รอยเตอร์/เอเอฟพี - ผู้นำหมายเลขสองของเกาหลีเหนือระบุวานนี้(10)ว่า คิมจองอิล ผู้นำสูงสุดของโสมแดงไม่ได้ล้มป่วย และปฏิเสธที่มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจในประเทศที่ถูกฝ่ายตะวันตกหมิ่นว่าถูกปกครองโดย"ราชวงศ์คอมมิวนิสต์"แห่งแรกของโลก ขณะที่หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้แจ้งกับรัฐสภาว่า คิมมีอาการเส้นเลือดสมองแตก ทว่ายังสามารถบริหารประเทศได้
เป็นที่คาดกันว่าคิม จอง-อิลนั้นกำลังล้มป่วยจากโรคเรื้อรังที่เป็นมานาน เขาจึงถูกเฝ้าจับตาเมื่อไม่ได้มาปรากฏตัวในพิธีสวนสนามฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งประเทศเมื่อวันอังคาร(9) ขณะเดียวกัน สำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวว่าผู้นำที่โดดเดี่ยวจากโลกภายนอกคนนี้ อาจกำลังป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมองแตก
ทางด้าน ส.ส.วอนฮียัง ของโสมขาวพร้อมกับ ส.ส.อีกหลายคนเปิดเผยวานนี้ว่า พวกเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(เอ็นไอเอส)ของเกาหลีใต้ ได้แถลงแก่รัฐสภาในวาระประชุมลับว่า ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก จึงไม่อยากปรากฏตัวต่อสาธารณชน ทว่าเขายังพูดได้อย่างไม่ลำบากอะไร และน่าจะหายป่วยได้ ตลอดจนสามารถบริหารประเทศต่อไปได้
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเกียวโดรายงานจากกรุงเปียงยางว่า คิมยองนัม ผู้นำลำดับสองของเกาหลีเหนือ ได้แถลงยืนยันว่า คิมจองอิล "ไม่มีปัญหาอะไร" นอกจากนั้นยังมี ซองอิลโฮ เจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของเกาหลีเหนือได้ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า "รายงานข่าวดังกล่าวไม่เพียงไร้สาระ แต่ยังเหมือนเป็นแผนสมรู้ร่วมคิดกันอีกด้วย"
ทั้งนี้ ฝ่ายตะวันตกรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านต่างวิตกว่า หากคิมป่วยหนักก็จะเกิดสุญญากาศทางอำนาจครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในประเทศที่มักขู่อยู่เสมอๆ ว่าจะถล่มประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ให้เป็นผุยผง อีกทั้งยังทำการทดลองยิงขีปนาวุธโดยหันทิศทางไปยังญี่ปุ่น และเดินหน้าสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อท้าทายกองทัพสหรัฐฯ
ข่าวลือการป่วยของผู้นำโสมแดงคราวนี้ จึงมีผลประธานาธิบดีลีเมียงบัค แห่งเกาหลีใต้ เรียกประชุมด่วนกับทีมที่ปรึกษาอาวุโสเพื่อถกปัญหาเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์มีท่าทีระมัดระวังเรื่องการติดตามข่าวการปรากฏตัวของคิมต่อที่สาธารณะ เพราะคิมนั้นอาจจะหายหน้าหายตาไปนานเป็นเดือนๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็ปรากฏว่าเขาไปตระเวนตรวจฐานทัพของทหารหรือฟาร์มเลี้ยงเป็ดได้เช่นกัน
แม้ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้จะยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อรายงานเรื่องความเจ็บป่วยของคิม ทว่านักลงทุนต่างก็ห่วงเรื่องความเสี่ยงที่มีอยู่ เพราะหากคิมป่วยหนักจริงๆ หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ความไร้เสถียรภาพและความผันผวนทางการเมืองของเกาหลีเหนือ อาจจะมาเพิ่มความเสี่ยงในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ให้กับเกาหลีใต้
ทั้งนี้ มีผลการศึกษาระบุว่า เกาหลีใต้อาจต้องใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์รองรับในกรณีที่ประเทศเกาหลีเหนือล่มสลาย เพราะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเกาหลีเหนือนั้นชำรุดทรุดโทรมไปมาก ซึ่งเท่ากับว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสี่ในเอเชียอาจสั่นคลอนตามไปด้วย
สำนักข่าวกรองของเกาหลีใต้เคยออกรายงานเมื่อปี 2006 ว่าหากคิมเสียชีวิต รัฐบาลเกาหลีเหนือคงจะอยู่ในสภาพโคมาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และคงลงเอยด้วยการที่พวกทหารระดับสูงช่วงชิงอำนาจกันเอง โดยอาจใช้วิธีการร่วมมือกับบุตรชายคนใดคนหนึ่งของคิมในจำนวนสามคน เนื่องจากคิมนั้นยังไม่ได้วางตัวให้บุตรคนใดเป็นผู้สืบทอดอำนาจของเขาโดยตรง ผิดกับเมื่อครั้งที่เขาได้รับการแต่งตั้งจากบิดาของเขา อดีตประธานาธิบดีคิมอิลซุง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศ ให้เป็นผู้นำคนต่อไป ภายหลังจากที่คิม อิลซุงเสียชีวิตเมื่อปี 1994
เป็นที่คาดกันว่าคิม จอง-อิลนั้นกำลังล้มป่วยจากโรคเรื้อรังที่เป็นมานาน เขาจึงถูกเฝ้าจับตาเมื่อไม่ได้มาปรากฏตัวในพิธีสวนสนามฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งประเทศเมื่อวันอังคาร(9) ขณะเดียวกัน สำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวว่าผู้นำที่โดดเดี่ยวจากโลกภายนอกคนนี้ อาจกำลังป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมองแตก
ทางด้าน ส.ส.วอนฮียัง ของโสมขาวพร้อมกับ ส.ส.อีกหลายคนเปิดเผยวานนี้ว่า พวกเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(เอ็นไอเอส)ของเกาหลีใต้ ได้แถลงแก่รัฐสภาในวาระประชุมลับว่า ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก จึงไม่อยากปรากฏตัวต่อสาธารณชน ทว่าเขายังพูดได้อย่างไม่ลำบากอะไร และน่าจะหายป่วยได้ ตลอดจนสามารถบริหารประเทศต่อไปได้
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเกียวโดรายงานจากกรุงเปียงยางว่า คิมยองนัม ผู้นำลำดับสองของเกาหลีเหนือ ได้แถลงยืนยันว่า คิมจองอิล "ไม่มีปัญหาอะไร" นอกจากนั้นยังมี ซองอิลโฮ เจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของเกาหลีเหนือได้ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า "รายงานข่าวดังกล่าวไม่เพียงไร้สาระ แต่ยังเหมือนเป็นแผนสมรู้ร่วมคิดกันอีกด้วย"
ทั้งนี้ ฝ่ายตะวันตกรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านต่างวิตกว่า หากคิมป่วยหนักก็จะเกิดสุญญากาศทางอำนาจครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในประเทศที่มักขู่อยู่เสมอๆ ว่าจะถล่มประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ให้เป็นผุยผง อีกทั้งยังทำการทดลองยิงขีปนาวุธโดยหันทิศทางไปยังญี่ปุ่น และเดินหน้าสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อท้าทายกองทัพสหรัฐฯ
ข่าวลือการป่วยของผู้นำโสมแดงคราวนี้ จึงมีผลประธานาธิบดีลีเมียงบัค แห่งเกาหลีใต้ เรียกประชุมด่วนกับทีมที่ปรึกษาอาวุโสเพื่อถกปัญหาเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์มีท่าทีระมัดระวังเรื่องการติดตามข่าวการปรากฏตัวของคิมต่อที่สาธารณะ เพราะคิมนั้นอาจจะหายหน้าหายตาไปนานเป็นเดือนๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็ปรากฏว่าเขาไปตระเวนตรวจฐานทัพของทหารหรือฟาร์มเลี้ยงเป็ดได้เช่นกัน
แม้ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้จะยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อรายงานเรื่องความเจ็บป่วยของคิม ทว่านักลงทุนต่างก็ห่วงเรื่องความเสี่ยงที่มีอยู่ เพราะหากคิมป่วยหนักจริงๆ หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ความไร้เสถียรภาพและความผันผวนทางการเมืองของเกาหลีเหนือ อาจจะมาเพิ่มความเสี่ยงในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ให้กับเกาหลีใต้
ทั้งนี้ มีผลการศึกษาระบุว่า เกาหลีใต้อาจต้องใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์รองรับในกรณีที่ประเทศเกาหลีเหนือล่มสลาย เพราะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเกาหลีเหนือนั้นชำรุดทรุดโทรมไปมาก ซึ่งเท่ากับว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสี่ในเอเชียอาจสั่นคลอนตามไปด้วย
สำนักข่าวกรองของเกาหลีใต้เคยออกรายงานเมื่อปี 2006 ว่าหากคิมเสียชีวิต รัฐบาลเกาหลีเหนือคงจะอยู่ในสภาพโคมาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และคงลงเอยด้วยการที่พวกทหารระดับสูงช่วงชิงอำนาจกันเอง โดยอาจใช้วิธีการร่วมมือกับบุตรชายคนใดคนหนึ่งของคิมในจำนวนสามคน เนื่องจากคิมนั้นยังไม่ได้วางตัวให้บุตรคนใดเป็นผู้สืบทอดอำนาจของเขาโดยตรง ผิดกับเมื่อครั้งที่เขาได้รับการแต่งตั้งจากบิดาของเขา อดีตประธานาธิบดีคิมอิลซุง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศ ให้เป็นผู้นำคนต่อไป ภายหลังจากที่คิม อิลซุงเสียชีวิตเมื่อปี 1994
