กาญจนบุรี - นักธุรกิจ และผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในกาญจนบุรี พร้อมกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกว่า 1,000 คนปิดถนนแสงชูโต-เผาหุ่นประท้วง “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” และ “ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา” ฐานปากพล่อยให้สัมภาษณ์เขื่อนในพื้นที่กาญจนบุรี เสี่ยงภัยและอาจถึงขั้นแตกได้ ส่งผลให้การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ยื่น 5 ข้อเสนอต่อจังหวัดให้ไปดำเนินการแก้ไข โดยให้ “ดร.อาจอง” เปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งรองรับความกล่าวอ้างเรื่องเขื่องเมืองกาญจน์จะแตกในปี 52
วันนี้ (1 ต.ค.51) เวลา 09.00 น. นายวิชัย ล้อศิริ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยสมาคมชาวเรือชาวแพจังหวัดกาญจนบุรี ชมรมโรงแรม รีสอร์ต และสนามกอล์ฟจังหวัดกาญจนบุรี หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันที่ด้านหน้าศาลาขุนแผน ถนนหลักเมือง ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ทั้งนี้ เพื่อประท้วงนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิชาการที่ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตอุทกภัย ที่จะทำให้เขื่อนต่างๆ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เสี่ยงภัยและอาจจะแตกได้ จากปริมาณน้ำหลังเขื่อนที่มีจำนวนมาก และการสั่นไหวของแนวเลื่อนแผ่นดินไหว โดยมี ส.ส.กาญจนบุรี คือ นายอัฐพล โพธิพิพิธ และนายปารเมศ โพธารากุล พรรคประชาธิปัตย์ มารับเรื่องโดยรับปากว่าจะนำไปตั้งกระทู้ถามในสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงจัดเป็นเวทีปราศรัยและเคลื่อนขบวนไปรอบชุมชนเมือง บริเวณสถานีรถ บขส. และนำผู้ชุมนุมมาปิดถนนแสงชูโตบริเวณสี่แยกไฟเขียวไฟแดง หน้าศาลหลักเมืองทั้ง 6 เลน ทำให้การจราจรติดขัดจำนวนมากรถติดยาวกว่า 3 กม.
นายวิชัย ล้อศิริ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ได้กล่าวปราศรัยโจมตีการให้สัมภาษณ์ของ นางอนงค์วรรณ และ ดร.อาจอง อย่างเสียหายว่า เป็นเรื่องของคนปากพล่อย ที่พูดแล้วส่งผลกระทบต่อจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอย่างมาก โดยนางอนงค์วรรณ ได้ให้สัมภาษณ์บนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่เป็นจริง และไม่รู้สถานการณ์จริงว่า เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์ มีปริมาณน้ำมาก ทั้งที่ข้อเท็จจริงเขื่อนทั้งสองสามารถรองรับน้ำได้จำนวนมาก
ส่วน ดร.อาจอง ให้สัมภาษณ์ว่า เขื่อนบนแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวและสถานการณ์โลกร้อน จะทำให้เปลือกโลกเคลื่อนทำให้เขื่อนแตกและน้ำท่ววมจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้คนจังหวัดกาญจนบุรีตายทั้งจังหวัด ซึ่งผลการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวเกิดผลกระทบ นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่กาญจนบุรี สร้างความเสียหายแก่ผู้ประกอบการและครอบครัวผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจจำนวนหลายร้อยล้านบาท
ด้านนายสมภพ ธีระสานต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ปราศรัยว่า จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่ถือว่าเป็นผู้เสียสละ ทั้งมีเขื่อนที่น้ำทรัพยากรน้ำไปผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งนำน้ำจากแม่น้ำแม่กลองไปเป็นน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา จากการประปานครหลวง ทุกอย่างเป็นการเสียสละของชาวกาญจนบุรี แต่ทั้งสองคนกลับพูดอย่างไม่รับผิดชอบ ทำให้เกิดผลกระทบต่อชาวกาญจนบุรีอย่างรุนแรง เราต้องการให้ทั้งสองคนออกมารับผิดชอบและส่วนราชการแก้ไข รวมทั้งรัฐบาลออกมาประกาศฯมาตรการควบคุมการเผยแพร่ข่าว ที่สร้างผลกระทบต่อจังหวัดกาญจนบุรี
ต่อมานายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางมารับเรื่องร้องเรียนจากนายวิชัย โดยยื่นข้อเสนอ 5 ข้อให้ทางรัฐบาลแก้ไข คือ
1.เรียกร้องให้ผู้บริหารราชการแผ่นดิน และนักวิชาการมีความรับผิดชอบและมีจรรยาบรรณมากกว่านี้ในการให้ข้อมูลต่อสาธารณชนเรื่องใดๆ ก็ตามที่อาจจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของประชาชนและส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นๆ
2.ให้นักวิชาการทบทวนการให้ข้อมูลที่ตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ เป็นกลางและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงพอ ที่จะยืนยันการคาดการณ์ในเรื่องนั้นๆ ได้
3.ให้ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งรองรับความกล่าวอ้างเรื่องเขื่อนเมืองกาญจน์จะแตกในปี 2552
4.ให้สื่อมวลชนมีจรรยาบรรณ และมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ในการเสนอข่าว ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาของประชาชน รวมทั้งทบทวนการเสนอข่าวที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างกระแสและปราศจากข้อมูลวิจัยที่น่าเชื่อถือมารองรับ
และ 5.ขอเสนอให้จึงหวัดกาญจนบุรี ตั้งคณะกรรมการต้านมายาคติเรื่องเขื่อนแตก ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐองค์กรภาคเอกชน นักวิชาการและประชาชน เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งเป็นฐานข้อมูลในระดับจังหวัด เผยแพร่สู่สาธารณชนทั้งภายในและภายนอกจังหวัดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
หลังจากนั้นนายอำนาจ ได้กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ตนรู้สึกดีใจที่ประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็น ที่มักมีการออกข่าวเกี่ยวกับเขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรี ที่สร้างผลกระทบกับการท่องเที่ยวและความปลอดภัยต่างๆในพื้นที่ ในส่วนของตนยืนยันว่า เขื่อนมีการดูแลความปลอดภัยและตรวจสอบการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยตนจะนำเรื่องร้องเรียนในครั้งนำรายงานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมาเวลา 10.35 น.ผู้ชุมนุมได้ทำพิธีเผาหุ่นฟางของ นางอนงค์วรรณ และ ดร.อาจอง สร้างความชอบใจแก่ผู้ชุมนุม ต่อจากนั้นผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายสลายการชุมนุม