ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหนังสือปี 51 ปรับราคาสูงขึ้น 5-10% เหตุทนแบกรับต้นทุนการผลิตไม่ไหว “นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ” ยังเชื่อภาพรวมตลาดจะโตอีก 6-7% เท่าปีก่อน หรือกว่า 19,200 ล้านบาท ผลักดันการอ่านหนังสือเป็นวาระแห่งชาติต่อ
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส.พ.จ.ท.) เปิดเผยว่า จากราคาต้นทุนกระดาษซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของการผลิตหนังสือได้ปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยขณะนี้อยู่ที่ กิโลกรัมละ 1 บาท เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 10-12% บวกกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการขนส่งหนังสือ จึงเชื่อว่าปีนี้หนังสือออกใหม่น่าจะมีการปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้นอย่างน้อย 5-10% เมื่อเทียบกับหนังสือในกลุ่มเดียวกันที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา
ส่วนหนังสือเก่าที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว คงไม่สามารถปรับราคาได้ เพราะมีราคากำกับอยู่แล้ว
นางริสรวล กล่าวว่า จากต้นทุนการผลิตหนังสือเพิ่มสูงขึ้นสำนักพิมพ์ต่างๆจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้หนังสืออีกทางหนึ่ง เช่น การปรับไซส์หนังสือเป็นขนาดพิเศษ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับหนังสือ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ตลาดหนังสือโตขึ้นด้วย รองจากปัจจัยหลัก คือ การเปิดตัวหนังสือใหม่
“ปีนี้จะมีหนังสือออกใหม่เกิดขึ้นในทุกกลุ่มหนังสือ แต่เชื่อว่าหนังสือสำหรับเยาวชนจะเป็นกลุ่มหนังสือที่มีการเติบโตมากที่สุด หรือหากมองในภาพรวมของตลาดหนังสือปีนี้แล้ว เชื่อว่าจะมีการเติบโตเท่าปีก่อนที่ 6-7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,200 ล้านบาท จากเดิมในปีก่อนตลาดหนังสือมีมูลค่า 18,000 ล้านบาท
โดยปีนี้คาดว่าหนังสือออกใหม่จะมีอัตราใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งมีกว่า 11,455 เรื่อง สูงกว่าปี 2549 ถึง 31.4% ส่วนจำนวนร้านหนังสือในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง ในปี 2550 มีจำนวน1,913 ร้าน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของร้านบุ๊คสไมล์ ซึ่งเป็นร้านหนังสือในเครือเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ร้านในปีก่อน
นางริสรวล กล่าวต่อว่า ภาระกิจที่สำคัญของสมาคมฯพยายามผลักดันขณะนี้คือ การเสนอให้การอ่านหนังสือเป็นวาระแห่งชาติจากรัฐบาล ซึ่งหลังจากที่ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม 2550 ที่ผ่านมา ในงานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 5 ปรากฏว่า เรื่องยังค้างอยู่ ดังนั้นล่าสุดทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯเตรียมที่จะยื่นหนังสือผลักดันเรื่องดังกล่าวต่อกับคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันภายในเดือนนี้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯยังคงเดินหน้ารณรงค์ให้คนไทยให้ความสำคัญกับการอ่านมากยิ่งขึ้น ล่าสุดได้จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 36 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 6 ขึ้นระหว่างวันที่ 26 มี.ค.-7เม.ย.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงานจะมีสำนักพิมพ์ต่างๆกว่า 400 แห่ง ร่วมออกบูธจำนวน 870 บูธ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมและเลือกซื้อหนังสือมากกว่า 1.5 ล้านคน และมีเงินสะพัดภายในงานมากกว่า 500 ล้านบาท
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส.พ.จ.ท.) เปิดเผยว่า จากราคาต้นทุนกระดาษซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของการผลิตหนังสือได้ปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยขณะนี้อยู่ที่ กิโลกรัมละ 1 บาท เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 10-12% บวกกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการขนส่งหนังสือ จึงเชื่อว่าปีนี้หนังสือออกใหม่น่าจะมีการปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้นอย่างน้อย 5-10% เมื่อเทียบกับหนังสือในกลุ่มเดียวกันที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา
ส่วนหนังสือเก่าที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว คงไม่สามารถปรับราคาได้ เพราะมีราคากำกับอยู่แล้ว
นางริสรวล กล่าวว่า จากต้นทุนการผลิตหนังสือเพิ่มสูงขึ้นสำนักพิมพ์ต่างๆจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้หนังสืออีกทางหนึ่ง เช่น การปรับไซส์หนังสือเป็นขนาดพิเศษ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับหนังสือ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ตลาดหนังสือโตขึ้นด้วย รองจากปัจจัยหลัก คือ การเปิดตัวหนังสือใหม่
“ปีนี้จะมีหนังสือออกใหม่เกิดขึ้นในทุกกลุ่มหนังสือ แต่เชื่อว่าหนังสือสำหรับเยาวชนจะเป็นกลุ่มหนังสือที่มีการเติบโตมากที่สุด หรือหากมองในภาพรวมของตลาดหนังสือปีนี้แล้ว เชื่อว่าจะมีการเติบโตเท่าปีก่อนที่ 6-7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,200 ล้านบาท จากเดิมในปีก่อนตลาดหนังสือมีมูลค่า 18,000 ล้านบาท
โดยปีนี้คาดว่าหนังสือออกใหม่จะมีอัตราใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งมีกว่า 11,455 เรื่อง สูงกว่าปี 2549 ถึง 31.4% ส่วนจำนวนร้านหนังสือในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง ในปี 2550 มีจำนวน1,913 ร้าน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของร้านบุ๊คสไมล์ ซึ่งเป็นร้านหนังสือในเครือเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ร้านในปีก่อน
นางริสรวล กล่าวต่อว่า ภาระกิจที่สำคัญของสมาคมฯพยายามผลักดันขณะนี้คือ การเสนอให้การอ่านหนังสือเป็นวาระแห่งชาติจากรัฐบาล ซึ่งหลังจากที่ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม 2550 ที่ผ่านมา ในงานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 5 ปรากฏว่า เรื่องยังค้างอยู่ ดังนั้นล่าสุดทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯเตรียมที่จะยื่นหนังสือผลักดันเรื่องดังกล่าวต่อกับคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันภายในเดือนนี้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯยังคงเดินหน้ารณรงค์ให้คนไทยให้ความสำคัญกับการอ่านมากยิ่งขึ้น ล่าสุดได้จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 36 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 6 ขึ้นระหว่างวันที่ 26 มี.ค.-7เม.ย.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงานจะมีสำนักพิมพ์ต่างๆกว่า 400 แห่ง ร่วมออกบูธจำนวน 870 บูธ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมและเลือกซื้อหนังสือมากกว่า 1.5 ล้านคน และมีเงินสะพัดภายในงานมากกว่า 500 ล้านบาท
