“เอกชน”โล่งอกเลื่อนโหวตนายกฯเป็น 17 ก.ย. สัญญาณดีไม่อุ้ม”สมัคร”กลับมาทำให้บ้านเมืองไม่ต้องวุ่นวายเพิ่ม แต่ 5 วันที่เหลือก็อันตรายสำหรับ ส.ส.และพรรคร่วม ที่จะต้องหาคนมาเป็นนายกฯใหม่ ที่สังคมยอมรับ ย้ำชัดไม่รับ"สมัคร"กลับ ชี้หากทางตันหานายกฯไม่ลงตัว คาดหนีไม่พ้นรัฐบาลแห่งชาติหรือยุบสภาฯในที่สุด หอการค้าไทย ไม่หวั่นสภาฯเลื่อนเลือกนายกฯ รอได้ เพราะอยากได้นายกฯที่มีคุณสมบัติดี "อานันท์"หนุนรัฐบาลแห่งชาติ และการเมืองใหม่ สื่อนอกชี้ การเมืองไทย ยังไร้เสถียรภาพ
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การเลื่อนวันเลือกนายกรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรจากวันที่ 12 ก.ย. ไปเป็นวันที่ 17 กันยายนนี้ เป็นสิ่งที่ดีที่พรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกพรรคพลังงานประชาชน(พปช.)ส่วนหนึ่งคิดออกว่าหากรับนายสมัคร สุนทรเวชกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 จะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาเพิ่มขึ้นจึงถือเป็น 5 วันที่จะทำให้ความวิตกกังวลการเมืองผ่อนคลายไประดับหนึ่งสำหรับประชาชนแต่ก็เป็น 5 วันอันตรายที่บรรดาสส.และพรรคร่วมต้องกลับไปคิดว่าควรจะนำใครเสนอเป็นนายกฯคนใหม่
“รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดว่านายกฯต้องมาจากส.ส.ซึ่งหากพิจารณาหลักการพปช.ได้เสียงข้างมากก็น่าจะสรรหามาได้เห็นว่ายังพอมีอยู่อย่างนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็น่าจะเป็นได้เพราะจะประนีประนอมต่อทุกฝ่าย”นายสันติ กล่าว
สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีโอกาสแต่คงจะอยู่ได้ในระยะสั้น ๆ ในที่สุดก็จะยุบสภาฯเพื่อเปิดทางเลือกตั้ง ส่วนการเลือกยุบสภาฯในปัจจุบันในที่สุดปัญหาคดียุบพรรคก็จะเกิดขึ้นอีกก็จะวุ่นวายทำให้มีปัญหาท้ายสุดการเมืองจะไม่จบง่าย ซึ่งเอกชนต้องการให้การเมืองนิ่งและเร่งเดินหน้าเศรษฐกิจโดยเร็ว
นายสมมาตร ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสายงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ส.อ.ท.กล่าวว่า การเลือกโหวตนายกฯเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาอาจจะให้เวลาส.ส.ได้ตกลงกันน้อยเกินไปดังนั้น 5 วันที่เหลือเป็นโอกาสที่จะหาทางลงที่ดีที่สุดให้กับประเทศ แต่ถ้ายังดันทุรังกลับมาอีกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วเพราะสังคมให้คำตอบแล้วว่าไม่ควรกลับมา อย่างไรก็ตามหากหาข้อยุติไม่ได้จริงทางเลือกที่จะให้พรรคการเมือง 7 พรรคมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลซึ่งอาจจะเรียกว่ารัฐบาลแห่งชาติก็ได้มาบริหารบ้านเมืองและระหว่างนี้ก็ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางมาตราที่เห็นร่วมกันว่าควรแก้ไขแต่ไม่ใช่แก้ทั้งหมดแล้วก็ยุบสภาฯกลับมาเลือกตั้งใหม่
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ข้อเท็จจริงพรรคพลังประชาชน(พปช.)และพรรคร่วมทราบดีอยู่แล้วว่าการนำสมัครกลับมาเป็นนายกฯใหม่จะเกิดปัญหาแทนที่จะตกลงกันก่อนให้ชัดเจนแล้วค่อยมาโหวตแต่กลับคิดแค่เพียงจะเอาชนะกันเท่านั้น อย่างไรก็ตามการตั้งนายกฯที่มาจากพปช.ที่เป็นคนอื่นๆก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้หรือไม่หากไม่ได้ท้ายสุดคงต้องมองทางเลือกอื่นคือ การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และถ้ายังไม่ได้คงหนีไม่พ้นการยุบสภา
“ผมเห็นว่าถ้าหาข้อยุติไม่ได้กันในที่สุดก็คงหนีไม่พ้นยุบสภาฯเพราะเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนเพราะน่าจะเป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย แต่การเลือกตั้งใหม่จะต้องให้เกิดความเป็นธรรมในการหาเสียง การนับคะแนนเลือกตั้งจะต้องปรับวิธีที่จะทำอย่างไรให้มีคนกลางมาดูแลและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหีบเลือกตั้งต้องกำกับไม่ให้เกิดการเปลี่ยนคะแนนเสียง “นายเกียรติพงษ์ กล่าว
หอการค้าไทยขอนายกฯที่ซื่อสัตย์
นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่การประชุมสภาฯวันนี้ล่ม และไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพราะทุกพรรคการเมืองจะได้ใช้เวลาไตร่ตรองในการเลือกผู้นำ ซึ่งการเลื่อนประชุมสภาฯออกไปอีก 1 สัปดาห์ ถือว่ามีเวลามากพอที่จะสรรหานายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ โดยจุดยืนของหอการค้าไทยยังเหมือนเดิม คือต้องการนายกฯที่มีความซื่อสัตย์ จริยธรรม เป็นผู้นำที่ดี และมีความรู้ความสามารถ บริหารงานด้วยความโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
“ถือเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ที่สภาฯชะลอการตัดสินใจออกไป เพราะไม่อยากให้การสรรหาผู้นำประเทศ จับใครและยัดเข้าไป ซึ่งเชื่อว่าสัปดาห์หน้าก็คงได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจะไม่มีผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจที่ตกต่ำไปมากกว่านี้แล้ว เวลา 1 สัปดาห์สามารถรอได้” นายดุสิต กล่าว
"อานันท์"วอนทุกฝ่ายมีสติ
นายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ มองหาจุดยืนร่วมกัน และหาระเบียบวาระที่ใกล้กันเพราะตอนนี้จุดยืนทั้ง 2 ฝ่ายห่างไกลกันมาก และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของ 2 ฝ่าย แต่เป็นปัญหาของประเทศและทั้งหมดของสังคม ซึ่งปัญหาความแตกแยกนั้นต้องใช้เวลาในการแก้ไข ต้องมีสติและลดอารมณ์ลง ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของประเทศชาติ ซึ่งรุนแรงและวิกฤตมาก แต่หากดูประวัติศาสตร์ของทุกประเทศซึ่งมีปัญหาเหมือนกันก็สามารถที่จะผ่านวิกฤตไปได้ทั้งหมด และประเทศไทยซึ่งอยู่มาถึง 800 ปี ก็น่าจะผ่านไปได้
"ส่วนที่นายสมัครควรจะถอยหรือไม่ ผมไม่อยากใช้คำว่าถอยมันสื่อไปถึงตัวอย่างที่ไม่ต้องการข้อเท็จจริง มองหาผลประโยชน์ ส่วนคุณสมบัติของตัวบุคคลนั้นผมไม่อยากวิจารณ์ เพราะส่วนตัวผมไม่รู้จักคุณสมัครดีพอ ไม่อยากให้ความคิดเห็น"
สำหรับแนวคิดการมีรัฐบาลแห่งชาตินั้นทำได้ก็ดี แต่ยังไม่สรุปอยู่ที่การตีความให้ตรงกัน และให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ส่วนการเมืองใหม่ก็ดี เพราะว่าการเมืองเก่า ถึงทางตัน ไม่มีทางปรับปรุง แต่การเมืองใหม่ก็ต้องดูว่าคืออะไร ประชาชนต้องรู้สึกจริงใจ ซึ่งก็มีผู้จุดประกายขึ้นมา หลายองค์การในประเทศสามารถทำได้ พันธมิตรก็เริ่มทำ พรรคการเมืองก็ทำได้ หรือองค์กรต่างๆ ก็คิดได้ ถ้ามีความคิดดีๆ ก็คิดได้
"ผมว่าปัญหามันสับสน ทุกคนพูดให้ข่าว แต่ข่าวในประเทศไทยตอนนี้มีแต่การวิพากษ์วิจารณ์แต่ไม่วิเคราะห์ ผมไม่ชอบออกความเห็นในสิ่งที่ผมไม่รู้ และถ้าพูดแล้วไม่ช่วยอะไรก็เสียหน้ากระดาษเปล่า ๆ"
บิ๊กแบงก์โล่ง เลื่อนโหวตนายกฯ
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า เป็นการดีที่ทำให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาคิดพิจารณา ภาคธุรกิจต้องการเห็นผู้นำประเทศที่ทั้งคนไทยและต่างประเทศเชื่อมั่นในความสามารถ จะนำพาประเทศต่อไปได้ด้วยความสมานฉันท์ ไม่อยากให้มองแค่เพียงระยะสั้น แค่การแพ้หรือชนะ แต่ควรมีมุมมองในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวของประเทศ
คุณหญิงชฎากล่าวด้วยว่า การเมืองเป็นต้นทุนที่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศสูงมาก ตนจึงต้องการให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ จบโดยเร็วที่สุด
สื่อนอกชี้การเมืองไทยยังไร้เสถียรภาพ
ทางด้านสื่อมวลชนต่างประเทศ ยังคงเกาะติดรายงานข่าวสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิดเมื่อวานนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความล้มเหลวในการเปิดประชุมสภาช่วงเช้า หรือการที่ผู้ใกล้ชิดนายสมัครออกมาแถลงเมื่อคืนนี้ว่า นายสมัครถอนตัวไม่กลับมาเป็นนายกฯแล้ว
สื่อนอกไม่ว่าจะเป็น รอยเตอร์, เอเอฟพี, ซินหัว, เบอร์นามา, ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี ต่างรายงานเรื่องที่เกิดกบฎในพรรคพลังประชาชน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่สนับสนุนนายสมัครให้กลับมา
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพี, รอยเตอร์, เบอร์นามา, ซีเอ็นเอ็น ต่างชี้ว่า การเมืองไทยจะยังไร้เสถียรภาพ เนื่องจากตัวบุคคลที่มีการเอ่ยอ้างชื่อขึ้นมาว่า พรรคพลังประชาชนจะเสนอให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนั้น ยังคงมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เอเอฟพี บอกว่า พวกนักวิเคราะห์ทางการเมืองต่างเห็นว่า พรรคพลังประชาชนเวลานี้กำลังเผชิญกับปัญหาหนัก ที่จะต้องค้นหาผู้ที่เหมาะสมมาแทนที่นายสมัคร ซึ่งเป็นหนึ่งในนักการเมืองในประเทศไทยเพียงไม่กี่คน ที่ปรารถนาที่จะเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยกับบุคคลระดับสูงทั้งในวังและในฝ่ายทหาร
สำนักข่าวแห่งนี้ยังอ้างคำพูดของนายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า "ความยากลำบากของพรรคพลังประชาชนในตอนนี้อยู่ที่ว่า ถ้าหากไม่ใช่นายสมัครแล้ว ก็ไม่มีใครคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันนี้"
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การเลื่อนวันเลือกนายกรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรจากวันที่ 12 ก.ย. ไปเป็นวันที่ 17 กันยายนนี้ เป็นสิ่งที่ดีที่พรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกพรรคพลังงานประชาชน(พปช.)ส่วนหนึ่งคิดออกว่าหากรับนายสมัคร สุนทรเวชกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 จะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาเพิ่มขึ้นจึงถือเป็น 5 วันที่จะทำให้ความวิตกกังวลการเมืองผ่อนคลายไประดับหนึ่งสำหรับประชาชนแต่ก็เป็น 5 วันอันตรายที่บรรดาสส.และพรรคร่วมต้องกลับไปคิดว่าควรจะนำใครเสนอเป็นนายกฯคนใหม่
“รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดว่านายกฯต้องมาจากส.ส.ซึ่งหากพิจารณาหลักการพปช.ได้เสียงข้างมากก็น่าจะสรรหามาได้เห็นว่ายังพอมีอยู่อย่างนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็น่าจะเป็นได้เพราะจะประนีประนอมต่อทุกฝ่าย”นายสันติ กล่าว
สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีโอกาสแต่คงจะอยู่ได้ในระยะสั้น ๆ ในที่สุดก็จะยุบสภาฯเพื่อเปิดทางเลือกตั้ง ส่วนการเลือกยุบสภาฯในปัจจุบันในที่สุดปัญหาคดียุบพรรคก็จะเกิดขึ้นอีกก็จะวุ่นวายทำให้มีปัญหาท้ายสุดการเมืองจะไม่จบง่าย ซึ่งเอกชนต้องการให้การเมืองนิ่งและเร่งเดินหน้าเศรษฐกิจโดยเร็ว
นายสมมาตร ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสายงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ส.อ.ท.กล่าวว่า การเลือกโหวตนายกฯเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาอาจจะให้เวลาส.ส.ได้ตกลงกันน้อยเกินไปดังนั้น 5 วันที่เหลือเป็นโอกาสที่จะหาทางลงที่ดีที่สุดให้กับประเทศ แต่ถ้ายังดันทุรังกลับมาอีกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วเพราะสังคมให้คำตอบแล้วว่าไม่ควรกลับมา อย่างไรก็ตามหากหาข้อยุติไม่ได้จริงทางเลือกที่จะให้พรรคการเมือง 7 พรรคมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลซึ่งอาจจะเรียกว่ารัฐบาลแห่งชาติก็ได้มาบริหารบ้านเมืองและระหว่างนี้ก็ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางมาตราที่เห็นร่วมกันว่าควรแก้ไขแต่ไม่ใช่แก้ทั้งหมดแล้วก็ยุบสภาฯกลับมาเลือกตั้งใหม่
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ข้อเท็จจริงพรรคพลังประชาชน(พปช.)และพรรคร่วมทราบดีอยู่แล้วว่าการนำสมัครกลับมาเป็นนายกฯใหม่จะเกิดปัญหาแทนที่จะตกลงกันก่อนให้ชัดเจนแล้วค่อยมาโหวตแต่กลับคิดแค่เพียงจะเอาชนะกันเท่านั้น อย่างไรก็ตามการตั้งนายกฯที่มาจากพปช.ที่เป็นคนอื่นๆก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้หรือไม่หากไม่ได้ท้ายสุดคงต้องมองทางเลือกอื่นคือ การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และถ้ายังไม่ได้คงหนีไม่พ้นการยุบสภา
“ผมเห็นว่าถ้าหาข้อยุติไม่ได้กันในที่สุดก็คงหนีไม่พ้นยุบสภาฯเพราะเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนเพราะน่าจะเป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย แต่การเลือกตั้งใหม่จะต้องให้เกิดความเป็นธรรมในการหาเสียง การนับคะแนนเลือกตั้งจะต้องปรับวิธีที่จะทำอย่างไรให้มีคนกลางมาดูแลและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหีบเลือกตั้งต้องกำกับไม่ให้เกิดการเปลี่ยนคะแนนเสียง “นายเกียรติพงษ์ กล่าว
หอการค้าไทยขอนายกฯที่ซื่อสัตย์
นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่การประชุมสภาฯวันนี้ล่ม และไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพราะทุกพรรคการเมืองจะได้ใช้เวลาไตร่ตรองในการเลือกผู้นำ ซึ่งการเลื่อนประชุมสภาฯออกไปอีก 1 สัปดาห์ ถือว่ามีเวลามากพอที่จะสรรหานายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ โดยจุดยืนของหอการค้าไทยยังเหมือนเดิม คือต้องการนายกฯที่มีความซื่อสัตย์ จริยธรรม เป็นผู้นำที่ดี และมีความรู้ความสามารถ บริหารงานด้วยความโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
“ถือเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ที่สภาฯชะลอการตัดสินใจออกไป เพราะไม่อยากให้การสรรหาผู้นำประเทศ จับใครและยัดเข้าไป ซึ่งเชื่อว่าสัปดาห์หน้าก็คงได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจะไม่มีผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจที่ตกต่ำไปมากกว่านี้แล้ว เวลา 1 สัปดาห์สามารถรอได้” นายดุสิต กล่าว
"อานันท์"วอนทุกฝ่ายมีสติ
นายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ มองหาจุดยืนร่วมกัน และหาระเบียบวาระที่ใกล้กันเพราะตอนนี้จุดยืนทั้ง 2 ฝ่ายห่างไกลกันมาก และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของ 2 ฝ่าย แต่เป็นปัญหาของประเทศและทั้งหมดของสังคม ซึ่งปัญหาความแตกแยกนั้นต้องใช้เวลาในการแก้ไข ต้องมีสติและลดอารมณ์ลง ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของประเทศชาติ ซึ่งรุนแรงและวิกฤตมาก แต่หากดูประวัติศาสตร์ของทุกประเทศซึ่งมีปัญหาเหมือนกันก็สามารถที่จะผ่านวิกฤตไปได้ทั้งหมด และประเทศไทยซึ่งอยู่มาถึง 800 ปี ก็น่าจะผ่านไปได้
"ส่วนที่นายสมัครควรจะถอยหรือไม่ ผมไม่อยากใช้คำว่าถอยมันสื่อไปถึงตัวอย่างที่ไม่ต้องการข้อเท็จจริง มองหาผลประโยชน์ ส่วนคุณสมบัติของตัวบุคคลนั้นผมไม่อยากวิจารณ์ เพราะส่วนตัวผมไม่รู้จักคุณสมัครดีพอ ไม่อยากให้ความคิดเห็น"
สำหรับแนวคิดการมีรัฐบาลแห่งชาตินั้นทำได้ก็ดี แต่ยังไม่สรุปอยู่ที่การตีความให้ตรงกัน และให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ส่วนการเมืองใหม่ก็ดี เพราะว่าการเมืองเก่า ถึงทางตัน ไม่มีทางปรับปรุง แต่การเมืองใหม่ก็ต้องดูว่าคืออะไร ประชาชนต้องรู้สึกจริงใจ ซึ่งก็มีผู้จุดประกายขึ้นมา หลายองค์การในประเทศสามารถทำได้ พันธมิตรก็เริ่มทำ พรรคการเมืองก็ทำได้ หรือองค์กรต่างๆ ก็คิดได้ ถ้ามีความคิดดีๆ ก็คิดได้
"ผมว่าปัญหามันสับสน ทุกคนพูดให้ข่าว แต่ข่าวในประเทศไทยตอนนี้มีแต่การวิพากษ์วิจารณ์แต่ไม่วิเคราะห์ ผมไม่ชอบออกความเห็นในสิ่งที่ผมไม่รู้ และถ้าพูดแล้วไม่ช่วยอะไรก็เสียหน้ากระดาษเปล่า ๆ"
บิ๊กแบงก์โล่ง เลื่อนโหวตนายกฯ
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า เป็นการดีที่ทำให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาคิดพิจารณา ภาคธุรกิจต้องการเห็นผู้นำประเทศที่ทั้งคนไทยและต่างประเทศเชื่อมั่นในความสามารถ จะนำพาประเทศต่อไปได้ด้วยความสมานฉันท์ ไม่อยากให้มองแค่เพียงระยะสั้น แค่การแพ้หรือชนะ แต่ควรมีมุมมองในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวของประเทศ
คุณหญิงชฎากล่าวด้วยว่า การเมืองเป็นต้นทุนที่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศสูงมาก ตนจึงต้องการให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ จบโดยเร็วที่สุด
สื่อนอกชี้การเมืองไทยยังไร้เสถียรภาพ
ทางด้านสื่อมวลชนต่างประเทศ ยังคงเกาะติดรายงานข่าวสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิดเมื่อวานนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความล้มเหลวในการเปิดประชุมสภาช่วงเช้า หรือการที่ผู้ใกล้ชิดนายสมัครออกมาแถลงเมื่อคืนนี้ว่า นายสมัครถอนตัวไม่กลับมาเป็นนายกฯแล้ว
สื่อนอกไม่ว่าจะเป็น รอยเตอร์, เอเอฟพี, ซินหัว, เบอร์นามา, ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี ต่างรายงานเรื่องที่เกิดกบฎในพรรคพลังประชาชน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่สนับสนุนนายสมัครให้กลับมา
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพี, รอยเตอร์, เบอร์นามา, ซีเอ็นเอ็น ต่างชี้ว่า การเมืองไทยจะยังไร้เสถียรภาพ เนื่องจากตัวบุคคลที่มีการเอ่ยอ้างชื่อขึ้นมาว่า พรรคพลังประชาชนจะเสนอให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนั้น ยังคงมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เอเอฟพี บอกว่า พวกนักวิเคราะห์ทางการเมืองต่างเห็นว่า พรรคพลังประชาชนเวลานี้กำลังเผชิญกับปัญหาหนัก ที่จะต้องค้นหาผู้ที่เหมาะสมมาแทนที่นายสมัคร ซึ่งเป็นหนึ่งในนักการเมืองในประเทศไทยเพียงไม่กี่คน ที่ปรารถนาที่จะเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยกับบุคคลระดับสูงทั้งในวังและในฝ่ายทหาร
สำนักข่าวแห่งนี้ยังอ้างคำพูดของนายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า "ความยากลำบากของพรรคพลังประชาชนในตอนนี้อยู่ที่ว่า ถ้าหากไม่ใช่นายสมัครแล้ว ก็ไม่มีใครคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันนี้"
