xs
xsm
sm
md
lg

เตือนน้ำ3เขื่อนใหญ่วิกฤตสั่งเตรียมพร้อมอพยพคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ทส.เตือน 3 เขื่อนใหญ่ "ศรีนครินทร์- ขุนด่านปราการชล-เขื่อนประแสร์" มีปริมาณน้ำอยู่ในขั้นระดับวิกฤต สั่งเตือน ปชช.ใต้เขื่อนเฝ้าระวังภัยใกล้ชิด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมพร้อมอพยพคนหากเกิดอุทกภัย ขณะที่ "ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์" ยันเขื่อนแข็งแรง ยังรับน้ำได้อีก 2,500 ล้าน ลบ.เมตร ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดจมบาลมากขึ้น รัฐบาลรักษาการยังนิ่งเฉย กรมชลฯ เตรียมพื้นที่นาจัดทำเป็นแก้มลิงรองรับน้ำ กันน้ำท่วม กทม. "รมว.สธ."สั่งตั้ง"วอร์รูมช่วยเหลือและสำรองงบฉุกเฉินเพิ่ม

**ทส.เตือน3เขื่อนใหญ่วิกฤต
วานนี้ (15 ก.ย.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำภายหลังเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยนางอนงค์วรรณ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่งพบว่า มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรืออยู่ในขั้นรองรับน้ำต่อไปไม่ได้ ได้แก่เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 85 เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำร้อยละ 80 และเขื่อนประแสร์ จ.ระยอง มีปริมาณน้ำร้อยละ 83
"จากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่งดังกล่าวถือว่าเป็นปริมาณน้ำที่อยู่ในเกณฑ์วิกฤตและจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนดังกล่าวให้เฝ้าระวังภัยอย่างใกล้ชิด เพราะทางเขื่อนอาจจะต้องระบายน้ำออกหากมีปริมาณน้ำเติมเข้ามาในเขื่อนอีก ซึ่งในส่วนของกระทรวงฯนั้น ขณะนี้ได้ประสานไปยังกรมชลประทาน และกรมป้องกันสาธารณภัยในการบริหารจัดการมวลน้ำ การเตือนภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือหรืออพยพประชาชนเมื่อเกิดอุทกภัยขึ้นแล้ว"

**เขื่อนศรีนครินทร์ยันแข็งแรง
นายวินัย ถาวรนาน ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำมีจำนวน 85% สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 2,500 ล้านลบ.เมตร ซึ่งในปีนี้ทางเขื่อนต้องการน้ำต้นทุนอีกจำนวนมาก "ขอยืนยันว่าเขื่อนศรีนครินทร์ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใด"
นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ยืนยันเช่นกันว่า ถึงแม้จะมีปริมาณน้ำฝนตกลงมามากก็ไม่มีปัญหาในการรองรับน้ำในอ่างเก็บน้ำตามเขื่อนต่างๆ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ยืนยันว่าเขื่อนทุกเขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก และมีความปลอดภัยมั่นคงแข็งแรง 100% จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใดทั้งสิ้น

**"2 เขื่อน" ในโคราชน้ำใกล้ล้น
ด้านนายจำลอง พินิจการ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังเกิดฝนตกหนักเหนือเขื่อนทำให้น้ำฝนไหลลงเขื่อนลำพระเพลิง จนอยู่ที่ระดับ 92 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากจนแตะปากกระโถนระบายน้ำ และทางเขื่อนลำพระเพลิง ได้เร่งระบายน้ำออกไปทางระบายน้ำคอนกรีต 12 คิวต่อวินาที และผลักดันน้ำไปเก็บไว้ที่อ่างลำสำลาย ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเขื่อนลำพระเพลิง เพื่อไว้ใช้ในฤดูแล้งปีต่อไป
"การระบายน้ำออกจากเขื่อนลำพระเพลิงในขณะนี้จะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร อ.ปักธงชัย และ อ.โชคชัย บริเวณใต้เขื่อนแต่อย่างใด เว้นแต่ว่าหากมีฝนตกลงมาเหนือเขื่อนเป็นจำนวนมากอีกก็อาจจะส่งผลกระทบบ้างแต่คงเป็นระยะสั้นเท่านั้น"
นายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง ทำให้น้ำป่าไหลลงสู่เขื่อนลำตะคองมากในระดับหนึ่งซึ่งก็เป็นผลดีต่อเขื่อนที่จะมีน้ำเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้า ซึ่งเมื่อวานนี้ ปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคอง อยู่ที่ 176 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 314 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 56% ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 140 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ทางเขื่อนได้ปิดการระบายน้ำแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.เป็นต้นมา
"สำหรับระดับน้ำในคลองธรรมชาติของลำตะคองบริเวณใต้เขื่อนยังสามารถรองรับน้ำฝนได้อีกเพราะบางแห่งระดับน้ำยังอยู่ใต้ตลิ่งถึง 2 เมตรและยังสามารถระบายลงสู่แม่น้ำมูลที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้ดี ซึ่งในปีนี้น้ำในลำตะคอง คงจะไม่เอ่อท่วมในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา แต่อย่างใด"

**กรมชลฯเตรียมแก้มลิงรับน้ำ
ทางด้านนายธีระ วงศ์สมุทร อธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งเจาะคันคลองบางส่วนของคลองชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งขณะนี้ได้เจาะไปแล้ว 3 จุดเพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังใน จ.ลพบุรี และฝนที่ตกหนักในครั้งนี้กินบริเวณกว้างและตกท้ายเขื่อน ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ พื้นที่ลุ่มภาคกลาง โดยยอมรับว่าเครื่องสูบน้ำและเครื่องขุดเจาะระบายน้ำของกรมชลประทาน อาจมีไม่เพียงพอ ซึ่งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมระบายน้ำในพื้นที่นาทุ่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้แก่ จ.สุพรรณบุรี อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อจัดทำเป็นแก้มลิงรองรับน้ำ แต่ก็จะไม่ปล่อยให้ปริมาณน้ำท่วมจนผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศขณะนี้มีปริมาณน้ำกักเก็บคิดเป็น 70% ของความจุและยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 30% นอกจากนี้ ยังได้สั่งปิดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชั่วคราว เพื่อไม่ให้น้ำไหลลงสู่เขื่อนพระราม 6 มากเกินไปโดยจะนำแผนการดำเนินงานทั้งหมดเสนอต่อรักษาการนายกรัฐมนตรีในเย็นวันนี้ด้วย

**หลายพื้นที่จมบาดาน-รบ.ยังเฉย
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง และภาคตะวันออกวานนี้ยังน่าเป็นห่วง บางจังหวัดมีปริมาณน้ำท่วมมากขึ้นและขยายวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม เช่น จ.เลย หนองบัวลำภู หนองคาย พิษณุโลก พิจิตร ปราจีนบุรี และสุรินทร์ เป็นต้น ซึ่งจนถึงขณะนี้รัฐบาลรักษาการของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนใดๆ ในการลงไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากภาวะน้ำท่วมในช่วงนี้
โดยเฉพาะที่ จ.ลพบุรี ซึ่งประสพปัญหาน้ำท่วมมาหลายวันแล้ว จนถึงวานนี้สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วงทั้งในพื้นที่ อ.บ้านหมี่ และ อ.เมือง โดยเฉพาะบ้านท่าแค ต.ท่าแค และ ต.บ้านกล้วย ต.บ้านทราย ชาวบ้านต้องขนของหนีน้ำมาพักชั่วคราวอยู่บนถนนสายต่าง ๆ เนื่องจากน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของบ้าน ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ พร้อมเรียกร้องทางการจัดส่งเรือท้องแบนมาช่วยเหลือเพิ่มเติม รวมทั้งน้ำดื่มและยารักษาโรค อีกทั้งห้องสุขาไม่สามารถใช้งานได้

**อุตุฯเตือนภัยทุกภาครับมือน้ำท่วม
เวลา 17.00 น.วานนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยฉบับที่ 22 ระบุว่า ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรง พาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเล อันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ เช่นบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น หนองบัวลำภู สกลนคร มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ นครราชสีมา นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี และลพบุรี จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในที่ราบลุ่มและบริเวณที่ลาดเชิงเขา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้
อนึ่ง คลื่นลมในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังการเดินเรือ ในช่วงวันที่ 15-16 ก.ย.นี้ไว้ด้วย

**"ชวรัตน์"ตั้งวอร์รูมช่วยน้ำท่วม
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการ รมว.สาธารณสุข ได้สั่งให้ทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ติดตามสถานการณ์ผลกระทบต่อสุขภาพและความเสียหายด้านการแพทย์ และสาธารณสุข เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยให้ประสานงานกับศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลาง ที่มี พญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการแพทย์และสาธารณสุขนั้น ได้จัดส่งงบฯฉุกเฉินให้ 7 จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว ได้แก่ นครพนม เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก ลพบุรี สระบุรี และนครราชสีมา และสำรองงบฯฉุกเฉินไว้ที่ส่วนกลางอีก 10 ล้านบาท รวมทั้งยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกจำนวนหนึ่ง
พร้อมทั้งได้แจ้งให้ทุกพื้นที่ที่ประสบภัยจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง โดยมอบหมายให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบรรเทาทุกข์และประชานามัย สภากาชาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

***ธ.ก.ส.เล็งเว้นดอกเบี้ยช่วยน้ำท่วม
นายธีระพงษ์ ตั้งธีรสุนันท์ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะเสนอแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมกว่า 3 หมื่นรายทั่วประเทศ ให้กระทรวงการคลังพิจารณา และหากกระทรวงการคลังเห็นชอบก็จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการทันทีเมื่อมีนายกรัฐมนตรี เพราะประชาชนเดือนร้อนอย่างมาก เท่าที่สำรวจเบื้องต้น เป็นเกษตรกรนาข้าวสูงถึง 60-70% ซึ่งจะกระทบกับผลผลิตโดยตรง” นายธีระพงษ์กล่าว
สำหรับแนวทางที่จะเสนอนั้นประกอบด้วย 1.การเสนอขอวงเงินกู้ระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) จำนวน 2 พันล้านเพื่อให้เกษตรกรได้ใช้กู้เพื่อนำไปฟื้นฟูอาชีพใหม่ โดยดอกเบี้ยที่จะคิดจะคิดในอัตราต่ำ และมีระยะปลอดเงินกู้และดอกเบี้ยประมาณ 1-3 ปี ขึ้นกับระดับความเสียหาย 2.การขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้และการลอดดอกเบี้ยให้กับหนี้เก่าเป็น เวลา 1 ปี โดยจะเสนอให้รับบาลเข้ามารับภาระดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรประมาณ 3% จากปัจจุบันที่จะเสียดอกเบี้ยในระดับ 7.5%
“เรื่องการช่วยเหลือนั้นจะช่วยเฉพาะคนที่เสียหายจริงๆ เพื่อ ไม่ให้มีข้อครหาว่าหาเสียง โดยแต่ละรายอาจจะช่วยเหลือตามความหนักเบาก็ได้ ซึ่งขณะนี้ ธ.ก.ส. สาขาทั่วประเทศอยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียว่ามีเท่าไหร่ แต่เบื้องต้นรายงานมรแล้วว่าภาคอีสาน เหนือ และกลาง นั้นมีประมาณ กว่า 3 หมื่นราย แต่เชื่อว่าตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากฝนยังไม่หยุดตก”
รายงานข่าวจาก ธ.ก.ส. แจ้งว่าตัวเลขความเสียหายล่าสุดที่รายงานจากทางสาขาทั่วประเทศมีลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจำนวน ทั้งสิ้น 49,691 ราย มูลหนี้ 1,818 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายรวม 5 จังหวัดประกอบด้วย เชียงราย 8,998 ราย น่าน 374 ราย พะเยา 2,775 ราย นครพนม 17,800 และหนองคาย 19,744 ราย ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเป็นนาข้าวสูงถึง 487,010 ไร่ พืชไร่ 62,338 ไร่ ไม้ผล 3,580 ไร่ และมีสัตว์ปีกล้มตายสูงถึง 19,833 ตัว
ด้านนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธ.ก.ส.กล่าวถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจตัวเลขความเสียหาย โดยธ.ก.ส.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเยี่ยมเยียนลูกค้า และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นโดยการแจกถุงยังชีพแล้ว และจากข้อมูลที่ได้รับพบว่ามีทั้งรายที่ได้รับความเดือดร้อนจากทรัพย์สินเสียหายและรายที่ไร่นาเสียหาย ซึ่งส่วนหนี้มีลูกค้าของธนาคารประมาณ 10% ซึ่งระหว่างนี้ยังไม่ได้สรุปตัวเลขเพราะต้องรอให้สถานการณ์ฝนหยุดตกก่อน คาดว่าภายในเดือนก.ย.นี้น่าจะได้ตัวเลขที่ชัดเจนทั้งพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและจำนวนเกษตรกรที่ต้องให้การช่วยเหลือ
สำหรับแนวทางให้การช่วยเหลือนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเกษตรกรแต่ละราย โดยหากไม่ร้ายแรงก็อาจจะยกเว้นดอกเบี้ยให้ระยะเวลา 1 ปี กรณีร้ายแรงก็จะยกเว้นดอกเบี้ยให้เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งคล้ายกับการพักหนี้แต่จะแตกต่างกันในส่วนสาเหตุของปัญหาเพราะกรณีนี้เป็นภัยธรรมชาติไม่ใช่เป็นผลมาจากความสามารถในการชำระหนี้ ส่วนกรณีที่เกตรกรเสียชีวิตก็อาจจะยกหนี้ให้ ซึ่งส่วนนี้ต้องเสนอเรื่องเข้าครม. รวมถึงการให้รัฐบาลเข้ามารับภาระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรด้วย ซึ่งน่าจะใช้เงินไม่มากเพราะเป็นการช่วยเหลือรายที่มีความเดือดร้อนจริงๆ
"การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้นธ.ก.ส.ดำเนินการต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะการยกเว้นไม่คิดดอกเบี้ยให้ลูกค้านั้นได้เสนอให้รัฐบาลเข้ามารับภาระดอกเบี้ยแทน อย่างปีก่อนใช้เงินเพียง 50-60 ล้านบาทเพราะน้ำท่วมไม่มาก ต่างจากช่วง 3 ปีก่อนที่ใช้เงินหลักพันล้านบาท ส่วนปีนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะรุนแรงกว่านี้อีกหรอไม่คงต้องรอสำรวจความเสียหายหลังน้ำลดอีกครั้ง หากเสียหายไม่มาก ธ.ก.ส.จะให้สินเชื่อเพื่อเพาะปลูกใหม่แต่คิดอัตราดอกเบี้ยปกติ ส่วนรายที่ไร่นาเสียหายมากก็อาจคิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน"นายเอ็นนู กล่าวและว่า การรับจำนำข้าวนาปรังที่จะสิ้นสุดเดือกน.ย.นี้ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม เพราะเป็นคนละพื้นที่กัน โดยยังมีเกษตรกรมาจำนำข้าวตามปกติ.
กำลังโหลดความคิดเห็น