xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.ยื่นศาลรธน.ตีความส.ส.แปรญัตติงบ4.5หมื่นล.ขัดรัฐธรรมนูญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (19 ก.ย.) มีการประชุมวุฒิสา เพื่อพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ต่อจากเมื่อวันที่ 16 ก.ย. โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยสมาชิก ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นอภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่เสนอแนะว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาคน การสาธารณสุขและการศึกษามากกว่านี้ และทบทวนโครงการขนาดใหญ่เพราะประเทศอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา อภิปราย ตั้งข้อสังเกตในการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลที่มีปัญหาความไม่ชอบ เช่น ครม.ที่จัดทำร่างถูกตัดสิทธิแล้ว จากคดีหวยบนดิน ปราสาทพระวิหาร และชิมไปบ่นไป และยังมีการแปรญัตติเพิ่มรายการเข้ามาซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ว่าด้วยจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมาตรา 168 วรรคหก มีการตั้งงบกลางซ่อนเร้น ซึ่งตนได้ร่วมกับ 30 ส.ว. เข้าชื่อเตรียมส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา อภิปรายตั้งข้อสังเกตรัฐวิสากิจ อาทิ ขสมก. โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน งบกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ต้นทุนจริงอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท มีส่วนต่างถึง 4.8 หมื่นล้านบาท รวมถึงกระแสข่าวว่า มีการผันงบให้ส.ส.คนละ 25 ล้านบาท จากการปรับเพิ่มงบอุดหนุน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1.6 หมื่นล้านบาท
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา 1 ใน 30 ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ จัดทำโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคหก กล่าวว่า ในชั้นแปรญัตติของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภา แม้ปรับลด 4.5 หมื่นล้านบาท แต่ก็ปรับเพิ่มรายการ 4.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี โดยในรายงานการประชุมครม.เมื่อวันที่ 5 ส.ค.มีการเสนอขอเพิ่มงบ จากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบฯ อีกซึ่งทำให้งบประมาณเพิ่มจากที่รับหลักการการในวาระ 1 ด้วย เมื่อครม.เป็นส.ส.และเป็นกรรมาธิการ จึงมีส่วนได้ส่วนเสียถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 168
ด้าน นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ รองผอ.สำนักงบประมาณ ในฐานะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณางบฯ ชี้แจงว่า การปรับเพิ่มงบประมาณนั้น ไม่ใช่เป็นการปรับเพิ่มของ ส.ส.หรือกรรมาธิการ แต่เป็นขอปรับเพิ่มจากหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีความจำเป็น ต้องใช้งบประมาณในโครงการการต่างๆ ซึ่งจะต้องให้ครม.เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ ในการปรับงบประมาณเพิ่ม ทั้งนี้ในการพิจารณางบประมาณฯแม้จะทำด้วยความเคยชินแต่ก็มีความตระหนักและทำตามข้อกฎหมาย รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ในที่สุดที่ประชุมได้มีมติให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ด้วยคะแนนเสียง 90 ต่อ 35 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ
ขณะเดียวกัน ตัวแทนกลุ่ม ส.ว.30 คน นำโดย น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ส.เพชรบุรี น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา
น.ส.สุมล กล่าวว่า ส.ว. 30 คน ได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 168 หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯที่สภากำลังพิจารณาขัดต่อบทบัญญัติและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2550 คือการแปรงบประมาณเพิ่มจำนวน 45,009 ล้านบาท โดย ครม.เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เนื่องจาก ครม.เป็นสถานะเป็น ส.ส.ด้วย ซึ่งถูกห้ามแปรญัตติ ในงบประมาณ มาตรา 168 วรรค 6
นอกจากนี้การที่ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง ถูกฟ้องเป็นคดีอาญา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีหวยบนดิน มาเป็นประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ซึ่งอาจทำให้การประชุมพิจารณาของคณะกรรมาธิการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
น.ส.สุมล กล่าวว่า ตาม มาตรา 167 กำหนดให้การเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ต้องมีเอกสารประกอบ โดยจะต้องมีรายละเอียดแผนงานในการใช้จ่ายอย่างชัดเจน แต่การแปรงบประมาณฯเพิ่มยอดดังกล่าว กลับไม่มีรายละเอียดหรือแผนงานที่ชัดเจน นอกจากนี้มาตรา 167 วรรค 2 บัญญัติว่ารายจ่ายงบกลางจะจัดทำขึ้นได้ ต้องเป็นกรณีที่รายจ่ายไม่สามารถจัดสรรให้กับหน่วยงานราชการ กระทรวงทบวง กรม ต่างๆ ปรากฏว่าการจัดทำงบกลางในร่างนี้จำนวน 249,565 ล้านบาท ซึ่งมีหลายรายการสามารถจัดสรรให้แก่หน่วยงานราชการต่างๆได้ ทั้งนี้การจัดทำงบประมาณไม่ปรากฎแผนงานและโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการบริหารราชการ ให้เป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
การดำเนินการในขั้นตอนการแปรญัตติอนุมัติงบประมาณเพิ่มจำนวน 45,009 ล้านบาท ไม่มีเอกสารประกอบประมาณการรายรับและวัตถุประสงค์ กิจกรรม แผนงาน โครงการในแต่ละรายการการใช้จ่ายงบประมาณฯ ให้ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 และครม. และกรรมาธิการ ซึ่งมีสถานะเป็น ส.ส.ด้วย ได้เร่งรัดการอนุมัติงบเพิ่มเติม โดยคำนึงเฉพาะให้ได้วงเงินงบประมาณเท่านั้น เพื่อจะได้นำมาจัดสรร ให้กับ ส.ส.มีส่วนใช้งบประมาณทางอ้อมตามที่ปรากฏเป็นข่าว อย่างไรก็ตาม การยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น คณะ ส.ว.ไม่มีเจตนาที่จะล้มร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯทั้งฉบับ แต่ให้ศาลพิจาณาวินิจฉัยแค่ จำนวนเงินที่แปรญัตติเพิ่มเท่านั้น
น.ส.รสนา กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ส.ส.และรัฐมนตรี ได้แบ่งแยกอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน โดยคนที่เป็นรัฐมนตรีจะไม่เป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 คนเป็นรัฐมนตรีเป็น ส.ส.ด้วย ดังนั้นการที่ ครม.ได้มีมติ แปรงบประมาณฯเพิ่มเท่ากับว่า ส.ส.ได้ใช้อำนาจในการแปรงบฯเพิ่มเช่นกัน ซึ่งถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้งบประมาณฯที่แปรเพิ่มขึ้นมาก็ถูกตั้งคำถามขึ้นมาว่าเป็นการหา เสบียงกลาง สำหรับเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ส.ส.ได้ส่วนแบ่งคนละ 25 ล้าน โดยเป็นการจัดสรรงบ โดยเอางบของกรมทางหลวงชนบท และงบของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ส.ว.มองว่าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ครม.มีรัฐมนตรีหลายคนอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี แต่ถ้าจะยื่นรัฐธรรมนูญตามมาตรา 154 ว่า ร่าง พ.ร.บ.ทั้งฉบับ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะต้องใช้สียงสมาชิกถึง 64 คน ซึ่งเสียงไม่พอคงต้องให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็อยากให้เกิดบรรทัดฐานทางการเมือง ให้นักการเมือง มีจริยธรรม คุณธรรม ขณะนี้มีนักการเมืองอยู่ในบ้านเลขที่ 111 คน ออกมาเคลื่อนทางการเมือง ทั้งที่ถูกตัดสิทธิ์ ทางการเมือง แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะในเรื่องของคุณธรรม และจริยธรรม แต่รัฐมนตรีของประเทศฟินแลนด์ แค่ส่ง เอสเอ็มเอส ไปให้แดนเซอร์ ยังต้องลาออก นอกจากนี้ฟอร์ม ครม.ใหม่ก็วิ่งกันอุตลุด การแต่งตั้งรัฐมนตรีก็ต้องอาศัยโควตา ทั้งๆที่ประเทศที่เจอภาวะวิกฤติต้องการคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นเราต้องสร้างมาตรฐานทางการเมืองใหม่
นายสมชาย กล่าวว่า การแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณควรต้องจัดทำเป็นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมงบประมาณ เพื่อจะได้พิจารณาอย่างเปิดเผย แต่การปรับเพิ่มอย่างที่ดำเนินการมีการซ่อนเร้น ใช้จ่ายไม่สมเหตุสมผล เช่น การปรับเพิ่มงบประมาณของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 1,642 ล้านบาท น่าสังเกตว่ามีการตั้งงบก่อสร้างห้องส้วม 15,251 ที่นั่ง เป็นเงิน 381 ล้านบาท หรือการปรับปรุงซ่อมแซมห้องส้วม 3,700 หลัง เป็นเงิน 370 ล้านบาท คิดเป็นห้องละ 1 หมื่นบาท ซึ่งแพงเกินความเป็นจริง ขณะที่งบอุดหนุนค่าใช้จ่าย ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรืองบเรียนฟรีจำนวน 59,185 คน แต่ตั้งงบ 118,142,300 บาท ตกหัวละ 1,900 บาท ถือว่าน้อยมากทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐอุดหนุนการศึกษา
นายสมชาย กล่าวว่า เมื่อประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ตามกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยภายใน 7 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 ซึ่งระยะเวลายังเพียงพอ เพราะกฎหมายระบุว่า การพิจารณาร่างงบประมาณฯในขั้นตอนของวุฒิสภา มีระยะเวลา 20 วัน วุฒิได้รับร่างเมื่อวันที่ 8 ก.ย.จะกำหนดวันสุดท้าย 28 ก.ย.
กำลังโหลดความคิดเห็น