xs
xsm
sm
md
lg

“เลห์แมน”ประกาศแผนขายสินทรัพย์ นักลงทุนยังไม่มั่นใจดันราคาหุ้นตกต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของวอลล์สตรีท ที่กำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เมื่อวันพุธ(10) เปิดเผยแผนการที่จะตัดทิ้งสินทรัพย์ที่มีปัญหาและขายหุ้นในธุรกิจกองทุนเพื่อการลงทุนออกไป เพื่อหาเงินทุนเข้ามาต่อชีวิตของแบงก์ อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวคราวนี้ดูจะยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน และส่งผลให้ราคาหุ้นเลห์แมนลงไปแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่
เลห์แมนยังประกาศในวันพุธถึงผลประกอบการในไตรมาสสามปีนี้ ซึ่งขาดทุน 3,900 ล้านดอลลาร์ และนับเป็นผลขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่แบงก์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1850 โดยพ่อค้าฝ้ายชาวเยอรมนีที่อพยพมาอยู่ในสหรัฐฯ การขาดทุนครั้งนี้ทำให้เลห์แมนประกาศลดเงินปันผลลงมากกว่า 90%

“นี่เป็นมาตรการสุดท้ายของเลห์แมน” บิลล์ ฟิตซ์แพททริก นักวิเคราะห์จากออปติก แคปิตอล แมเนจเมนท์กล่าว “พวกเขาพยายามระดมเม็ดเงินใหม่ๆ จากพวกกองทุนความมั่งคั่งภาครัฐ รวมทั้งจากที่อื่น ๆ แต่มันก็ไม่เป็นผล ทำให้ต้องนำเอาธุรกิจต่าง ๆออกมาขาย ซึ่งจะส่งให้รายได้ของแบงก์ในอนาคตลดลงอย่างมาก”
ดิ๊ก ฟัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเลห์แมนระบุว่าถ้ามีคนมาขอซื้อแบงก์ทั้งกิจการก็จะพิจารณาด้วยเช่นกัน แต่เขาก็เน้นว่าจะพยายามรักษาแบงก์ไว้มิให้ต้องถูกควบรวมไว้จนถึงที่สุด
ราคาหุ้นของเลห์แมนปิดวันพุธ โดยลดลงอีก 94 เซนต์ หรือ 12% จนอยู่ที่ 6.85 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อคืนวันพุธ หลังจากที่วันอังคารลดลงไปแล้วถึง 45%
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายยักษ์ใหญ่ ระบุในรายงานว่า เลห์แมนเป็นเหยื่อรายล่าสุดของวิกฤตสภาพคล่องในตลาดโลก “และกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตความเชื่อมั่นรุนแรง”
วานิชธนกิจใหญ่เป็นอันดับสี่ของสหรัฐฯแห่งนี้ ตกอยู่ในภาวะลำบากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะการตัดผลขาดทุนจำนวนมหาศาล รวมทั้งข่าวลือที่ว่าลูกค้าละทิ้งเลห์แมนไปกันหมดแล้ว ตลอดจนข่าวของการถูกเทคโอเวอร์กิจการในราคาถูกอย่างสุดแสน พวกที่ทำชอร์ท (บอกขายหุ้นล่วงหน้าด้วยความเชื่อว่าราคาในอนาคตจะลดต่ำลงจากปัจจุบัน) ต่างพูดกันว่าเลห์แมนอยู่ในสถานะเงินทุนหดหายจนไม่พอเพียงต่อการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น พวกเขาจึงพากันกระหน่ำทุบราคาหุ้นตัวนี้
การตัดสินใจของรัฐบาลเข้าแทรกแซงใน แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นสองสถาบันสินเชื่อที่อยู่อาศัยยักษ์ใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมทางการสหรัฐฯก็ได้เข้ามามีบทบาทในการเทคโอเวอร์วาณิชธนกิจแบร์สเติร์นส์ โดยทั้งสองกรณีเป็นไปเพื่อป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามจนส่งผลต่อระบบการเงินของโลก ซึ่งทำให้เกิดการถกเถียงกันว่าทางการวอชิงตันจะเข้าแทรกแซงกรณีเลห์แมนอีกหรือไม่
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณากันมากอยู่ที่ว่า ณ ช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่สอง เลห์แมนลงบัญชีว่าแบงก์มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่มากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นกว่าสองเท่าตัวของมูลค่าสุทธิของแบงก์ เมื่อวัดด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น
ตามแผนการที่เลห์แมนแถลงในวันพุธนั้น ทางแบงก์จะขายหุ้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ตัวเองมีอยู่ในอังกฤษ ให้แก่ แบล็กร็อก อิงก์ เป็นมูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งยังจะขายสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังวางแผนจะแยกพวกสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ มูลค่า 25,000 – 30,000 ล้านดอลลาร์ ออกไปบริหารต่างหากโดยตั้งเป็นบริษัทชื่อ เรียล เอสเตท อิสเวสเมนท์ โกลบอล (อาร์อีไอ โกลบอล) ในช่วงไตรมาสหนึ่งปีหน้า
หลังจากนั้นเลห์แมนจะอัดฉีดเงินราว 5,000 ถึง 7,500 ล้านดอลลาร์ เข้าสู่บริษัทดังกล่าว รวมทั้งให้ยืมเงินเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้เลห์แมนยังวางแผนที่จะขายหุ้นในธุรกิจบริหารสินทรัพย์และลงทุนหลายแห่งออกไป ซึ่งรวมทั้งนิวเบอร์เกอร์ เบอร์แมน ซึ่งว่าเป็นเพชรยอดมงกุฎของเลห์แมนด้วย ซคาดกันว่าเลห์แมนจะประกาศขายหุ้นได้ในเดือนตุลาคม เงินที่ได้จากการขายหุ้นเหล่านี้จะนำเข้าไปอัดฉีดสู่บริษัทอาร์อีไอ โกลบอล
เลห์แมนกล่าวด้วยว่าตอนนี้ได้เจรจากับพันธมิตรธุรกิจหลายราย และก็มีความก้าวหน้าไปมาก และในวันศุกร์จะมีการเสนอราคาครั้งสุดท้าย
บรรดานักวิเคราะห์คาดกันว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์น่าจะมีมูลค่าราว 8,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าตามราคาตลาดหุ้นของกิจการเลห์แมนทั้งหมด ที่ตอนนี้มูลค่าลดเหลือเพียง 5,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
เลห์แมนยังประกาศลดเงินปันผลลง 5 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิม 68 เซนต์ซึ่งทำให้ประหยัดเงินไปได้ 450 ล้านดอลาร์ต่อปี และก็บอกว่าได้ลดคนงานไปแล้วถึง 1,500 ตำแหน่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่กระนั้น ก็มีรายงานว่าพวกพนักงานยังวิตกจะมีการปลดพนักงานต่อไปอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น