ผู้จัดการรายวัน – “สุรพงษ์” รุกคืบ ปลดล็อกกฏการแลกเงินของ ทีพีซี อ้างความผันผวนค่าเงินเป็นเหตุให้องค์กรต้องสูญเสียรายได้ เหตุในอดีต ต้องขอมติบอร์ดก่อนดำเนินการจึงล่าช้า ระบุเงินฝากของทีพีซี ส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ จากที่ลูกค้าซื้อสมาชิก
แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมการบริหาร(บอร์ดเล็ก) ซึ่งมีนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย เป็นประธาน เห็นชอบเบื้องต้นในการขอยกเลิก ระเบียบข้อบังคับ ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยให้ดำเนินการได้ทันที หากเห็นสมควร ไม่ต้องรอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร(บอร์ดใหญ่) อย่างที่ผ่านมา ซึ่งจะนำเสนอให้บอร์ดใหญ่พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งในสิ้นเดือนนี้ ก่อนมาปฎิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าว เป็นเพราะ ปัจจุบัน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีสูงมาก ซึ่ง เงินของ ทีพีซี ที่ได้รับโอนมาจากลูกค้าที่ซื้อบัตรสมาชิก ส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ เช่น ดอลล่าร์ เยน และ วอนน์ เป็นต้น และยังฝากไว้กับธนาคารซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยก็ลดลง ทั้งหมด ทำให้ บริษัท สูญเสียรายได้ทั้งจากอัตราแลกเปลี่ยน และ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้น หาก สามารถปลดล็อกระเบียบในข้อนี้ได้ ก็รอจังหวะ ที่ค่าเงินประเทศใดแข็งขึ้น สามารถแลกเป็นเงินไทยได้จำนวนมาก ก็ดำเนินการทันที
ที่ผ่านมา ทีพีซี สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ จากความผันผวนของค่าเงินเป็นจำนวนมาก เพราะ เราขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการดำเนินงานแต่ละครั้งต้องขออนุมัติจากบอร์ด ทำให้ไม่ทันกับเหตุการณ์ โดยขณะนี้เงินที่ฝากไว้ในธนาคารมีหลายสกุล เช่น ดอลล่าร์ มีประมาณ 10 ล้านเหรียญ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า มีความเป็นไปได้ ที่ การปลดล็อกระเบียบในครั้งนี้ เป็นการเตรียมการณ์ เพื่อให้ ทีพีซี มีสภาพคล่องของเงินสดที่สูงขึ้น ก่อนจะพิจารณานำเงินบางส่วนออกไปลงทุนในตราสารหนี้ และ ตลาดทุน เป็นลำดับต่อไป เพราะ ก่อนหน้านี้ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร และ รักษาการผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี เคยกล่าวไว้ว่า จะ นำเงินประมาณ 350 ล้านบาท ออกมาลงทุนผ่านกองทุนรวม และ ตราสารหนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางการหารายได้
แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมการบริหาร(บอร์ดเล็ก) ซึ่งมีนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย เป็นประธาน เห็นชอบเบื้องต้นในการขอยกเลิก ระเบียบข้อบังคับ ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยให้ดำเนินการได้ทันที หากเห็นสมควร ไม่ต้องรอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร(บอร์ดใหญ่) อย่างที่ผ่านมา ซึ่งจะนำเสนอให้บอร์ดใหญ่พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งในสิ้นเดือนนี้ ก่อนมาปฎิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าว เป็นเพราะ ปัจจุบัน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีสูงมาก ซึ่ง เงินของ ทีพีซี ที่ได้รับโอนมาจากลูกค้าที่ซื้อบัตรสมาชิก ส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ เช่น ดอลล่าร์ เยน และ วอนน์ เป็นต้น และยังฝากไว้กับธนาคารซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยก็ลดลง ทั้งหมด ทำให้ บริษัท สูญเสียรายได้ทั้งจากอัตราแลกเปลี่ยน และ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้น หาก สามารถปลดล็อกระเบียบในข้อนี้ได้ ก็รอจังหวะ ที่ค่าเงินประเทศใดแข็งขึ้น สามารถแลกเป็นเงินไทยได้จำนวนมาก ก็ดำเนินการทันที
ที่ผ่านมา ทีพีซี สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ จากความผันผวนของค่าเงินเป็นจำนวนมาก เพราะ เราขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการดำเนินงานแต่ละครั้งต้องขออนุมัติจากบอร์ด ทำให้ไม่ทันกับเหตุการณ์ โดยขณะนี้เงินที่ฝากไว้ในธนาคารมีหลายสกุล เช่น ดอลล่าร์ มีประมาณ 10 ล้านเหรียญ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า มีความเป็นไปได้ ที่ การปลดล็อกระเบียบในครั้งนี้ เป็นการเตรียมการณ์ เพื่อให้ ทีพีซี มีสภาพคล่องของเงินสดที่สูงขึ้น ก่อนจะพิจารณานำเงินบางส่วนออกไปลงทุนในตราสารหนี้ และ ตลาดทุน เป็นลำดับต่อไป เพราะ ก่อนหน้านี้ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร และ รักษาการผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี เคยกล่าวไว้ว่า จะ นำเงินประมาณ 350 ล้านบาท ออกมาลงทุนผ่านกองทุนรวม และ ตราสารหนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางการหารายได้