บลจ.ทหารไทยออกกองทุนตราสารหนี้เอฟไอเอฟ "ทหารไทย พรีเมียร์ 3M10" จับนักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยง อายุโครงการ 3 เดือน คาดการณ์ผลตอบแทน 3.65% เสนอขาย 15-21 ส.ค.นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 15-21 สิงหาคม 2551 บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย พรีเมียร์ 3M10 โดยกองทุนเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ที่มีอายุโครงการ 5,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 3 เดือน
ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) โดยมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้บริษัทจัดการจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออก หรือค้ำประกัน โดยสถาบันการเงิน และบริษัทชั้นดีที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง
ขณะเดียวกันส่วนที่เหลือกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ในประเทศที่มีอายุสัญญา อายุของตราสาร หรือระยะเวลาการฝากเงินไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินการ รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจทำสัญญาสวอปหรือสัญญาฟอร์เวิดร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging)จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk)
นอกจากนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทจัดการจะจัดให้มีการดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติของกองทุนเปิดทหารไทย พรีเมียร์ 3M10 ทั้งจำนวนของผูถือหน่วยลงทุนทุกราย ไปยังกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี ในวันทำการก่อนสิ้นสุดอายุโครงการ ซึ่งบริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในอัตราไม่ต่ำกว่า 3.65% ต่อปีของจำนวนเงินทุนเริ่มแรก
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินของยุโรป (ECP) นั้นจะมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายและมีทางเลือกการลงทุนในหลายประเทศอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันการลงทุนแต่ในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีนัก
ก่อนหน้านี้นางมิตราภรณ์ วีรวรรณ ผู้จัดการกองทุน บลจ. ทหารไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีมากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่เน้นลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเช่นกัน เช่น พันธบัตรภาครัฐบาลเกาหลีใต้ เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงและมีอันดับความน่าเชื่อถือดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และธนาคารพาณิชย์
“นักลงทุนมีความต้องการที่จะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในลักษณะถือสั้นมากขึ้น ทั้งตราสารหนี้ในประเทศและต่างประเทศ เพราะยังกังวลเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งหากถือพันธบัตรระยะยาวมากจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้ลดลง” นางมิตราภรณ์กล่าว
ทั้งนี้ตราสารประเภท ECP เริ่มกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งเนื่องจากผลตอบแทนในรูปเงินบาทยังอยู่สูงกว่าเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และตราสารหนี้ในประเทศ โดยเฉพาะ ECP อายุ 3 เดือนให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5-3.9%ต่อปี
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 15-21 สิงหาคม 2551 บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย พรีเมียร์ 3M10 โดยกองทุนเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ที่มีอายุโครงการ 5,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 3 เดือน
ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) โดยมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้บริษัทจัดการจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออก หรือค้ำประกัน โดยสถาบันการเงิน และบริษัทชั้นดีที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง
ขณะเดียวกันส่วนที่เหลือกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ในประเทศที่มีอายุสัญญา อายุของตราสาร หรือระยะเวลาการฝากเงินไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินการ รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน และกองทุนอาจทำสัญญาสวอปหรือสัญญาฟอร์เวิดร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging)จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk)
นอกจากนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทจัดการจะจัดให้มีการดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติของกองทุนเปิดทหารไทย พรีเมียร์ 3M10 ทั้งจำนวนของผูถือหน่วยลงทุนทุกราย ไปยังกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี ในวันทำการก่อนสิ้นสุดอายุโครงการ ซึ่งบริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในอัตราไม่ต่ำกว่า 3.65% ต่อปีของจำนวนเงินทุนเริ่มแรก
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินของยุโรป (ECP) นั้นจะมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายและมีทางเลือกการลงทุนในหลายประเทศอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันการลงทุนแต่ในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเกาหลีใต้เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีนัก
ก่อนหน้านี้นางมิตราภรณ์ วีรวรรณ ผู้จัดการกองทุน บลจ. ทหารไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีมากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่เน้นลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเช่นกัน เช่น พันธบัตรภาครัฐบาลเกาหลีใต้ เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงและมีอันดับความน่าเชื่อถือดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และธนาคารพาณิชย์
“นักลงทุนมีความต้องการที่จะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในลักษณะถือสั้นมากขึ้น ทั้งตราสารหนี้ในประเทศและต่างประเทศ เพราะยังกังวลเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งหากถือพันธบัตรระยะยาวมากจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้ลดลง” นางมิตราภรณ์กล่าว
ทั้งนี้ตราสารประเภท ECP เริ่มกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งเนื่องจากผลตอบแทนในรูปเงินบาทยังอยู่สูงกว่าเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และตราสารหนี้ในประเทศ โดยเฉพาะ ECP อายุ 3 เดือนให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5-3.9%ต่อปี