ผู้จัดการรายวัน – ตลาดแอร์อุตสาหกรรมยังหมุนล้อต่อไปได้ แม้สถานการณ์ในประเทศจะส่อเค้ากระทบเรื่องการลงทุน เหตุบริษัทข้ามชาติที่มีฐานผลิตในไทย ยังเดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง “สยามเทมป์” สบช่องโกยรายได้ เปิดตัว “แอร์ เทมป์ เฟชร แอร์” แอร์เฉพาะจุด จับช่องว่างระหว่างแอร์บ้านและแอร์อุตสาหกรรม คาดใน 1 ปี กวาดส่วนแบ่งได้ 30% ของตลาดแอร์ให้ความเย็นเฉพาะจุดมูลค่า 1,000 ล้านบาท
นายอรุณ เอี่ยมสุรีย์ กรรมการผู้จัดการ สยามเทมป์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรม แบรนด์ แอร์เทมป์ (Airtemp) ที่ได้รับไลเซ่นส์จากบริษัท Chrysler ในประเทศสหรัฐอเมริกามากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนอย่างมาก ซึ่งธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมแล้ว เมื่อพูดถึงการลงทุนในระยะอันใกล้นี้ ต่างก็จะมีการพิจารณาที่รอบครอบมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะขอรอดูสถานการณ์ไปก่อนจึงจะกลับมาคิดในเรื่องการลงทุนกันใหม่
แต่สำหรับกลุ่มบริษัทต่างชาติที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทยแล้ว ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก ดังนั้นบริษัทฯข้ามชาติเหล่านี้ยังคงที่จะเดินหน้าขยายการลงทุนมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการขยายโรงงานเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกของประเทศที่ส่วนหนึ่งมาจากบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ยังเป็นตัวเลขที่ดีอยู่
ดังนั้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญเป็นฐานใหญ่ ที่ส่งผลให้มูลค่าตลาดเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรมสูงถึงปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมี แอร์เทรน เป็นผู้นำตลาด ขณะที่แอร์เทมป์ มีส่วนแบ่งในตลาดเพียง 2%
ทั้งนี้บริษัทฯไม่ได้ต้องการเข้ามาแข่งขันกับเจ้าตลาดที่มีอยู่แล้วประมาณ 2-3 รายแต่อย่างไร แต่เราต้องการที่จะเข้ามาจับตลาดนีชของตลาดแอร์อุตสาหกรรมมากกว่า โดยจะชูเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านเอ็นจิเนียร์ ล่าสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯจึงได้มีการพัฒนาระบบแอร์อุตสาหกรรม เรียกว่า “แอร์เทมป์ เฟรชแอร์” เป็นระบบแอร์ที่ให้ความเย็นเฉพาะจุด ออกแบบให้ใช้ปรับอากาศสำหรับสถานที่เปิดโดยตรง
โดยปีนี้ได้เริ่มทำการตลาดในประเทศไทยไปบ้างแล้ว ขณะนี้มีลูกค้าตอบรับการติดตั้งแล้ว 2 ราย คือ บริษัท ไทยยามาซากิ จำกัด ผู้ผลิตเบเกอรี่และเค้กสไตล์ญี่ปุ่นยี่ห้อยามาซากิ และบริษัท วายเคเค(ไทยแลนด์)จำกัด ผู้ผลิตซิปและกระดุมรายใหญ่ ซึ่งมูลค่าการติดต่อต่อบริษัทอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท หลังจากนี้คาดว่าจะมีตอบรับเข้ามาอีกหลายราย จากกลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆที่เข้าไปติดต่อไว้
สำหรับเฟรชแอร์ ถือเป็น ระบบแอร์เฉพาะจุดที่อยู่ในช่องว่างตลาดระหว่างแอร์อุตสาหกรรมและแอร์บ้าน ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการระบบแอร์เฉพาะจุดค่อนข้างสูง แต่ในตลาดยังไม่มีผู้เล่นอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการดัดแปลงแอร์ที่มีอยู่มาสู่ระบบให้ความเย็นเฉพาะจุดมากกว่า ซึ่งความต้องการแอร์เฉพาะจุดนี้ มองว่าต่อปีมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาท คาดว่าหลังจากที่บริษัทฯเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ภายใน 1 ปีหลังจากนี้จะมีส่วนแบ่งถึง 30%
โดยบริษัทฯจะมีการทำตลาดในลักษณะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง มองลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก มุ่งเน้นให้ความรู้ และคุณสมบัติพิเศษของตัวแอร์เฟรช ถึงแม้ว่าจะมีค่าติดตั้งสูงกว่าแอร์บ้านกว่า 40% แต่ระยะเวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถคืนทุนได้ ส่วนตลาดต่างประเทศ บริษัทฯได้เข้าไปทำตลาดในแถบตะวันออกกลางมากว่า 2 ปีแล้ว ผลตอบรับดีมาก คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีสัดส่วนรายได้ที่มาจากเฟรชแอร์ ในกลุ่มตลาดต่างประเทศจะอยู่ที่ 90% และในประเทศ 10%
นายอรุณ เอี่ยมสุรีย์ กรรมการผู้จัดการ สยามเทมป์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรม แบรนด์ แอร์เทมป์ (Airtemp) ที่ได้รับไลเซ่นส์จากบริษัท Chrysler ในประเทศสหรัฐอเมริกามากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนอย่างมาก ซึ่งธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมแล้ว เมื่อพูดถึงการลงทุนในระยะอันใกล้นี้ ต่างก็จะมีการพิจารณาที่รอบครอบมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะขอรอดูสถานการณ์ไปก่อนจึงจะกลับมาคิดในเรื่องการลงทุนกันใหม่
แต่สำหรับกลุ่มบริษัทต่างชาติที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทยแล้ว ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก ดังนั้นบริษัทฯข้ามชาติเหล่านี้ยังคงที่จะเดินหน้าขยายการลงทุนมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการขยายโรงงานเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกของประเทศที่ส่วนหนึ่งมาจากบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ยังเป็นตัวเลขที่ดีอยู่
ดังนั้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญเป็นฐานใหญ่ ที่ส่งผลให้มูลค่าตลาดเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรมสูงถึงปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมี แอร์เทรน เป็นผู้นำตลาด ขณะที่แอร์เทมป์ มีส่วนแบ่งในตลาดเพียง 2%
ทั้งนี้บริษัทฯไม่ได้ต้องการเข้ามาแข่งขันกับเจ้าตลาดที่มีอยู่แล้วประมาณ 2-3 รายแต่อย่างไร แต่เราต้องการที่จะเข้ามาจับตลาดนีชของตลาดแอร์อุตสาหกรรมมากกว่า โดยจะชูเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านเอ็นจิเนียร์ ล่าสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯจึงได้มีการพัฒนาระบบแอร์อุตสาหกรรม เรียกว่า “แอร์เทมป์ เฟรชแอร์” เป็นระบบแอร์ที่ให้ความเย็นเฉพาะจุด ออกแบบให้ใช้ปรับอากาศสำหรับสถานที่เปิดโดยตรง
โดยปีนี้ได้เริ่มทำการตลาดในประเทศไทยไปบ้างแล้ว ขณะนี้มีลูกค้าตอบรับการติดตั้งแล้ว 2 ราย คือ บริษัท ไทยยามาซากิ จำกัด ผู้ผลิตเบเกอรี่และเค้กสไตล์ญี่ปุ่นยี่ห้อยามาซากิ และบริษัท วายเคเค(ไทยแลนด์)จำกัด ผู้ผลิตซิปและกระดุมรายใหญ่ ซึ่งมูลค่าการติดต่อต่อบริษัทอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท หลังจากนี้คาดว่าจะมีตอบรับเข้ามาอีกหลายราย จากกลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆที่เข้าไปติดต่อไว้
สำหรับเฟรชแอร์ ถือเป็น ระบบแอร์เฉพาะจุดที่อยู่ในช่องว่างตลาดระหว่างแอร์อุตสาหกรรมและแอร์บ้าน ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการระบบแอร์เฉพาะจุดค่อนข้างสูง แต่ในตลาดยังไม่มีผู้เล่นอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการดัดแปลงแอร์ที่มีอยู่มาสู่ระบบให้ความเย็นเฉพาะจุดมากกว่า ซึ่งความต้องการแอร์เฉพาะจุดนี้ มองว่าต่อปีมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาท คาดว่าหลังจากที่บริษัทฯเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ภายใน 1 ปีหลังจากนี้จะมีส่วนแบ่งถึง 30%
โดยบริษัทฯจะมีการทำตลาดในลักษณะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง มองลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก มุ่งเน้นให้ความรู้ และคุณสมบัติพิเศษของตัวแอร์เฟรช ถึงแม้ว่าจะมีค่าติดตั้งสูงกว่าแอร์บ้านกว่า 40% แต่ระยะเวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถคืนทุนได้ ส่วนตลาดต่างประเทศ บริษัทฯได้เข้าไปทำตลาดในแถบตะวันออกกลางมากว่า 2 ปีแล้ว ผลตอบรับดีมาก คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีสัดส่วนรายได้ที่มาจากเฟรชแอร์ ในกลุ่มตลาดต่างประเทศจะอยู่ที่ 90% และในประเทศ 10%