ผู้จัดการรายวัน - ศาลฎีกานักการเมืองรับฟ้อง “ทักษิณ” แปลงสัมปทานมือถือเอื้อชินฯ นัดเปิดคดีนัดแรก 15 ต.ค. อัยการรอดูแม้วแต่งทนายสู้หรือไม่ ด้านศาลปกครองกลางนัดไต่สวนกรณีธนาคารไทยพาณิย์ร้องขอศาลทบทวนคำสั่งกรมสรรพากรให้ธนาคารส่งเงินบัญชี "เอม–โอ๊ค" 12,000 ล้าน ชำระภาษีค้างจ่าย 4 ก.ย.นี้
วานนี้ (1 ก.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง หรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 152, 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 100, 122 กรณีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท
โดยองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาคดีแล้ว มีคำสั่งประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา ซึ่งกำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น. และให้โจทก์ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยตามภูมิลำเนาภายใน 3 วัน
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ต้องรอดูว่าในวันที่ 15 ต.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะแต่งตั้งทนายมาสู้คดีหรือไม่ ถ้าไม่แต่งตั้ง ก็เป็นดุลยพินิจของศาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดินกรณีร่ำรวยผิดปกตินั้น ในวันที่ 2 กันยายนนี้ เวลา 09.30 น.นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา จะเรียกประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมดเพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คนขึ้นพิจารณาคดีนี้ด้วย
สำหรับปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน พักอยู่ที่อังกฤษ หลังจากเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับบุคคลทั้งสอง เนื่องจากทั้งสองไม่มารายงานตัวต่อศาลฯในคดีจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ตามนัดหมายในวันดังกล่าวต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ออกประกาศสืบจับบุคคลทั้งสอง เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ศาลฯ อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เดินทางไปต่างประเทศในระหว่างที่ได้รับการประกันตัวเป็นการชั่วคราว แต่เมื่อครบกำหนด บุคคลทั้งสองไม่ได้เดินทางกลับไทยโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนคำชี้แจงด้วยลายมือระบุ เหตุผลที่ไม่กลับมารายงานตัว เพราะเห็นว่าเขาและครอบครัวถูกกล่าวหา และถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม
สำหรับคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกฟ้องเป็นตำเลยต่อศาลฎีกา ถือว่ามีหลายคดีแล้ว โดยคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ศาลสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 กันยายน นี้ เวลา 10.00 น.
วันเดียวกัน น.ส.อมรา สัจจาสัย ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดี หมายเลขดำ 1328/2551 มีคำสั่งนัดไต่สวนคดีที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยนายวุฒิพงษ์ เวชยานนท์ ผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอให้ศาลทบทวนคำสั่งอายัด และคำสั่งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ส่งเงินในบัญชีเงินฝากของ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และนายพานทองแท้ ชินวัตร มูลค่า12,000 ล้านบาท เพื่อชำระค่าภาษีอากรค้างให้กรมสรรพากร ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ที่ห้องไต่สวน 10 ศาลปกครองกลาง
สำหรับคดีดังกล่าวนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีที่กรมสรรพากรมีคำสั่งอายัด และให้ ธนาคารไทยพณิชย์ฯ ผู้ฟ้องนำส่งเงินในบัญชีเงินฝากของ น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ บุตรสาวและบุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้าง ซึ่งเป็นคำสั่งอายัดซ้อนกับคำสั่งอายัดของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งผู้ฟ้องเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องเสียหาย เนื่องจากหากผู้ฟ้องปฏิบัติตามคำสั่งของกรมสรรพากร อาจทำให้ผู้ฟ้องมีความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลทบทวนคำสั่งอายัด และคำสั่งให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ส่งเงินดังกล่าว โดยคดีนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด
วานนี้ (1 ก.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง หรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 152, 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 100, 122 กรณีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท
โดยองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาคดีแล้ว มีคำสั่งประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา ซึ่งกำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น. และให้โจทก์ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยตามภูมิลำเนาภายใน 3 วัน
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ต้องรอดูว่าในวันที่ 15 ต.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะแต่งตั้งทนายมาสู้คดีหรือไม่ ถ้าไม่แต่งตั้ง ก็เป็นดุลยพินิจของศาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดินกรณีร่ำรวยผิดปกตินั้น ในวันที่ 2 กันยายนนี้ เวลา 09.30 น.นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา จะเรียกประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมดเพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คนขึ้นพิจารณาคดีนี้ด้วย
สำหรับปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน พักอยู่ที่อังกฤษ หลังจากเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับบุคคลทั้งสอง เนื่องจากทั้งสองไม่มารายงานตัวต่อศาลฯในคดีจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ตามนัดหมายในวันดังกล่าวต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ออกประกาศสืบจับบุคคลทั้งสอง เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ศาลฯ อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เดินทางไปต่างประเทศในระหว่างที่ได้รับการประกันตัวเป็นการชั่วคราว แต่เมื่อครบกำหนด บุคคลทั้งสองไม่ได้เดินทางกลับไทยโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนคำชี้แจงด้วยลายมือระบุ เหตุผลที่ไม่กลับมารายงานตัว เพราะเห็นว่าเขาและครอบครัวถูกกล่าวหา และถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม
สำหรับคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกฟ้องเป็นตำเลยต่อศาลฎีกา ถือว่ามีหลายคดีแล้ว โดยคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ศาลสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 กันยายน นี้ เวลา 10.00 น.
วันเดียวกัน น.ส.อมรา สัจจาสัย ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดี หมายเลขดำ 1328/2551 มีคำสั่งนัดไต่สวนคดีที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยนายวุฒิพงษ์ เวชยานนท์ ผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอให้ศาลทบทวนคำสั่งอายัด และคำสั่งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ส่งเงินในบัญชีเงินฝากของ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และนายพานทองแท้ ชินวัตร มูลค่า12,000 ล้านบาท เพื่อชำระค่าภาษีอากรค้างให้กรมสรรพากร ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ที่ห้องไต่สวน 10 ศาลปกครองกลาง
สำหรับคดีดังกล่าวนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีที่กรมสรรพากรมีคำสั่งอายัด และให้ ธนาคารไทยพณิชย์ฯ ผู้ฟ้องนำส่งเงินในบัญชีเงินฝากของ น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ บุตรสาวและบุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้าง ซึ่งเป็นคำสั่งอายัดซ้อนกับคำสั่งอายัดของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งผู้ฟ้องเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องเสียหาย เนื่องจากหากผู้ฟ้องปฏิบัติตามคำสั่งของกรมสรรพากร อาจทำให้ผู้ฟ้องมีความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลทบทวนคำสั่งอายัด และคำสั่งให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ส่งเงินดังกล่าว โดยคดีนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด