วิกฤติการเมืองถล่มตลาดหนังสือ 2เดือนที่ผ่านมา สำนักพิมพ์เลื่อนออกหนังสือใหม่เพียบ ส่วนการเติบโตปีนี้หวังแค่ 7-8% จากปกติโต 2 หลัก ยังมีแสงสว่าง พบหนังสือธรรมะ-การ์ตูนนิทานภาพ กู้สถานการณ์ ผู้อ่านต้องการที่พึ่งทางใจ ล่าสุดส.ผู้จัดพิมพ์ผุดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 13 คาดเม็ดเงินสะพัดร่วม 400 ล้านบาท
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส.พ.จ.ท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่มีการเลื่อนแผนการออกหนังสือใหม่ออกไปบ้างเพื่อรอดูสถานการณ์ หรือจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อนที่จะพิมพ์หนังสือเรื่องใดออกมา จะต้องเลือกเล่มที่มีแนวโน้มขายได้จริงๆ ทั้งที่ปกติแล้วสำนักพิมพ์เหล่านี้จะมีการเตรียมแผนการทำงานไว้ตั้งแต่ต้นปี แต่ปัจจุบันต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเหตุการณ์ทางการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ การออกหนังสือใหม่ๆก็จะกลับมามีมากอีกครั้ง
ส่วนการเติบโตของตลาดหนังสือปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 7-8% จาก 16,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ4-5ปีก่อนที่มีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
อย่างไรก็ตามพบว่า กลุ่มหนังสือที่มีการตอบรับสูงในช่วงนี้ คือ 1. หนังสือธรรมะ มองว่ามาจากการที่คนต้องการที่พึ่งทางใจมากยิ่งขึ้น ในภาวะการเมืองวุ่นวาย 2.หนังสือการ์ตูนนิทานภาพ สำหรับเด็กระดับประถมศึกษา มีกระแสการตอบรับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเทรนด์ และการปรับตัวของสำนักพิมพ์ และ3.หนังสือกลุ่มปะกิณกะ ที่ออกตามช่วงเทศกาลต่างๆ มาพร้อมกับรูปแบบกิ๊ฟเซทต่างๆ นอกจากนี้กลุ่มหนังสือนิยาย สุขภาพ และการ์ตูน ถือว่ายังเป็นกลุ่มที่ได้รับการตอบรับที่ดีอยู่ ส่วนการปิดตัวสำนักพิมพ์ลงนั้น ขณะนี้ยังมีไม่มีรายงานเข้ามา เชื่อว่าเหตุกาณ์ยังไม่รุนแรงขนาดนั้น ซึ่งหากจะมีปิดตัวลง น่าจะมาจากสาเหตุอื่น เช่น หันไปทำธุรกิจด้านอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯพยายามผลักดันให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของการอ่าน โดยได้มีการยื่นหนังสือต่อภาครัฐมาตลอดเวลา เพื่อ ผลักดันให้ การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ ล่าสุดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาก็ได้ยื่นไปอีกครั้งแต่ยังไม่คืบหน้า ขณะที่ ณ วันนี้ประเทศไทยกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จึงอยากเรียกร้องให้มีการส่งเสริมเรื่องการอ่านในระดับชาติต่อไป เพราะปัจจุบันคนไทยเฉลี่ยอ่านหนังสือเพียง 2 เล่มต่อปี หรือประมาณ 2.9นาทีต่อวัน เทียบกับคนเวียดนามแล้ว 1 ปี อ่านหนังสือถึง 30 เล่ม
ล่าสุดทางสมาคมฯจะมีการจัดงาน มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 13 ขึ้น ระหว่างวันที่ 11-23 ตุลาคม 2551 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีสำนักพิมพ์ร่วมออกบูธกว่า 822 บูธ จาก 404 สำนักพิมพ์ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน และมีเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส.พ.จ.ท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่มีการเลื่อนแผนการออกหนังสือใหม่ออกไปบ้างเพื่อรอดูสถานการณ์ หรือจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อนที่จะพิมพ์หนังสือเรื่องใดออกมา จะต้องเลือกเล่มที่มีแนวโน้มขายได้จริงๆ ทั้งที่ปกติแล้วสำนักพิมพ์เหล่านี้จะมีการเตรียมแผนการทำงานไว้ตั้งแต่ต้นปี แต่ปัจจุบันต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเหตุการณ์ทางการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ การออกหนังสือใหม่ๆก็จะกลับมามีมากอีกครั้ง
ส่วนการเติบโตของตลาดหนังสือปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 7-8% จาก 16,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ4-5ปีก่อนที่มีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
อย่างไรก็ตามพบว่า กลุ่มหนังสือที่มีการตอบรับสูงในช่วงนี้ คือ 1. หนังสือธรรมะ มองว่ามาจากการที่คนต้องการที่พึ่งทางใจมากยิ่งขึ้น ในภาวะการเมืองวุ่นวาย 2.หนังสือการ์ตูนนิทานภาพ สำหรับเด็กระดับประถมศึกษา มีกระแสการตอบรับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเทรนด์ และการปรับตัวของสำนักพิมพ์ และ3.หนังสือกลุ่มปะกิณกะ ที่ออกตามช่วงเทศกาลต่างๆ มาพร้อมกับรูปแบบกิ๊ฟเซทต่างๆ นอกจากนี้กลุ่มหนังสือนิยาย สุขภาพ และการ์ตูน ถือว่ายังเป็นกลุ่มที่ได้รับการตอบรับที่ดีอยู่ ส่วนการปิดตัวสำนักพิมพ์ลงนั้น ขณะนี้ยังมีไม่มีรายงานเข้ามา เชื่อว่าเหตุกาณ์ยังไม่รุนแรงขนาดนั้น ซึ่งหากจะมีปิดตัวลง น่าจะมาจากสาเหตุอื่น เช่น หันไปทำธุรกิจด้านอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯพยายามผลักดันให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของการอ่าน โดยได้มีการยื่นหนังสือต่อภาครัฐมาตลอดเวลา เพื่อ ผลักดันให้ การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ ล่าสุดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาก็ได้ยื่นไปอีกครั้งแต่ยังไม่คืบหน้า ขณะที่ ณ วันนี้ประเทศไทยกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จึงอยากเรียกร้องให้มีการส่งเสริมเรื่องการอ่านในระดับชาติต่อไป เพราะปัจจุบันคนไทยเฉลี่ยอ่านหนังสือเพียง 2 เล่มต่อปี หรือประมาณ 2.9นาทีต่อวัน เทียบกับคนเวียดนามแล้ว 1 ปี อ่านหนังสือถึง 30 เล่ม
ล่าสุดทางสมาคมฯจะมีการจัดงาน มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 13 ขึ้น ระหว่างวันที่ 11-23 ตุลาคม 2551 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีสำนักพิมพ์ร่วมออกบูธกว่า 822 บูธ จาก 404 สำนักพิมพ์ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน และมีเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
