xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ”จี้ พรรคร่วมฯถอนตัว เปิดช่องปฏิรูปการเมืองให้ดีขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“พิภพ” ตำหนิ “เติ้ง-พรรคร่วมฯ”เลิกเอาดีใส่ตัว โยนขี้พลังแม้วต้นเหตุทำสภาล่ม เรียกร้องทำความดีครั้งหนึ่งในชีวิตโดยเลิกอุ้มระบอบทักษิณเสียที เตรียมใช้ 5วันอันตรายเป็นโอกาสดี สื่อสารประชาชนถึงการเมืองใหม่ที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น ย้ำ เจตนารมณ์เพื่อสกัดกั้นนักการเมืองน้ำเน่าเข้ามาโกงกินชาติ พร้อมเรียกร้องคนไทยทุกหมู่เหล่าออกมาร่วมมือปฏิรูปการเมืองไทยให้ดีขึ้น

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้( 12 ก.ย.)ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 22.09น. นายพิภพ แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. บอกว่าให้สภาเป็นคนแก้ไขปัญหาการเมือง เมื่อวันเปิดประชุมสภา ปรากฏว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะพรรคพลงประชาชนจะยืนย้นเอานายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้อีก นั่นแสดงถึงความล้มเหลวของสภา ที่คงไม่สามารถหาทางออกทางการเมืองได้ วันนี้สังคมไทยถึงจุดที่เห็นตรงกันว่าต้องมีรัฐบาลแห่งชาติเพือสร้างการเมืองใหม่ แต่ในเวทีพันธมิตรฯ 5แกนนำยังไม่เคยเสนอเรื่องนี้ เราเสนอแต่ว่าให้มีการเมืองใหม่ ส่วนทีมาจะมีการเมืองใหม่ได้อย่างไรให้เป็นเรื่องของสังคม

นายพิภพ กล่าวว่า เราใช้เวลานานมาก ตลอดร้อยกว่าวันนี้ เราพูดเรื่องการเมืองใหม่ คนปฏิเสธ ติดแต่กับเรื่อง 70:30 แต่วันนี้แปลกใจมาก ที่แม้แต่นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ ก็ยังให้สัมภาษณ์ว่าการเมืองไทยน่าจะเป็นทางออกของสังคมไทย ใครๆบอกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าวันนี้เป็น 5 วันอันตราย ตนกลับคิดว่า 5วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของพันธมิตรฯเพื่อเสนอการเมืองใหม่ ตอนนี้สังคมทุกหมู่เหล่าตกผลึกแล้วว่าการเมืองใหม่เท่านั้นที่เป็นทางออก ทำให้เราภูมิใจ เยาวชนที่มาร่วมกับเราก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจที่จะมาร่วมสร้างการเมืองใหม่กับเรา ตอนนี้เรามีสองเวทีทั้งที่ทำเนียบฯ และมัฆวานฯ มีกลุ่มคนหลายช่วงอายุมาร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นวันดีเพราะสังคมได้ตระหนักว่าการเมืองเก่าถึงทางตัน แต่การเมืองใหม่ไม่ถึงทางตัน

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่จะพูดก็คือว่า เราจะสร้างการเมืองใหม่ภายในกรอบของรัฐสภาปัจจุบันได้หรือไม่ สังคมต้องมีทางออก ต้องฟังให้ดี เดี๋ยวจะหาว่าไปสนับสนุนนอกกรอบรัฐธรรมนูญ สังคมต้องมีทางออก เมื่อสังคมมีรัฐธรรมนูญ2550 มีสภาขึ้นมา แล้วบริหารงานล้มเหลว จนกระทั่งนายกฯก็ถูกปลดจากการสร้างหลักฐานเท็จและผลประโยชน์ทับซ้อน รัฐสภาก็ไม่สามารถจะหานายกฯคนใหม่ได้ เพราะพลังประชาชนดื้อด้าน อยากจะเลือกนายสมัครเข้ามาตามคำสั่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ส่วนพรรคร่วมก็ไมคิดถึงอนาคตของชาติ โดยเฉพาะนายบรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย

“ นายบรรหาร เคยทำความดีมาแล้วครั้งหนี่ง ในการแก้รัฐธรรมนูญ 2535 มาตรา 211 ทำให้เกิดการตั้งส.ส.ร. และเขียนรัฐธรรมนูญฉบับ 2540ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นการเมืองใหม่ สุดท้ายถูกทักษิณและไทยรักไทยฉีกเป็นชิ้นๆในขณะที่บริหารประเทศ5ปี แล้วคุณจาตุรนต์ (ฉายแสง) จะบอกว่าคมช.เป็นคนฉีกรัฐธรรมนูญไม่จริง แต่เป็นล้มรัฐธรรมนูญนี่จริง แต่คนที่ฉีกคือคุณทักษิณและคุณจาตุรนต์ และพรรคไทยรักไทย”นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญปี2540 มีไว้ก็เหมือนไม่มี เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่นำพาในกฎกติกาในรัฐธรรมนูญ2540เลย ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น มาถึงรัฐบาลนอมินีพรรคพลังประชาชน ก็ไม่นำพากับรัฐธรรมนูญ2550 โดยกล่าวอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่คมช.ได้สร้างส.ส.รและร่างขึ้นมา เท่านั้นยังไม่พอ ยังไม่ปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมที่มีคำตัดสินออกมา

“เห็นได้ชัดเจนเลยว่า พรรคพลังประชาชนก็ดี พรรคไทยรักไทยก็ดี ทักษิณก็ดี สมัครก็ดี ไม่ว่าจะเขียนกฎหมายดีอย่างไร ไม่ว่าคำพิพากษาจะมีเหตุผลดียังไงก็แล้วแต่ ถ้าเป็นคำพิพากษาที่ตัดสินว่าตัวเองผิด ก็จะไม่นำพาและปฏิเสธตลอดการ”นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวว่า เมื่อมาถึงทางออกของการเมืองใหม่ ในระบบรัฐสภาทำไม่ได้ ไม่เฉพาะพรรคพลังประชาชนเท่านั้นทีขัดขวาง พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังขาดสำนึกที่จะหาทางออกทางการเมือง ทั้งที่นายบรรหารอาวุโสสูงสุดในการเมืองขณะนี้ ถ้าคิดจะทำความดีเพื่อแผ่นดินสักครั้งถอนตัวออกจากรัฐบาลเลยได้ไหม ไม่ต้องกุลีกุจอเข้าไปร่วมรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งเพราะคุณแก่มากแล้วในทางการเมือง หวังว่าพูดวันนี้นายบรรหารคงจะได้ยิน

นายพิภพ กล่าวต่อว่า นี่เป็นทางออกในระบอบรัฐสภาที่จะสร้างการเมืองใหม่ ทั้งๆที่สังคมหดหู่ มองไม่เห็นว่านักการเมืองในพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งถึงทางตันทางการเมือง รู้ก็รู้ว่า ถ้าพรรคพลังประชาชนยังเป็นรัฐบาลอยู่ไมว่าเลือกกี่ ส. มาเป็นนายกฯ พันธมิตรฯก็ไม่ยอม ทีไม่ยอมก็มีเหตุผลเพราะพรรคพลังประชาชนพิสูจน์แล้วว่าเป็นนอมินีของทักษิณ และทักษิณก็พิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นแล้วว่ามีหลักฐานที่นำไปสู่การทุจริตคอรับชั่นจนเข้าสู่ศาลหลายคดี และมีผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคพลังประชาชนก็เช่นเดียวกันมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่เคารพกฎหมาย รัฐมนตรีทำผิดกฎหมายก็ยังมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ นายสมัครก็ยังตั้งกลับเข้ามาอีก และวันนี้พรรคพลังประชาชนก็จะตบหน้าศาลโดยเสนอชื่อนายสมัครกลับเข้ามาอีกโดยไม่แคร์คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าอย่างนี้มีเหตุผลอะไรที่จะให้พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลได้อีก

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ระบบการเมืองเราพังพินาจ ทั้งที่ประเทศเราร่ำรวย ธุรกิจท่องเที่ยวก็ดีมาก ใครก็อยากจะมา แต่เพราะนักการเมืองเก่า ทำให้เศรษฐกิจทุลักทุเลมาตลอดเวลา ฉะนั้นวันนี้พรรคพลังประชาชนถ้ายังไม่ยอมจำนนทางการเมือง ยังจะดื้อด้าน ที่จะตั้งรัฐบาลให้ได้ และเอาส.ส.ของตัวเองเข้ามาเป็นนายกฯให้ก็ต้องเจอดีกับพันธมิตรฯ อย่าง

ทั้งนี้นายพิภพ กล่าวว่า ต้องกลับไปถามผู้มีบารมีมีอำนาจในบ้านเมือง ถ้าระบบรัฐสภาไปไม่ได้ จะหาทางออกกันยังไง เพราะสังคมต้องมีทางออก ฉะนั้นต้องช่วยกันผลักดันไม่ให้สภานี้สามารถตั้งรัฐบาลได้โดยพรรคพลังประชาชน ต้องหาทางออกให้ได้ เราเองก็ครุ่นคิดเรื่องนี้ว่าทางออกเป็นยังไง เดิมทีเรามีความหวังว่ารัฐสภาจะร่วมมือกันเมื่อนายสมัครถูกลงโทษ แต่สุดท้ายรัฐสภาก็ยังทำการเมืองแบบน้ำเน่าอยู่ จะกลับไปที่พรรคพลังประชาชนและที่นายสมัคร ถ้าอย่างนี้จะมีสภาไว้ทำไม

นายพิภพ กล่าวว่า ที่พูดอย่างนี้ก็ไม่ใช่ต้องการล้มจะระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไม่ใช่ไม่เคารพเสียงของประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามา แต่พูดหลายครั้งแล้วว่า เวลาอ้างประชาชนเลือกตั้งเข้ามาต้องจำแนก เชื่อว่าพีน้องอีสานเหนือก็ดีที่เลือกส.ส.เข้ามา คิดว่าเขาไม่ได้ต้องการเลือกให้มาโกงกินแน่ๆ เชื่อเถอะคนเหนือคนอีสาน ดูได้จากคนที่เกณฑ์มากับนปช. ว่าจะให้มาให้กำลังใจนายสมัคร แต่พอรู้ว่าจะให้ปะทะกับพันธมิตรฯ กลับทันทีเลย

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น จึงอยากจำแนกว่า อย่าตีขลุมว่าคนอีสานคนเหนือ เลือกคุณเข้ามาเป็นส.ส.เสียงส่วนมากแล้วตั้งรัฐบาล แล้วคุณจะทำอะไรตามใจชอบได้ไม่เชื่อว่าคนที่ลงคะแนนเสียงโดยตั้งใจจะให้ส.ส.เหล่านี้ไปโกงกินบ้านเมือง เมื่อคนเมือง จะไล่รัฐบาลก็ไม่ใช่เพราะไม่พอใจคนชนบท และไม่เห็นด้วยกับคนชนบท คนเมืองได้อดกลั้นในการดูว่าส.ส. ที่ได้รับเสียงสว่นใหญ่จากชนบท มาบริหารบ้านเมืองอย่างไร เฝ้าดูการแต่งตั้งรมต.และการทำงาน สุดท้ายเมื่อพบว่าจะมาเป็นนอมินีทักษิณ และให้ทักษิณหลุดจากคดี และจะทุจริตคอรัปชั่นใหญ่โต ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่คนเมืองจะไล่รัฐบาล

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ทราบว่าคนชนบทที่เลือกส.ส.เข้ามาเมื่อได้ดูเอเอสทีวี แท็กซี่เมื่อได้ฟังข้อมูลอีกด้านก็แปลกใจว่าส.ส.ที่เขาเลือกมากำลังทำหน้าที่ผิดไปจากที่พูดไว้ แต่กลับมาทุจริตคอรัปชั่น เขาเปลียนใจเลย หลายคนกลับมาเป็นพันธมิตรฯเลย ฉะนั้นตัองจำแนกให้ดี อย่าเอาแต่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและอย่างอ้างว่าตัวเองมีเสียงส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของประชาชน ไม่จริง เป็นตัวแทนของคนบางกลุ่มเท่านั้นเอง แล้วที่ได้มาก็หลอกประชาชนด้วยการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

อย่างไรตาม นายพิภพ กล่าวว่า พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ไปกล่าวว่าร้ายคนชนบทว่าถูกหลอกง่าย ไม่ใช่ คนชนบทก็มีเหตุผลของเขา ในการจะเลือกส.ส.หรือไม่เลือกส.ส.คนใด และมีเหตุผลในการรับเงินเพราะสังคมชนบทไม่เหมือนสังคมเมือง เพราะถ้าปฏิเสธผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เพียงแค่ไม่รับเงินก็ถือว่าเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นแล้ว ฉะนั้นการรับเงินไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไม่ดี แต่การซื่อสัตย์ที่รับเงินมาแล้วก็ต้องลงคะแนนให้ อันนั้นเป็นจิตวิญญาณของคนชนบท แต่คนชนบทก็ไม่ได้ต้องการให้นักการเมืองของตนเองมาโกงกินแผ่นดิน มิฉะนั้นกระแสทักษิณก็ลดลงเรื่อยๆ แม้แต่ในชนบทก็เริ่มไม่นิยมทักษิณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดนั้นก็มีเหตุจากสื่อ

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นสิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดว่าจะไปจัดการเอ็นบีทีเป็นเพียงตัวอย่างว่าจะไปจัดการให้สื่อของรัฐทั้งหมด จะต้องไม่เป็นสื่อที่พูดแต่สิ่งโกหกและด้านเดียวจนคนไม่รู้ความจริง นั่นคือความหมายของนายสนธิ อย่างไรก็ตาม ลึกๆตนยังเชื่อมาตรฐานจริยธรรมสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมพุทธศาสนา และได้สร้างพื้นฐานจริยธรรมไว้กับสังคมพอสมควร แต่ปัญหาคนเวลาจะตัดสินในเรื่องจริยธรรมและคุณความดีจะต้องมีข้อมูลประกอบด้วย ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำคือให้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายพิภพ กล่าวว่า 5 วันอันตรายนี้จะต้องใข้ประโยชน์ในการสื่อสารว่าการเมืองเก่าสร้างปัญหาอะไรและการเมืองใหม่ควรจะทำอะไรให้ลงลึกเรื่อยๆ เพื่อตุ้นสำนึกต่อมจริยธรรมของสังคมโดยวงกว้าง ให้เห็นว่าปัญหาที่เราเผชิญหน้านี้เป็นปัญหาทางจริยธรมด้วยไม่ใช่ทางกฎหมายเท่านั้น

“ฉะนั้นเตือนนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าไปโทษพรรคพลังประชาชนอย่างเดียวไม่ได้ ว่าเป็นตัวปัญหาจะเสนอนายสมัคร เลยไม่เข้าร่วม คุณก็รู้ว่าพรรคพลังประชาชนต้องการที่จะเป็นนายกฯเพื่อจะอุ้มทักษิณ ทำไมคุณยังยืนหยัดที่จะสนับสนุนเขาอยู่ ฉะนั้นคุณอย่าโทษพรรคพลังประชาชน คุณต้องโทษตัวเองด้วยครับพรรคร่วมฯ”นายพิภพ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายพิภพ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุด เป็นช่วงจังหวะที่ทางสังคมเห็น ซึ่งไม่เคย สังคมในอดีตหลายสิบปีที่แล้วที่ดวงตาเห็นธรรมร่วมกันขนาดนี้ว่าการเมืองเก่าไปไม่ได้ ฉะนั้นตอนนี้ สังคมต้องระดมความคิดทุกภาคส่วน ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะสร้างการเมืองใหม่ โดยอาศัยสภาชุดนี้ได้หรือไม่ ถ้าอาศัยไม่ได้ จะอาศัยกลไกอะไรของสังคมในการสร้างการเมืองใหม่ นี่เป็นโจทย์ ที่วันนี้ต้องคิดให้ออก เพราะถ้า 5 วันนี้คิดไม่ออก แล้วการเมืองล้มลุกคุกคลาน ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยเสียเลือดเนื้อ อยากให้เปลี่ยนแปลงเที่ยวนี้ต้องเสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด และไม่ใช่เกิดจากการต้องการการเปลี่ยนแปลงแล้วถึงจะต้องมีการล้มตาย

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ผู้มีบารมีมีอำนาจในสังคม ซึ่งไม่ได้หมายถึงทหาร แต่สังคมมีผู้มีบารมีผู้มีอำนาจเยอะแยะไปหมด ในกลุ่มต่างๆ เพียงแต่ท่านจะกล้าออกมายืนข้างหน้า บอกว่าต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองด้วยสันติวิธีและไม่เสียเลือดเนื้อได้หรือยัง ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา หมอ นักธุรกิจ ผู้มีอาชีพทุกอาชีพ ผู้มีบารมีในสังคมทุกจุด ทหาร ตำรวจที่คิดดีคิดชอบ ส.ส. ส.ว. ต้องออกมายืน ว่าเราไม่พร้อมที่จะให้การเมืองเก่าเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปสู่การเมืองใหม สังคมต้องเป็นคนเปลี่ยนแปลงเอง ทุกคนออกมาเลย เชื่อว่า ทุกคนที่มีตำแหน่งมีฐานะมีอาชีพทุกอาชีพ ถ้าไม่ออกมาวันนี้แล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นสังคมไทยถึงหายนะแน่ และถ้าไม่ออกมาในช่วงนี้ ช่วงเวลาดีๆอย่างนี้ ที่สังคมพร้อมจะเปลี่ยนแปลง ท่านจะหมดโอกาส เพราะอีก10ปีทักษิณจะครองต่อไป เราไม่ยอมแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น