xs
xsm
sm
md
lg

“ระพี” ไขก๊อก ยอดขายไม่คืบ-โบกมือลาอีลิท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ระพี” ไขก๊อกยืนหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการใหญ่อีลิทการ์ดมีผล 1 ต.ค.นี้ เหตุยอดขายบัตรสมาชิกไม่กระเตื้องสร้างแรงกดดัน ด้านประธานบอร์ดอีลิท ยอมรับ องค์กรต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดมากู้วิกฤตด่วน แต่ยังกั๊กตั้งระพีนั่งที่ปรึกษาด้านการเงิน พร้อมตั้ง “สุรพงษ์” ผงาดนั่งรักษาการ

นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ดจำกัด(ทีพีซี) ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบและมีมติอนุมัติหนังสือขอลาออก ของนายระพี ม่วงนนท์ ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ตามที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือลาออก พร้อมกันนี้ ยังระบุด้วยว่า จะทำงานถึงวันที่ 31 สิงหาคมศกนี้ และในเดือนกันยายน จะขอใช้สิทธิ์ลาพักร้อนและลากิจ

“เป็นการลาออกก่อนที่จะมีการประเมินผลการทำงาน ดังนั้น คณะกรรมการประเมินผลงานก็ต้องถูกยุบไป เพราะ ไม่ต้องมีการประเมิน แต่ไม่ใช่ว่านายระพีจะหนีการประเมิน เพราะ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ได้กำหนด ไว้ในสัญญาว่าจ้างแล้ว เช่น การบริหารงานภายในองค์กร ยอดขาย และการปรับโครงสร้าง“

สำหรับการลาออกครั้งนี้นายระพีให้เหตุผลว่าขณะนี้ ทีพีซี ต้องการเน้นงานด้านการตลาดเป็นหลัก จึงไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ เพราะ ตนเองจะถนัดงานด้านการเงินมากกว่า จึงไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งนี้ต่อไป และ พร้อมจะเปิดโอกาสให้ ทีพีซี ได้สรรหาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เข้ามาดำเนินการแทน

“ยอมรับว่าที่ผ่านมาทีพีซีมีความต้องการบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน เข้ามาจัดระบบ ซึ่ง นายระพีก็ทำงานได้ดีมาตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไป องค์กรต้องการเน้นเรื่องการตลาด เพราะ ต้องช่วยงานด้านส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ไปพร้อมกับการจำหน่ายบัตรสมาชิก จึงมีการทวงถามเรื่องแผนงานการจำหน่ายบัตร และ ยอดขายบัตรมาตลอด แต่ทั้งนี้ ที่ประชุมก็เห็นตรงกันว่า หลังการลาออกมีผลแล้ว จะพิจารณาแต่งตั้งให้นายระพีเข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้บริษัทอีก”

นายสรจักร กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้แต่งตั้งให้นาย สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการบริหาร รักษาการตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ และจะเร่งสรรหาผู้สนใจเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ ทีพีซีโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนนับจากวันที่นายระพีสิ้นสุดการทำงาน

อย่างไรก็ตามบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งนี้ ต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้เชี่ยวชาญงานด้านการตลาดเป็นที่โดดเด่น และ มองว่าการลาออกของนายระพี จะไม่กระทบกับการทำงาน โดยขณะนี้ ยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายบัตรสมาชิกปีนี้ที่ 400 ใบ ปัจจุบัน บริษัท มียอดขายสมาชิกในปีนี้ยังไม่ถึง 40 ใบ และมียอดรวมทั้งหมด ที่ราว 2,600 ใบ

ซึ่งยอมรับว่า การปรับขึ้นค่าบัตรจากใบละ 1 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท และการลดสิทธิประโยชน์ มีผลให้ผู้สนใจ ชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ก็เป็นหน้าที่ขององค์กรที่จะต้องเร่งสร้างความเข้าใจ และ กระตุ้นยอดขายต่อไป

ทั้งนี้นายระพี ได้ทำงานให้กับอีลิทการ์ด มาเป็นเวลาร่วม 2 ปี โดยเริ่มจากเป็นกรรมการในบอร์ดอีลิท จากนั้น หลังการปฏิวัติเมื่อเดือนกันยายน 2549 ได้เข้ามารับตำแหน่งรักษาการผู้จัดการใหญ่ ก่อนที่จะสมัครเข้ารับเลือกเป็น ผู้จัดการใหญ่ในเวลาต่อมา โดยได้ชัยชนะ พร้อมเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2551
กำลังโหลดความคิดเห็น