อีลิทการ์ดดิ้นทุกทาง ปั้นยอดเข้าเป้า 400 ใบปีนี้ ล่าสุดบอร์ดอนุมัติแผนงานขายบัตรสมาชิกเจาะกลุ่ม คอร์ปอเรท ต่างชาติ ที่มาตั้งบริษัทในประเทศไทย ชูโปรโมชันจูงใจสุดฤทธิ์เพียง ใบละ 2 ล้านบาท พร้อมรีดไขมันองค์กร จัดโครงการ "จำใจจาก"
นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร และรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตร ไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติแผนงานขยายการจำหน่ายบัตรอีลิทให้แก่กลุ่มคอร์ปอเรท ที่เป็นบริษัทต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ บริษัทข้ามชาติ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และที่ไม่ได้อยู่ ซึ่งเท่าที่สำรวจมาได้มีประมาณ 400 บริษัท โดยบริษัทจะนำมติที่ประชุมครั้งนี้ นำเสนอต่อบอร์ดททท.ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ ทีพีซี 100% ให้พิจารณาเห็นชอบด้วยในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ก่อนเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โครงการขายบัตรสมาชิกสู่กลุ่มคอร์ปอเรทนี้จะช่วยผลักดันให้ยอดขายปีนี้ที่ตั้งไว้ 400 ใบ เป็นไปตามเป้า หรือ ถ้าพลาดเป้าหมายก็เพียงเล็กน้อย ซึ่งทีพีซีตั้งไว้ว่าบัตรคอร์ปอเรทกับบัตรส่วนบุคคล จพมียอดขายอย่างละ 50% เท่ากัน แต่ในส่วนของบัตรแบบบุคคลอาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก และความไม่มั่นใจกับเหตุการณ์เมืองไทยได้
อย่างไรก็ตามราคาบัตรแบบคอร์ปอเรทจะขายใบละ 3 ล้านบาท ไม่รวม VAT โดยระบุผู้ใช้ได้ 2 คน อายุบัตร 30 ปี นับจากวันลงทะเบียน แต่ช่วงโปรโมชัน 6 เดือนแรกจะขายในราคา 2 ล้านบาท ไม่รวม VAT จึงมั่นใจว่าจะกระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้ายได้แน่นอน ซึ่งจะต่างจากบัตรแบบบุคคล ที่ มีราคา 1.5 ล้านบาท มีอายุตลอดชีพ แต่ถ้าโอนเปลี่ยนชื่อก็จะเหลืออายุบัตร 30 ปี ส่วนสิทธิประโยชน์กอล์ฟและ สปา ที่ใช้ได้ปีละ 24 ครั้ง จะได้เหมือนกัน
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงการปรับโครงสร้างองค์กรอีกว่า เตรียมเปิดโครงการ"จำใจจาก" ปรับลดตำแหน่งผู้บริหารในระดับสูง เพราะมีจำนวนมากเกินความจำเป็น โดยจะให้สวัสดิการ มากกว่า ก.ม.กำหนด 1 เท่าตัว เพื่อจูงใจ ทั้งนี้ปัจจุบัน ทีพีซีมีพนักงาน 124 คน จะลดเหลือ 111 คน
นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร และรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตร ไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติแผนงานขยายการจำหน่ายบัตรอีลิทให้แก่กลุ่มคอร์ปอเรท ที่เป็นบริษัทต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ บริษัทข้ามชาติ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และที่ไม่ได้อยู่ ซึ่งเท่าที่สำรวจมาได้มีประมาณ 400 บริษัท โดยบริษัทจะนำมติที่ประชุมครั้งนี้ นำเสนอต่อบอร์ดททท.ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ ทีพีซี 100% ให้พิจารณาเห็นชอบด้วยในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ก่อนเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โครงการขายบัตรสมาชิกสู่กลุ่มคอร์ปอเรทนี้จะช่วยผลักดันให้ยอดขายปีนี้ที่ตั้งไว้ 400 ใบ เป็นไปตามเป้า หรือ ถ้าพลาดเป้าหมายก็เพียงเล็กน้อย ซึ่งทีพีซีตั้งไว้ว่าบัตรคอร์ปอเรทกับบัตรส่วนบุคคล จพมียอดขายอย่างละ 50% เท่ากัน แต่ในส่วนของบัตรแบบบุคคลอาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก และความไม่มั่นใจกับเหตุการณ์เมืองไทยได้
อย่างไรก็ตามราคาบัตรแบบคอร์ปอเรทจะขายใบละ 3 ล้านบาท ไม่รวม VAT โดยระบุผู้ใช้ได้ 2 คน อายุบัตร 30 ปี นับจากวันลงทะเบียน แต่ช่วงโปรโมชัน 6 เดือนแรกจะขายในราคา 2 ล้านบาท ไม่รวม VAT จึงมั่นใจว่าจะกระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้ายได้แน่นอน ซึ่งจะต่างจากบัตรแบบบุคคล ที่ มีราคา 1.5 ล้านบาท มีอายุตลอดชีพ แต่ถ้าโอนเปลี่ยนชื่อก็จะเหลืออายุบัตร 30 ปี ส่วนสิทธิประโยชน์กอล์ฟและ สปา ที่ใช้ได้ปีละ 24 ครั้ง จะได้เหมือนกัน
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงการปรับโครงสร้างองค์กรอีกว่า เตรียมเปิดโครงการ"จำใจจาก" ปรับลดตำแหน่งผู้บริหารในระดับสูง เพราะมีจำนวนมากเกินความจำเป็น โดยจะให้สวัสดิการ มากกว่า ก.ม.กำหนด 1 เท่าตัว เพื่อจูงใจ ทั้งนี้ปัจจุบัน ทีพีซีมีพนักงาน 124 คน จะลดเหลือ 111 คน
