เอเอฟพี – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) วานนี้(3) ต้องรีบออกโรงมาช่วยแก้ต่างให้แก่เกาหลีใต้ โดยชี้ว่าโสมขาวจะไม่เกิดวิกฤตการเงินครั้งที่สองขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นฐานของประเทศเวลานี้แข็งแกร่งกว่าในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปี 1997 เป็นอย่างมาก
ตลาดการเงินกำลังอยู่ในอาการหวั่นผวา เนื่องจากวิตกกันว่าอาจจะมีเงินทุนไหลออกจากแดนโสมขาวเป็นจำนวนมากมหาศาลในเดือนนี้ เพราะว่าพันธบัตรกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้มูลค่า 6,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถือโดยนักลงทุนต่างชาติ จะหมดอายุลง
เมื่อวานนี้(3) เงินวอนของเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ 1,148.5 วอนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 14.5 วอนจากระดับของวันอังคาร(2) และต่ำสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2004 เป็นต้นมา
วานนี้ไอเอ็มเอฟต้องออกมาแถลงว่า ความเหมือนของสถานการณ์นี้กับปี 1997 ก็คือปริมาณหนี้ต่างประเทศพุ่งขึ้น เงินวอนร่วงลงรุนแรง และดุลบัญชีเดินสะพัดเคลื่อนเข้าสู่การขาดดุล
“มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องเน้นว่าความเหมือนเหล่านี้เป็นเพียงแต่ผิวหน้าเท่านั้น เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ทุกวันนี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างมาก” เมอรัล คาราซูลู ตัวแทนไอเอ็มเอฟประจำเกาหลีใต้กล่าว
เธอกล่าวอีกว่าหนี้ระยะสั้นในรูปเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้เวลานี้ ส่วนมากจากการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน โดยผู้ส่งออกและนักลงทุนในต่างประเทศ
นอกจากนี้ แม้ว่าหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้เป็นจำนวนสูงนัก เมื่อเทียบกับรายได้จากการส่งออกของเกาหลีใต้ หรือปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆในภูมิภาคเดียวกัน สถานการณ์ของเกาหลีใต้ก็ยังดีกว่ามาก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ออกมากล่าวว่า สถานการณ์ไม่เหมือนในปี 1997 แม้แต่น้อย ตอนนั้นสถานการณ์ย่ำแย่เสียจนไอเอ็มเอฟต้องเข้าให้เงินกู้ถึง 57,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อประคองเกาหลีใต้ไว้มิให้เข้าสู่ภาวะล้มละลายทั้งประเทศ
แต่ตอนนี้เกาหลีใต้มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ถึง 243,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายเงินหนี้จากพันธบัตรกระทรวงการคลัง
นายกรัฐมนตรีฮานเซืองซู บอกกับนักข่าวว่า “การพูดถึงวิกฤตดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือที่ลอยไปลอยมา ไม่มีใครในรัฐบาลเชื่อว่าเราจะประสบกับสถานการณ์เหมือนปี 1997 อีกครั้ง"
คาราซูลูกล่าวว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ได้ลดการกู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูงลงอย่างมาก และผลประกอบการก็มีกำไรตลอดมา ในขณะที่ภาคการธนาคารมีเงินทุนอยู่อย่างมหาศาล และสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ก็มีสัดส่วนน้อยมาก
“การกำกับดูแลภาคการเงินมีความเข้มงวดขึ้นอย่างมาก และเกาหลีใต้ก็ดำเนินงานภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นอย่างมาก” เธอกล่าว
คาราซูลูยังได้กล่าวอีกว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตอนนี้ยังถือว่า “ไม่มากนัก” การลดค่าลงของเงินวอนก็สะท้อนถึง “สถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญภาวะท้าทายอยู่ในเวลานี้” รวมทั้งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
“สถานการณ์นี้แตกต่างจากปี 1997 เพราะตอนนั้นสิ่งที่ทำให้บัญชีเดินสะพัดมีปัญหาร้ายแรงก็คือการบริหารเงินตราที่ผิดพลาด
สำหรับตลาดหุ้นโซลวานนี้ สามารถดีดขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือนของวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์และก่อสร้าง แม้ว่าจะยังคงมีความกังวลเรื่องความผันผวนของตลาดการเงินก็ตาม
ดัชนีคอสปีเพิ่มขึ้น 19.75 จุดหรือ 1.4 % มาอยู่ที่ 1,426.89
ชินยีจูน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศกล่าวตลาดการเงินของประเทศจะกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม หลังจากกระทรวงการคลังจ่ายทั้งเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยรวม 6,700 ล้านดอลลาร์ สำหรับพันธบัตรที่จะหมดอายุไปในสัปดาห์หน้า “ปริมาณเงินตราต่างประเทศสำรองของเราเพียงพอที่จะจ่าย” หนี้เงินตราต่างประเทศระยะสั้นได้ และธนาคารท้องถิ่นก็ยังมีสภาพคล่องเพียงพอ
ตลาดการเงินกำลังอยู่ในอาการหวั่นผวา เนื่องจากวิตกกันว่าอาจจะมีเงินทุนไหลออกจากแดนโสมขาวเป็นจำนวนมากมหาศาลในเดือนนี้ เพราะว่าพันธบัตรกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้มูลค่า 6,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถือโดยนักลงทุนต่างชาติ จะหมดอายุลง
เมื่อวานนี้(3) เงินวอนของเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ 1,148.5 วอนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 14.5 วอนจากระดับของวันอังคาร(2) และต่ำสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2004 เป็นต้นมา
วานนี้ไอเอ็มเอฟต้องออกมาแถลงว่า ความเหมือนของสถานการณ์นี้กับปี 1997 ก็คือปริมาณหนี้ต่างประเทศพุ่งขึ้น เงินวอนร่วงลงรุนแรง และดุลบัญชีเดินสะพัดเคลื่อนเข้าสู่การขาดดุล
“มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องเน้นว่าความเหมือนเหล่านี้เป็นเพียงแต่ผิวหน้าเท่านั้น เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ทุกวันนี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างมาก” เมอรัล คาราซูลู ตัวแทนไอเอ็มเอฟประจำเกาหลีใต้กล่าว
เธอกล่าวอีกว่าหนี้ระยะสั้นในรูปเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้เวลานี้ ส่วนมากจากการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน โดยผู้ส่งออกและนักลงทุนในต่างประเทศ
นอกจากนี้ แม้ว่าหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้เป็นจำนวนสูงนัก เมื่อเทียบกับรายได้จากการส่งออกของเกาหลีใต้ หรือปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆในภูมิภาคเดียวกัน สถานการณ์ของเกาหลีใต้ก็ยังดีกว่ามาก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ออกมากล่าวว่า สถานการณ์ไม่เหมือนในปี 1997 แม้แต่น้อย ตอนนั้นสถานการณ์ย่ำแย่เสียจนไอเอ็มเอฟต้องเข้าให้เงินกู้ถึง 57,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อประคองเกาหลีใต้ไว้มิให้เข้าสู่ภาวะล้มละลายทั้งประเทศ
แต่ตอนนี้เกาหลีใต้มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ถึง 243,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายเงินหนี้จากพันธบัตรกระทรวงการคลัง
นายกรัฐมนตรีฮานเซืองซู บอกกับนักข่าวว่า “การพูดถึงวิกฤตดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือที่ลอยไปลอยมา ไม่มีใครในรัฐบาลเชื่อว่าเราจะประสบกับสถานการณ์เหมือนปี 1997 อีกครั้ง"
คาราซูลูกล่าวว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ได้ลดการกู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูงลงอย่างมาก และผลประกอบการก็มีกำไรตลอดมา ในขณะที่ภาคการธนาคารมีเงินทุนอยู่อย่างมหาศาล และสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ก็มีสัดส่วนน้อยมาก
“การกำกับดูแลภาคการเงินมีความเข้มงวดขึ้นอย่างมาก และเกาหลีใต้ก็ดำเนินงานภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นอย่างมาก” เธอกล่าว
คาราซูลูยังได้กล่าวอีกว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตอนนี้ยังถือว่า “ไม่มากนัก” การลดค่าลงของเงินวอนก็สะท้อนถึง “สถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญภาวะท้าทายอยู่ในเวลานี้” รวมทั้งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
“สถานการณ์นี้แตกต่างจากปี 1997 เพราะตอนนั้นสิ่งที่ทำให้บัญชีเดินสะพัดมีปัญหาร้ายแรงก็คือการบริหารเงินตราที่ผิดพลาด
สำหรับตลาดหุ้นโซลวานนี้ สามารถดีดขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือนของวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์และก่อสร้าง แม้ว่าจะยังคงมีความกังวลเรื่องความผันผวนของตลาดการเงินก็ตาม
ดัชนีคอสปีเพิ่มขึ้น 19.75 จุดหรือ 1.4 % มาอยู่ที่ 1,426.89
ชินยีจูน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศกล่าวตลาดการเงินของประเทศจะกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม หลังจากกระทรวงการคลังจ่ายทั้งเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยรวม 6,700 ล้านดอลลาร์ สำหรับพันธบัตรที่จะหมดอายุไปในสัปดาห์หน้า “ปริมาณเงินตราต่างประเทศสำรองของเราเพียงพอที่จะจ่าย” หนี้เงินตราต่างประเทศระยะสั้นได้ และธนาคารท้องถิ่นก็ยังมีสภาพคล่องเพียงพอ
