หน.ปชป.ชี้วิกฤตการเมืองอยู่ที่ “หมัก” คนเดียว แนะให้ทบทวนความก้าวร้าว ยอมรับกระบวนทางรัฐสภามีปัญหาเพราะรัฐบาลไม่ยอมรับฟัง เสนอทางออกยุบสภา หาก พปช.ระแวง ปชป.ชิงอำนาจจัดตั้งรัฐบาล เชื่อยุบพรรค พปช.รุนแรงแน่
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้เรียนให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าสมาชิกไม่สบายใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น ควรจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมสภาก่อนที่จะมีการพิจารณางบประมาณฯ เพราะผบ.ทบ.ในฐานะที่เป็นประธานคณะทำงานตาม พ.ร.ก.ก็พูดชัดว่าฝ่ายนิติบัญญัติต้องช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ อย่างน้อยก่อนที่จะเข้าสู่วาระปกติควรจะมีการปรึกษาหารือกันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีการซัดทอดกันไปมาว่าแต่ละฝ่ายก็อยู่เบื้องหลังม็อบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความพยายามที่จะมายัดเยียดข้างหรือกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์แสวงจุดร่วมเพื่อแย่งชิงอำนาจก็จบไปแล้ว ถ้าระแวงและอยากจะคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองตนก็เสนอให้ยุบสภา ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามคำเรียกร้องของพันธมิตรฯ เลย แต่นายกฯ ก็ไม่รับ มาถึงวันนี้สถานการณ์ก็เคลื่อนไปอีกแล้ว ซึ่งคนในพรรคพลังประชาชนก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าต่อความจริงว่าตอนที่ นปก.เคลื่อนมาท่านก็เข้าไปร่วมด้วย เพราะฉะนั้น ตนก็ไม่เข้าใจว่าจะมากล่าวหาฝ่ายค้านได้อย่างไร
เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีส่วนร่วมด้วย เพื่อที่จะได้ช่วยกันแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงฝ่ายนิติบัญญัติกันเองถ้ารัฐบาลพร้อมที่จะพูดคุยเจรจาคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ ตนไม่ขัดข้อง ซึ่งจะเห็นภาพว่าถ้าการพูดคุยเจรจาถ้านายกฯ ย้ำอย่างเดียวว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่ทราบว่าจะพูดคุยได้อย่างไร เมื่อถามว่าท่าทีของนายกฯ จะยอมรับข้อเสนอจากฝ่ายต่างๆ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามท่าน แต่เท่าที่ดูจากท่าทีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่าจะทำให้สถานการณ์วุ่นวายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ตนได้ย้ำตลอดเวลาว่าสิ่งที่นายกฯ พยายามอ้างว่าอยู่ต่อหรือไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพื่อรักษาบ้านเมืองจริงหรือเปล่า สถานการณ์บ้านเมืองได้ทรุดโทรมลงไปอีก ความเสี่ยงต่อการรุนแรงแม้ประกาศ พ.ร.ก.แล้วก็ยังไม่หมดไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินไม่มีผลบังคับใช้กับกลุ่มพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังการแถลงข่าวของ ผบ.ทบ.ท่านถือว่าสิ่งที่เป็นภาวะฉุกเฉินสองฝ่ายปะทะกัน ท่านก็กำหนดกรอบในการทำงานเบื้องต้นต้องหยุดยั้งภาวะตรงนี้ เมื่อถามว่าถือว่าไม่มีความผิดใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่มีความผิด เพียงแต่เป็นความฉุกเฉินของสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรง นี่คือภารกิจเฉพาะหน้า แต่ทุกอย่างไม่สามารถไปลบล้างความผิดทางกฎหมายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น คนที่ไปต่อสู้ก็ยังมีความผิดในกฎหมายและต้องดำเนินการกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางออกควรจะเป็นอย่างไรเพราะผบ.ทบ.ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ โยนกลับมาที่สภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีปัญหาซ้อนปัญหาอยู่ ปัญหามีแน่นอนคือมีคนไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย ต้องหาวิธีการบังคับใช้กฎหมาย ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือถึงบังคับใช้กฎหมายได้กับผู้ที่กระทำความผิด ปัญหาพื้นฐานก็ไม่จบ เพราะเป็นปัญหาการเมือง จึงมีการพูดว่าก็ต้องแก้ด้วยการเมือง
เมื่อถามว่ากลุ่ม นปก.ไปชุมนุมกันที่ จ.สมุทรปราการ ถือว่าเป็นการเลี่ยงบาลีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชุมนุมได้เพราะประกาศภาวะฉุกเฉินที่ กทม.
ผู้สื่อข่าวถามถึงการยุบพรรคพลังประชาชนจะทำให้การเมืองร้อนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอยู่แล้ว กระบวนการจากนี้ไปก็ต้องให้อัยการพิจารณาถ้าเห็นว่ามีมูลก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญต่อไป เมื่อถามว่าเมื่อผลออกมาอย่างนี้จะทำให้มีการทบทวนหรือยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคพลังประชาชน และอำนาจทุกอย่างอยู่ที่นายกฯ คนเดียว แต่ตนยังไม่เห็นสัญญาณอะไรเลยว่านายกฯ จะมีเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรทบทวนท่าทีในสถานการณ์ขณะนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคร่วมก็ต้องให้ความเห็นกับนายกฯ ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตนไม่อยากเสนออะไรทั้งสิ้น เพราะพรรคพลังประชาชนมีความหวาดระแวงว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปแย่งชิงอำนาจจัดตั้งรัฐบาล ตนยืนยันว่าไม่ทำ เป็นเรื่องภายในของรัฐบาล และแต่ละพรรคก็ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง
