กาญจนบุรี – “ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์” ออกโรงยัน เขื่อนแข็งแรง ยังสามารถรับน้ำได้อีก 2,500 ล้าน ลบ.เมตร ดังนั้น ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ยืนยันเช่นกันว่า มีความปลอดภัยมั่นคงแข็งแรง 100% จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใดทั้งสิ้น
วันนี้ (15 ก.ย.) เวลา 15.30 น.นายวินัย ถาวรนาน ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์การรับน้ำจากพื้นที่ป่าที่ไหลลงสู่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ว่า ขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำมีจำนวน 85% สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 2,500 ล้าน ลบ.เมตร ซึ่งในปีนี้ทางเขื่อนต้องการน้ำต้นทุนอีกจำนวนมาก และในสถานการณ์น้ำที่ท่วมขังในจังหวัดตอนล่าง ทำให้เราต้องลดปริมาณการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเพื่อช่วยลดความรุนแรงที่อาจจะเสียหายต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตอนล่างต่อไป
“ขอยืนยันว่า เขื่อนศรีนครินทร์ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใด”
ทางด้าน นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวยืนยันเช่นกันว่า ถึงแม้จะมีปริมาณน้ำฝนตกลงมามากก็ไม่มีปัญหาในการรองรับน้ำในอ่างเก็บน้ำตามเขื่อนต่างๆ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ยืนยันว่า เขื่อนทุกเขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก และมีความปลอดภัยมั่นคงแข็งแรง 100% จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม ที่อาจเกิดขึ้นและอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางจังหวัดกาญจนบุรีจึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมน้ำ และที่ลาดเชิงเขา รวมถึงพื้นที่เสี่ยงภัยให้ทราบเกี่ยวกับภัยที่เกิดจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม
จึงขอให้ประชาชนเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติ และขอให้องค์กรปกครองสวนท้องถิ่น (อปท.) แจ้งเตือนประชาชน โดยผ่านวิทยุประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และจัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงานเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ รวมทั้งให้ใช้ประโยชน์จาก “มิสเตอร์เตือนภัย” ซึ่งจะแจ้งข้อมูลและสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ได้รับทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกันนี้ (15 ก.ย.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำภายหลังเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดย นางอนงค์วรรณ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง พบว่า มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรืออยู่ในขั้นรองรับน้ำต่อไปไม่ได้ ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 85 เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำร้อยละ 80 และเขื่อนประแสร์ จ.ระยอง มีปริมาณน้ำร้อยละ 83
“จากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ถือว่าเป็นปริมาณน้ำที่อยู่ในเกณฑ์วิกฤตและจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนดังกล่าวให้เฝ้าระวังภัยอย่างใกล้ชิด เพราะทางเขื่อนอาจจะต้องระบายน้ำออกหากมีปริมาณน้ำเติมเข้ามาในเขื่อนอีก ซึ่งในส่วนของกระทรวงนั้น ขณะนี้ได้ประสานไปยังกรมชลประทาน และกรมป้องกันสาธารณภัยในการบริหารจัดการมวลน้ำ การเตือนภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือ หรืออพยพประชาชนเมื่อเกิดอุทกภัยขึ้นแล้ว”
วันนี้ (15 ก.ย.) เวลา 15.30 น.นายวินัย ถาวรนาน ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์การรับน้ำจากพื้นที่ป่าที่ไหลลงสู่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ว่า ขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำมีจำนวน 85% สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 2,500 ล้าน ลบ.เมตร ซึ่งในปีนี้ทางเขื่อนต้องการน้ำต้นทุนอีกจำนวนมาก และในสถานการณ์น้ำที่ท่วมขังในจังหวัดตอนล่าง ทำให้เราต้องลดปริมาณการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเพื่อช่วยลดความรุนแรงที่อาจจะเสียหายต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตอนล่างต่อไป
“ขอยืนยันว่า เขื่อนศรีนครินทร์ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใด”
ทางด้าน นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวยืนยันเช่นกันว่า ถึงแม้จะมีปริมาณน้ำฝนตกลงมามากก็ไม่มีปัญหาในการรองรับน้ำในอ่างเก็บน้ำตามเขื่อนต่างๆ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ยืนยันว่า เขื่อนทุกเขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก และมีความปลอดภัยมั่นคงแข็งแรง 100% จึงไม่น่าห่วงแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม ที่อาจเกิดขึ้นและอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางจังหวัดกาญจนบุรีจึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมน้ำ และที่ลาดเชิงเขา รวมถึงพื้นที่เสี่ยงภัยให้ทราบเกี่ยวกับภัยที่เกิดจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม
จึงขอให้ประชาชนเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติ และขอให้องค์กรปกครองสวนท้องถิ่น (อปท.) แจ้งเตือนประชาชน โดยผ่านวิทยุประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และจัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงานเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ รวมทั้งให้ใช้ประโยชน์จาก “มิสเตอร์เตือนภัย” ซึ่งจะแจ้งข้อมูลและสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ได้รับทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกันนี้ (15 ก.ย.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำภายหลังเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดย นางอนงค์วรรณ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง พบว่า มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรืออยู่ในขั้นรองรับน้ำต่อไปไม่ได้ ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 85 เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำร้อยละ 80 และเขื่อนประแสร์ จ.ระยอง มีปริมาณน้ำร้อยละ 83
“จากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ถือว่าเป็นปริมาณน้ำที่อยู่ในเกณฑ์วิกฤตและจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนดังกล่าวให้เฝ้าระวังภัยอย่างใกล้ชิด เพราะทางเขื่อนอาจจะต้องระบายน้ำออกหากมีปริมาณน้ำเติมเข้ามาในเขื่อนอีก ซึ่งในส่วนของกระทรวงนั้น ขณะนี้ได้ประสานไปยังกรมชลประทาน และกรมป้องกันสาธารณภัยในการบริหารจัดการมวลน้ำ การเตือนภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือ หรืออพยพประชาชนเมื่อเกิดอุทกภัยขึ้นแล้ว”