รอยเตอร์ - พันธมิตรพรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศในวันอังคาร (16) ว่าได้ระดมเสียงสนับสนุนของส.ส.ในรัฐสภาเป็นจำนวนมากเพียงพอที่จะขับไล่รัฐบาลแล้ว และเสนอเจรจากับนายกรัฐมนตรีเรื่องการส่งมอบอำนาจ รวมทั้งได้ขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียด้วย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลปฏิเสธเสียงกร้าวและกล่าวหาว่า นี่เป็นการเล่น "การเมืองแห่งการโกหกหลอกลวง"
อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียกล่าวในการแถลงข่าวว่า เขาคาดว่านายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี จะพบกับเขาภายในสองสามวันนี้เพื่อเจรจากันในเรื่องการส่งมอบอำนาจจากรัฐบาลผสมปัจจุบัน ซึ่งปกครองมาเลเซียต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
อันวาร์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับเสียงข้างมากของเขาในรัฐสภาซึ่งมี 222 ที่นั่ง แต่จากตัวเลขส.ส.ที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่ พันธมิตรฝ่ายค้านของเขาต้องดึงส.ส.จากแนวร่วมรัฐบาล "บาริซาน เนชั่นแนล" มาอย่างน้อย 30 ที่นั่ง ให้หันมาอยู่กับสามพรรคฝ่ายค้านที่มีส.ส.รวม 82 คนด้วยกัน
"เรามีความเข้มแข็งพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ทันทีที่เราได้พบกับนายกรัฐมนตรี เราจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชาธิบดี" อันวาร์บอก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ระบุรายชื่อของส.ส.ที่ตกลงแปรพักตร์มาสนับสนุนเขา และขณะเดียวกันก็ยังไม่มีส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลคนใดที่ประกาศตัวว่าจะสนับสนุนฝ่ายค้านเช่นกัน
ด้านรัฐบาลมาเลเซียก็ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างเรื่องเสียงข้างมากของฝ่ายค้าน โดยที่อับดุลเลาะห์บอกว่าเขาจะไม่พบกับอันวาร์จนกว่าผู้นำฝ่ายค้านจะมีประเด็นพูดคุยที่มีเนื้อหาสาระหนักแน่นพอ ขณะที่นาจิบ ราซัค รองนายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าการกล่าวอ้างของฝ่ายค้านนั้นถือเป็น "การเมืองแห่งการโกหกหลอกลวง"
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายค้านก็สามารถสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยในการเลือกตั้งดังกล่าว พวกพรรคฝ่ายค้านกวาดที่นั่งส.ส.ได้เป็นจำนวนมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก จนกระทั่งสามารถสั่นคลอนแนวร่วมพรรครัฐบาล ที่มีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เป็นแกนกลาง ซึ่งปกครองมาเลเซียตลอดเวลากว่า 50 ปีนับตั้งแต่เป็นเอกราชจากอังกฤษ
ความตึงเครียดทางการเมืองยังส่งผลให้พวกนักลงทุนหวั่นวิตกไปด้วย โดยเห็นได้จากการที่ค่าใช้จ่ายในการประกันหนี้ของประเทศได้ทะยานสูงขึ้นมาอยู่ที่ราว 153,056 ดอลลาร์ต่อวงเงิน 10 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 90,185 ดอลลาร์ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม นับเป็นตัวบ่งชี้ถึงความกังวลต่ออัตราเสี่ยงของการลงทุนได้เป็นอย่างดี
ด้านนักวิเคราะห์การเมืองให้ความเห็นว่าอันวาร์คงจะได้เสียงข้างมากไว้ในมือแล้ว และรัฐบาลก็ไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการต่อจากนี้ไปเช่นกัน
"ไม่ว่าอันวาร์จะมีจำนวนส.ส.เพิ่มให้กับพันธมิตรฝ่ายค้าน "ปาคาตัน รัคยัต" กี่คนก็ตาม ทันทีที่เขาเปิดเผยรายชื่อของพวกส.ส.เหล่านั้นออกมา เขาก็จะต้องให้คนเหล่านั้นหลบซ่อนตัวไว้ก่อน" ศาสตราจารย์เจมส์ ชิน แห่งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโมนาช วิทยาเขตมาเลเซีย ให้ความเห็น
ชินบอกอีกว่า เมื่ออันวาร์ได้รับจดหมายยืนยันการสนับสนุนเขาจากพวกส.ส. และได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียแล้ว สมเด็จพระราชาธิบดีก็จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประธานสภาดำเนินการลงมติเลือกตัวนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต่อไป
รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถที่จะยับยั้งการดำเนินการของทางรัฐสภาได้ ยกเว้นแต่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน
"ทว่า ปัญหาของการประกาศภาวะฉุกเฉินในมาเลเซียก็คือ จะต้องได้รับพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชาธิบดีเสียก่อน" ชินบอก
อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียกล่าวในการแถลงข่าวว่า เขาคาดว่านายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี จะพบกับเขาภายในสองสามวันนี้เพื่อเจรจากันในเรื่องการส่งมอบอำนาจจากรัฐบาลผสมปัจจุบัน ซึ่งปกครองมาเลเซียต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
อันวาร์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับเสียงข้างมากของเขาในรัฐสภาซึ่งมี 222 ที่นั่ง แต่จากตัวเลขส.ส.ที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่ พันธมิตรฝ่ายค้านของเขาต้องดึงส.ส.จากแนวร่วมรัฐบาล "บาริซาน เนชั่นแนล" มาอย่างน้อย 30 ที่นั่ง ให้หันมาอยู่กับสามพรรคฝ่ายค้านที่มีส.ส.รวม 82 คนด้วยกัน
"เรามีความเข้มแข็งพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ทันทีที่เราได้พบกับนายกรัฐมนตรี เราจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชาธิบดี" อันวาร์บอก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ระบุรายชื่อของส.ส.ที่ตกลงแปรพักตร์มาสนับสนุนเขา และขณะเดียวกันก็ยังไม่มีส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลคนใดที่ประกาศตัวว่าจะสนับสนุนฝ่ายค้านเช่นกัน
ด้านรัฐบาลมาเลเซียก็ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างเรื่องเสียงข้างมากของฝ่ายค้าน โดยที่อับดุลเลาะห์บอกว่าเขาจะไม่พบกับอันวาร์จนกว่าผู้นำฝ่ายค้านจะมีประเด็นพูดคุยที่มีเนื้อหาสาระหนักแน่นพอ ขณะที่นาจิบ ราซัค รองนายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าการกล่าวอ้างของฝ่ายค้านนั้นถือเป็น "การเมืองแห่งการโกหกหลอกลวง"
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายค้านก็สามารถสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยในการเลือกตั้งดังกล่าว พวกพรรคฝ่ายค้านกวาดที่นั่งส.ส.ได้เป็นจำนวนมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก จนกระทั่งสามารถสั่นคลอนแนวร่วมพรรครัฐบาล ที่มีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เป็นแกนกลาง ซึ่งปกครองมาเลเซียตลอดเวลากว่า 50 ปีนับตั้งแต่เป็นเอกราชจากอังกฤษ
ความตึงเครียดทางการเมืองยังส่งผลให้พวกนักลงทุนหวั่นวิตกไปด้วย โดยเห็นได้จากการที่ค่าใช้จ่ายในการประกันหนี้ของประเทศได้ทะยานสูงขึ้นมาอยู่ที่ราว 153,056 ดอลลาร์ต่อวงเงิน 10 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 90,185 ดอลลาร์ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม นับเป็นตัวบ่งชี้ถึงความกังวลต่ออัตราเสี่ยงของการลงทุนได้เป็นอย่างดี
ด้านนักวิเคราะห์การเมืองให้ความเห็นว่าอันวาร์คงจะได้เสียงข้างมากไว้ในมือแล้ว และรัฐบาลก็ไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการต่อจากนี้ไปเช่นกัน
"ไม่ว่าอันวาร์จะมีจำนวนส.ส.เพิ่มให้กับพันธมิตรฝ่ายค้าน "ปาคาตัน รัคยัต" กี่คนก็ตาม ทันทีที่เขาเปิดเผยรายชื่อของพวกส.ส.เหล่านั้นออกมา เขาก็จะต้องให้คนเหล่านั้นหลบซ่อนตัวไว้ก่อน" ศาสตราจารย์เจมส์ ชิน แห่งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโมนาช วิทยาเขตมาเลเซีย ให้ความเห็น
ชินบอกอีกว่า เมื่ออันวาร์ได้รับจดหมายยืนยันการสนับสนุนเขาจากพวกส.ส. และได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียแล้ว สมเด็จพระราชาธิบดีก็จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประธานสภาดำเนินการลงมติเลือกตัวนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต่อไป
รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถที่จะยับยั้งการดำเนินการของทางรัฐสภาได้ ยกเว้นแต่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน
"ทว่า ปัญหาของการประกาศภาวะฉุกเฉินในมาเลเซียก็คือ จะต้องได้รับพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชาธิบดีเสียก่อน" ชินบอก