสร้างเกมใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ถึงเราจะจัดกระบวนถูก เขาก็แก้เกมเรา เราก็แก้เกมเขา
เมื่อถามว่า ในฐานะ สมช.เป็นฝ่ายคุมนโยบาย จากสถานการณ์ และเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะปรับนโยบายและเสนอแนวทางที่เป็นทางออกที่ดีของประเทศอย่างไรบ้าง เลขาฯสมช. กล่าวว่า เรื่องการเมืองภายในไม่ใช่หน้าที่ สมช.โดยตรง วันนี้ก็ได้หารือเรื่องนี้กับนายกฯด้วย และแน่นอนนายกฯ มีความเข้าใจที่ดี ท่านเป็นผู้ที่รับฟังทุกฝ่าย คิดด้วยเหตุด้วยผล และเข้าใจกฎเกณฑ์หลักการ คิดว่าต่อไปงานจะเดินไปด้วยความราบรื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องพันธมิตรฯ ได้มีการพูดคุยหรือไม่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ไม่พูด ท่านรู้ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ถ้าไปเอาข้าราชการมาแก้ไขปัญหาการเมือง เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า ข้าราชการเป็นคนของพรรคนี้พรรคนั้น เราไม่ทำ เมื่อถามว่า สมช.เป็นฝ่ายคุมนโยบายทำไมไม่หาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีให้กับรัฐบาล นายสุรพล กล่าวว่า ก็มี ตนชอบใช้ภาษาทหาร เพราะมีเพื่อนชอบถามเรื่อยว่า เรื่องการเมืองจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทำไมไม่แก้ ซึ่งตนก็บอกว่า มันเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง เป็นธรรมชาติ ในการที่จะต่อสู้กัน เพื่อชิงความได้เปรียบ สร้างภาพลักษณ์ความชอบ ตนก็ได้สรุปให้เขาฟังว่า ข้าราชการทำงานด้วยเหตุด้วยผล แต่เวทีทางการเมืองเป็นเรื่องของการสร้างภาพ มากกว่าเรื่องของความเป็นจริง และถ้าเราไปบังคับเขาก็หาว่าเป็นเผด็จการ ข้าราชการเป็นฝ่ายพรรคโน้นพรรคนี้ เราไม่ทำในจุดนั้น
เมื่อถามว่า สมช.ยังไม่มีที่อยู่ยังไม่มีเลย จะทำงานยังไง นายสุรพล กล่าวว่า ใช่ครับ ความมั่นคงในที่ตั้งไม่มี แต่ว่าเราทำงานด้วยความคิด เราไม่ใช่หน่วยปฏิบัติ คนก็มีอยู่นิดเดียว เรารวมกลุ่มกันอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ไม่เหมือนหน่วยกำลัง ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีปืน เมื่อถามว่า สมช.ไม่คิดหาทางออกให้รัฐบาลบ้างหรือ ถ้ามองว่าการเมืองแก้ด้วยการเมืองมันก็ไม่สำเร็จ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ขอให้ไปถามคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ ตรงนั้นเป็นที่ระดมความคิดทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องของเอกสารที่หลายคนคิดว่าไม่มีเอกสารจะทำงานไม่ได้ สมช.ไม่เป็นหน่วยลึกลับ เป็นหน่วยประสานนโยบาย ไม่มีความลับ นโยบายเป็นเรื่องที่ต้องรอจังหวะว่า ตอนไหนจะขับเคลื่อนก็มีแค่นั้นเอง และการแก้ไขปัญหาในระยะยาวการเมืองต้องนำแน่นอน
“ถ้าเขารู้สึกว่าเขาพึงพอใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ในประเทศไทย มากกว่าอยู่ที่อื่น ถ้าเราพิสูจน์ตรงนี้ได้ ในที่สุดเขาอยู่กับเราแน่นอน มันต้องใช้เวลา”
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาช่วยในรัฐบาลดูแลในเรื่องของความมั่นคง แก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดบชายแดนภาคใต้ คิดว่าจะราบรื่นขึ้นหรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า เรื่องการเมือง ตนไม่ทราบ
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เข้าพบว่า ไม่ได้ห่วงอะไร เลขาฯ สมช.มารายงานเรื่องแผนงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติที่จะดำเนินการต่อไป เพราะเดิม ตนเองไม่ได้ใกล้ชิดงานด้านความมั่นคง ไม่ได้รับผิดชอบ แต่พอเป็นนายกฯรับผิดชอบเรื่องนี้ จึงมาอธิบายขยายความให้ฟัง เพื่อหยิบไปใช้ โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ตนให้ความสนใจ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับปรุง เป็นเรื่องที่เราต้องทำ ต้องแก้ และนายกฯ ถือเป็นประธานโดยตำแหน่งของสมช. อย่างไรก็ตามการทำงานต้องทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ต้องรอให้เข้าไปทำก่อน ต้องมีการปรึกษาหารือกัน เพราะงานเรื่องนี้เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน