xs
xsm
sm
md
lg

‘เฟด’มาดมั่นไม่ขยับอัตราดอกเบี้ย แม้ตลาดป่วนหนักหลังเลห์แมนล้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ไม่ยอมทำตามแรงกดดันของตลาด โดยประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% เมื่อวันอังคาร(16) ซึ่งเป็นการแสดงนัยว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯสามารถทานทนต่อความปั่นป่วนทางการเงินได้ โดยไม่ต้องมีการลดอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด

การตัดสินใจซึ่งเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ภายใต้การนำของเบน เบอรนันกี ประธานเฟดครั้งนี้ ทำให้บรรดาพวกนักค้าตราสารในตลาดอนุพันธ์ฟิวเจอร์ผิดหวัง เพราะพวกเขาคาดหวังว่า อัตราดอกเบี้ย เฟดเดอรัล ฟันด์ เรต จะลดลงมาราว 0.25%

ในคำแถลงที่ออกมาภายหลังการประชุม เอฟโอเอ็มซีกล่าวว่าแม้จะมีความยุ่งยากในตลาดการเงิน แต่เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะสามารถเติบโตได้พอสมควรด้วยอัตราดอกเบี้ยระดับปัจจุบัน รวมทั้งมาตรการอื่น ๆที่เฟดออกมาเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด

การตัดสินใจของเฟดพลิกความคาดหมายของพวกเทรดเดอร์ที่เห็นว่า มีโอกาสถึง 92% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากวาณิชธนกิจ เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มคว่ำลง, เมอร์ริล ลินช์ วาณิชธนกิจใหญ่อีกรายหนึ่งถูกเทคโอเวอร์, และ อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป(เอไอจี) กำลังกระเสือกกระสนหาเม็ดเงินมายืดชีวิตของตนเองออกไป นักวิเคราะห์หลายรายแสดงความงุนงงต่อการตัดสินใจครั้งนี้

“เมื่ออ่านคำแถลงการณ์ของเฟด คุณจะไม่รู้เลยว่าฟ้าฟากเหนือวอลสตรีทกำลังปั่นป่วนผันผวนอย่างหนัก” เอียน เชปเฮิร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ไฮฟรีเควนซี่ อีโคโนมิกส์ กล่าว

“ในความเห็นของเรา คำแถลงนี้ถ้าไม่แสดงถึงความกล้าหาญอย่างที่สุด ก็อาจจะแสดงถึงปล่อยปละละเลยอย่างร้าย ไม่มีส่วนใดที่กล่าวถึงหายนะที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแม้แต่น้อย ก็เลยมีความเป็นไปได้ที่หลายคนจะมองว่าเฟดกำลังทำตัวเป็นจักรพรรดิเนโร สีไวโอลินร่าเริงมองดูเพลิงเผาผลาญวอลสตรีทจนวอดวาย”

สก๊อต บราวน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเรย์มอนด์ เจมส์ แอนด์ แอสโซซิเอตส์ กล่าวว่าการตัดสินใจนี้แสดงให้เห็น “ความไม่มั่นคงอย่างมาก” ในภาพรวมเศรษฐกิจ และ “ทำให้เฟดซื้อเวลาออกไปได้อีก”

เขาอธิบายว่า กว่าที่นโยบายของเฟดจะแสดงผลต่อภาวะเศรษฐกิจนั้น ย่อมจะต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดช่วงต้นปีนี้ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจก็ต้องเป็นตอนปลายปีแล้ว ทำให้เฟดต้องการซื้อเวลาสำหรับการรอคอยไปอีกระยะหนึ่ง

บราวน์บอกว่า คนเรามักชอบทบทวนเปลี่ยนแปลงความคิดเดิม จากการใช้ท่าทีเช่นนี้ของเฟด จึงอาจทำให้ผู้คนเริ่มคิดกันว่า หรือเฟดจะรู้อะไรที่เรายังไม่รู้กัน ดังนั้น ตอนนี้ จึงมีผู้คนที่เริ่มหันไปมองว่า บางทีสถานการณ์อาจจะไม่ได้ย่ำแย่เหมือนที่คิดไว้ก็ได้”

คำแถลงของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดระบุว่า “ความปั่นป่วนในตลาดการเงินได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และตลาดแรงงานก็อ่อนแอลงไปอีก” นับตั้งแต่การประชุมเฟดเมื่อเดือนสิงหาคม แต่เอฟโอเอ็มซีก็กล่าวด้วยว่า “ความเสี่ยงขาลงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวและความเสี่ยงขาขึ้นในเรื่องเงินเฟ้อ เป็นสองประเด็นที่เฟดวิตกมากที่สุด”

อย่างไรก็ตามคำแถลงก็กล่าวด้วยว่า “เมื่อเวลาผ่านไป การผ่อนคลายมาตรการทางด้านการเงิน รวมทั้งมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องที่กำลังดำเนินไป ก็น่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับพอประมาณ”

อันที่จริง ในวันเดียวกับที่ประกาศไม่ขยับดอกเบี้ยนี้เอง ธนาคารกลางสหรัฐฯได้เทเม็ดเงิน 70,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินโดยผ่านสัญญาซื้อคืนพันธบัตร หลังจากที่เมื่อวันจันทร์เฟดก็เติมเงินเข้าสู่ตลาดในจำนวนที่เท่า ๆกันไปแล้ว ส่วนธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ต่างออกมาตรการกระตุ้นสภาพคล่องเช่นเดียวกัน หลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์สประกาศภาวะล้มละลาย

อย่างไรก็ตาม จอห์น ไรดิง นักเศรษฐศาสตร์ของอาดีคิว อีโคโนมิกส์กล่าวว่าเฟดไม่ควรปล่อยให้ตลาดคาดหวังว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย “ในด้านหนึ่งผมก็ดีใจที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่ว่าการสื่อสารของเฟดควรได้รับการปรับปรุง”

ส่วน โจเอล นารอฟ จากนารอฟ อีโคโนมิค แอดไวเซอร์ส บอกว่าการตัดสินใจของเฟด “มีเหตุผล” ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อัตราดอกเบี้ยหากแต่เป็นสภาพคล่องในตลาด รวมทั้งความตั้งใจของสถาบันการเงินที่จะให้กันและกันกู้” นารอฟกล่าว “หากว่าเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็จะลดต้นทุนการทำธุรกิจของสถาบันการเงิน แต่นั่นก็จะไม่กระตุ้นให้สถาบันการเงินอยากจะให้ผู้อื่นกู้เงินมากขึ้นแต่อย่างใด”
กำลังโหลดความคิดเห็น